“โฆษกมาร์ค” ซัด “จิ๋ว” เลอะเทอะดึงทฤษฎีการปกครองจีนเทียบไทยไม่ได้ เพราะขัด รธน. เชื่อเสนอนิรโทษกรรมเอื้อประโยชน์ให้ฆาตกรในคดีอาญา แฉแผนเปิดเกมรุกหวังเจาะฐานเสียงชายแดนใต้ แขวะ “ฮุนเซน” ตั้ง “แม้ว” ที่ปรึกษาส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลเขมร เตือนผู้นำเขมรอย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเห็นแก่ประโยชน์คนคนเดียวอยู่เหนือผลประโยชน์ชาติ
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในการตั้งนครรัฐปัตตานี ว่า เรื่องดังกล่าวมีเสียงวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และล่าสุดได้มีการอ้างทฤษฎีดอกไม้หลากสีที่มีการปกครองแบบเขตการปกครองพิเศษของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่ง พล.อ. ชวลิต คงจะเข้าใจผิด เพราะประเทศจีนใช้นโยบายในการปกครองแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ต่างจากประเทศไทยที่เป็นการปกครองแบบรัฐเดี่ยว ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเกรงว่าการอ้างทฤษฎีดังกล่าว จะไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ คิดว่า พล.อ.ชวลิต คงจะพูดเลอะเทอะไปเรื่อย และการเสนอแนวคิดนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำผิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความปรองดองและสมานฉันท์นั้น ตนอยากจะทราบว่า พล.อ.ชวลิต มีเป้าหมายอะไร หรือเพียงต้องการให้ฆาตกร และจำเลยคดีฆ่าตัดตอน คดีกรือเซะ และคดีตากใบ พ้นความผิดใช่หรือไม่
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายส่วนออกมาสนับสนุนแนวคดิดดังกล่าวของ พล.อ.ชวลิต ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบเนื้อหาที่แท้จริงนั้น เพื่อหวังผลทางการเมือง และตอบโต้กระแสสังคมที่มีต่อแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต และต้องการช่วงชิงพื้นที่การเลือกตั้งในจังหวัดภาคใต้ หลังจากสมัยของรัฐบาลไทยรักไทยได้สร้างบาดแผลต่อประชาชนไว้จนยากจะลืม และสุดท้ายพรรคไทยรักไทยก็สอบตกในทุกพื้นที่
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรณีสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีเนื้อหาสาระไม่แตกต่างจากกการตั้งคณะกรรมาธิการทั่วไปของสภาไทย และการที่แต่งตั้งในครั้งนี้เป็นไปในฐานะเพื่อนปลอบใจเพื่อน และตั้งขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่ใช่เพื่อรัฐบาลของประเทศกัมพูชา และหาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปพำนักที่ประเทศกัมพูชาจริง รัฐบาลไทยคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดำเนินการตามกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามที่ไทยกับกัมพูชาได้ทำสนธิสัญญาร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม นายเทพไทได้ตั้งข้อสังเกตที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ไปดำเนินการถอดยศและยึดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลอื่นที่กระทำผิด แต่สมเด็จฯ ฮุนเซนกับตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวอีก จึงอยากให้ติดตามว่าสมเด็จฯ ฮุนเซนต้องการจะสื่ออะไรหรือไม่ และในความคิดเห็นส่วนตัวอยากฝากเตือนสมเด็จฯ ฮุนเซนว่า “อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเอาผลประโยชน์ของคนคนเดียวมาอยู่เหนือผลประโยชน์ของชาติ”
