นายกฯ ยันที่ประชุมสภาความมั่นคง สั่งห้ามใช้ความรุนแรงตอบโต้เขมร ระบุมาตรการตัดความสัมพันธ์ต้องไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ เตือนคนไทยระวังตกเป็นเครื่องมือในเสพข่าวสารของพวกปล่อยข่าว ย้ำจะไม่มีการปิดพรมแดนและพร้อมรับตัว “นช.แม้ว” กลับมาดำเนินคดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม
วันนี้ (12 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเกี่ยวพันกับการเมืองภายในประเทศของเราด้วย สิ่งที่ได้มีการปรึกษาหารือกัน เพื่อให้การดำเนินการภาครัฐในทุกหน่วยงาน มีความพร้อมกับสถานการณ์ต่างๆและได้มีการแลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเอกภาพที่สุด โดยสรุปอยากเรียนว่าการดำเนินการของรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาซึ่งเกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้ดำเนินการลักษณะที่ไม่เหมาะสม ในส่วนที่มาก้าวล่วงในเรื่องกระบวนการยุติธรรมและทำให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ขัดกันขึ้นมา ฉะนั้นแนวที่รัฐบาลดำเนินการคือการใช้มาตรการทางด้านการทูต ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ในเรื่องของการเชิญเอกอัครราชทูตกลับมา กับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ซึ่งเป็นปัญหาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่
ส่วนการขอความร่วมมือเรื่องของการส่งตัวคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมา เนื่องจากได้รับการปฏิเสธ ซึ่งเราเห็นว่าไม่สอดคล้องกับหลักการปฏิบัติทางสากล และไม่น่าจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงร่วมกัน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตอบหนังสือกลับมา ก็เป็นเรื่องที่ทำให้รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อเติมในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ กำลังทบทวนโครงการความร่วมมือต่างๆ
อย่างไรก็ตามหลักที่รัฐบาลนี้ได้ปฏิบัติมาแต่ต้น ยังคงเป็นหลักที่ต้องยึดถือต่อไป ประการแรกคือไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง นำไปสู่ความรุนแรงในรูปแบบใดทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนชาวไทย กับประชาชนชาวกัมพูชาจะต้องมีปัญหากัน เนื่องจากเป็นการกระทำของรัฐบาล ของประเทศเพื่อนบ้านหรือผู้นำเท่านั้น ซึ่งเราแสดงท่าทีจุดยืนเพื่อปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศ ประการที่สองคิดยังยืนยันในทุกมาตรการเราจะระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกับการดำรงชีวิต และการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนของทั้งสองฝั่งพรมแดน ซึ่งจริงๆแล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้มีโอกาสไปติดตามและให้แนวทางกับบุคคลากรที่เกี่ยวข้อทุกหน่วย เพื่อให้ดูแลในเรื่องความสงบเรียบร้อย มีเรื่องเดียวที่ต้องเข้มงวดกวดขัน ในกรณีของคนที่เดินทางไปเล่นการพนันที่ต้องใช้เอกสารต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจมีความย่อหย่อนอยู่บ้างการการตรวจ ในการเข้มงวด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการทั้งหลายทั้งปวงนี้ เราจะใช้ความระมัดระวังสูงสุดไม่ให้เกิดปัญหาความเข้าใจผิด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนคนไทยหรือในส่วนของกัมพูชาก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมักมีการปล่อยข่าวหรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เช่นหลายครั้งมีการมาสอบถามตนเสมอว่า รัฐบาลไทยกำลังจะไปดำเนินการมาตรการอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นแนวทางของรัฐบาลเลย แต่พอมีข่าวออกไปอาจทำให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิดได้ เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆเราได้มีการชี้แจงถึงแนวทางต่างๆ เพราะตั้งแต่มีปัญหานี้ขึ้นมาเราก็มีความชัดเจนเป็นปัญหาของสองฝ่าย ไม่กระทบกระเทือนกับความร่วมมือ รวมทั้งความร่วมมืออื่นๆในกรอบของอาเซียนด้วยเพราะเป็นอาเซียนอยู่ด้วยกัน ซึ่งในวันนี้ทุกหน่วยงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและกองทัพจะมีการดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจ ถึงท่าทีประเทศไทยและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปมประเด็น ที่เป็นความขัดแย้งอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด
“ขอเรียนว่าการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดบนความเข้าใจที่ตรงกันเช่นนี้ จะประสบความสำเร็จก็ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ผมอยากเห็นความสมัครสมานสามัคคี พร้อมๆกับการที่ประชาชนคนไทยแสดงออก ถึงความอดทนอดกลั้นมีวุฒิภาวะเวลาที่เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันในบางส่วน เพื่อที่จะให้เราได้แสดงออกให้เห็นว่า ทั้งหมดเป็นปัญหาที่ไม่เกิดขึ้นจากฝ่ายไทย แต่เกิดขึ้นจากฝ่ายอื่นและในส่วนรัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยจะเคารพกฎกติกาและมีความประสงค์ ที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านของเราทุกประเทศ นี่คือสิ่งที่อยากจะขอสื่อสารไปยังประชาชน และในส่วนของสื่อมวลชน ขอให้ระมัดระวังข่าวสารต่างๆขอให้ตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะถ้ามีการสร้างความเข้าใจผิด จะทำให้เหตุการณ์อาจลุกลามไปโดยที่ไม่เป็นเจตนาของฝ่ายใด”นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ได้ดูหรือสอบถามกระทรวงต่างๆถึงความร่วมมือล่าสุด ที่จะระงับได้มีอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีรายละเอียดที่ประสงค์จะพิจารณา หรือชี้แจงต่อสาธารณะในขณะนี้ มีแนวทางที่ได้ให้ไปแล้วคือ ไม่ประสงค์ที่จะให้ไปกระทบกับประชาชนโดยทั่วไป เมื่อถามต่อว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า ภาวะในลักษณะนี้จะทอดยาวไปอีกนานแค่ไหน ถ้าเกิดทอดระยะเวลานานออกไป จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ต้องการให้มีการลุกลามบานปลายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันอย่างที่ย้ำมาแต่ต้นว่า ปมปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้นคงจะขึ้นกับฝ่ายกัมพูชาเป็นหลักว่าจะมีท่าทีอย่างไร และท่าทีไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้หมายถึงความขัดแย้งจะต้องรุนแรงมากขึ้น เพราะว่าการแสดงจุดยืนมาตรการทางการทูตก็มีขอบเขตของมัน
เมื่อถามว่า หมายความว่า ถ้ามาตรการทางการทูตมันหมดช่องทางแล้ว จะต้องใช้มาตรการอื่นเข้ามาเสริมด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราไม่ได้มีการแข่งขันในเรื่องของมาตรการ สิ่งที่เราทำก็คือว่า เราแสดงต่อการกระทำที่เกิดขึ้น ถ้าการแสดงออกนั้นมันเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็เท่านั้น แต่ว่าเราก็จะดู เพราะว่าขณะนี้ก็อย่างที่เรียนว่ามีการพิจารณาทบทวนบางมาตรการเท่านั้นเอง และรอดูท่าทีจากฝ่ายกัมพูชาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ปัญหาคือรัฐบาลจะบริหารความเข้าใจของคนไทยยังไง รัฐบาลจะไม่ดูอ่อนแอในสายตาประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ตนได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยได้แสดงออกถึงความสามัคคีอดทน อดกลั้น ยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะเดินหน้าปกปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยเต็มที่แน่นอน ไม่ต้องวิตกกังวล เรื่องใดที่เป็นผลประโยชน์ของเราและได้รับผลกระทบ เรื่องใดที่เป็นความถูกต้องชอบธรรม ศักดิ์ศรีของเราที่ได้รับผลกระทบ เรามีมาตรการ และมีแนวดำเนินการที่จะปกป้องแน่นอน ถามว่า จะบริหารความเข้าใจอย่างไร ก็ขอความร่วมมือจากสื่อสารมวลชนในการระมัดระวังไม่ให้เกิดความคลาดคลื่นในการเสนอข่าว ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิด เพราะว่าในอดีตต้องยอมรับว่า เหตุการณ์เวลาลุกลามก็จะเกิดจากความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ได้ ก็ขอให้ทุกฝ่ายใช้ระมัดระวัง แต่ว่า ตนเรียนว่า แนวทางที่เราทำนั้นเราเดินหน้าเต็มที่ในการปกป้องผลประโยชน์
เมื่อถามว่า ในสถานการณ์ที่มันเปราะบางแบบนี้ คิดว่า รัฐบาลจะยังดูแลสถานการณ์ได้อยู่หรือเปล่า มันจะเกิดปัญหาจนถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่า เราจะไม่สามารถที่จะบริหารงานต่างๆ ได้ ตรงกันข้ามงานการบริหารต่างๆ เดินหน้าเต็มที่ มีเรื่องของรถไฟ มาบตาพุด โครงการประกันรายได้เกษตรกร ทุกอย่างเดินหน้าเต็มที่ครับ
“ทุกคนก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ต่อไป อย่าไปเป็นเหยื่อของคนที่จะสร้างให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อหวังผลบางอย่าง สำหรับพวกพ้อง สำหรับตัวเอง ทุกคนก็ทำหน้าที่ต่อไป ทุกอย่างก็เดินไปตามปกติได้ ผมขอเรียนว่า รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม อย่าตกเป็นเหยื่อของคนที่ทำประโยชน์เพื่อตัวเอง และไม่คำนึงว่าความเสียหายเกิดขึ้นกับส่วนรวมเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกิดขึ้นกับประชาชนคนไทย หรือประชาชนประเทศเพื่อนบ้าน” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า พร้อมที่จะส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย แต่ต้องไม่ใช่ในฐานะนักโทษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงคำขอไปเป็นเรื่องการดำเนินการตามข้อตกลงสากล ก็จะส่งกลับมาก็ส่งกลับมาในฐานะอะไรก็ได้ เราก็รับในฐานะที่ระบุไว้ในกฎหมาย เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซนพยายามเล่นหรือส่งสัญญาณในแง่ของการเล่นเกมทางจิตวิทยา คิดว่าพอจะรับมือหรือรู้เท่าทันแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจเล่นเกมอะไร
“ ผมมีหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ รักษาศักดิ์ศรีของประเทศ และผมไม่เอาตัวผมเองไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าทุกคนยึดประโยชน์ของส่วนรวมปัญหาก็ไม่เกิด เพราะฉะนั้นผมจะเดินหน้ายึดประโยชน์ส่วนรวม ไม่เอาเรื่องตัวผมเข้าไปเกี่ยว” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า มีการพิจารณาทบทวนบางมาตรการ พอจะบอกได้หรือไม่ว่ามีมาตรการอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ยังครับ เมื่อถามต่อว่า จะใช้ส่วนทางอาเซียนกดดันกัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ครับ ตนคิดว่า ปัญหานี้มันเป็นปัญหาซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงกับเรา หรือหลักสากล และเราก็ไม่ได้มีแนวทางการที่จะไปทำให้เกิดความขัดแย้ง จนกระทั่งเกิดความรุนแรงจนไปกระทบต่ออาเซียน ตนก็ได้ให้ความมั่นใจนี้กับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเหมือนกับช่วงที่ตนเดินทางไปญี่ปุ่นมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันหมู่ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงก็ทำตามปกติ เพราะฉะนั้นเราให้ความมั่นใจตรงนี้ไม่ให้ความขัดแย้งไปเป็นภาระหรือลุกลามส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้นั้น ก็เป็นไปตามปกติ ท่านรัฐมนตรีกลาโหมก็ไปตรวจสอบมา การค้าขายก็ยังปกติอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์ ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ โดยเกี่ยวโยงกับการเมืองภายในของเรา คิดว่าจะมีผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศมากน้อยแค่ไหน หรือจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะจุดประสงค์เขาต้องการอย่างนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดประสงค์ก็เป็นจุดประสงค์ของบางฝ่าย แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรือไม่ต้องเป็นไปตามกติกาของบ้านเมือง ซึ่งในขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ
“ แต่ว่าผมก็ไม่อยากเห็นคนไทยหรือนักการเมืองไทยพยายามไปทำให้เกิดปัญหากับคนอื่นเขา เพียงเพื่อตอบสนองเป้าหมายของตัวเองการเมืองภายในประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการใช้ไม้แข็งบ้างหรือไม่นอกจากใช้ไม้นวมทางการทูต นายกฯ กล่าวว่า ใช้รูปแบบตามหลักสากลนั้นแหละครับ อย่าคิดเอาเองว่าอะไรแข็งอะไรอ่อน “ตะโกนเสียงดังก็ไม่ได้แปลว่าแข็ง แต่ว่าทำอะไรเงียบๆ ก็ได้ผลมากกว่า” เมื่อถามว่า วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณมีการปาฐกถาพาดพิงมายังประเทศไทย ท่านจะมีมาตรการยังไงบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟัง ไม่ทราบว่าพูดว่าอะไร เมื่อถามต่อว่า การที่ขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณแต่ไม่ได้รับการตอบสนองกลับมา โดยยืนยันจะไม่ส่งกลับมา ทางไทยจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนได้เรียนแล้วไงว่ากระทรวงการต่างประเทศกำลังพิจารณามาตรการอยู่ ก็เลยไม่ทราบว่าจะส่งกลับไม่กลับ เห็นนายกฯฮุนเซนให้สัมภาษณ์ว่าจะส่งเหมือนกันนี้ครับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ปัจจุบันตามแนวชายแดนจำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหารหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เราระมัดระวังอย่างยิ่งไม่ให้กระทบกระเทือนกับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ใช้ชีวิตตามปกติ เราไม่ประมาท เรามีความพร้อม เราดูแลได้ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ช่วงสุดท้ายในการสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯว่า มีอะไรที่จะฝากถึงพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ทำให้ผู้ที่ร่วมในการแถลงข่าวต่างพากันหัวเราะ รวมถึงนายกรัฐมนตรี