"เกาะกระแส"
โดย...ก้อนกรวด
00 กลายเป็นเรื่องเมาท์กันสนุกปาก สำหรับการฉายหนังม้วนเก่าแนวคิด “นครปัตตานี” หรือ “นครรัฐปัตตานี” ของ“ขงเบ๊จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และก็เป็นไปตามความคาดหมาย เพราะถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้วแทบมองไม่เห็น แต่เป้าหมายที่ต้องการคือ เรียกร้องความสนใจจากทุกฝ่ายให้มาฟังสิ่งที่ตัวเองได้พูด ได้พล่ามออกมา เพื่อให้ตัวเองมีราคาในสายตาของ“นายจ้าง” เท่านั้น
00 ก็มันจะเป็นไปได้อย่างไรในยุคที่ตัวเองรับหน้าที่รองนายกฯด้านความมั่นคง ดูแลปัญหาชายแดนใต้เมื่อปี 2547-48 เคยเป็นประธานคณะกรรมการดูแลพื้นที่อีกจิปถะเคยเสนอแนวคิดเดียวกันนี้ไปให้ ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่เป็นนายกฯ แค่หางตายังไม่ชำเลืองเลย และก็เป็นยุคที่มีการเข่นฆ่าพี่น้องชาวใต้มากที่สุด หากจำไม่ได้ให้ลองย้อนไปดูที่ “มัสยิดกรือเซะ” และ“ตากใบ” นี่ยังไม่นับเรื่องอุ้มฆ่าในคดียาเสพติดอีกนะจิ๋ว ทุด !!
00 มาในยุคนี้ที่ จิ๋ว อยู่สถานะ“คนรับใช้” ไม่มีราคาจะต่อรองมากนัก แม้ภาพภายนอกอาจจะดูเหมือนกับว่าเป็นตัวเลือก เป็นหมากตัวสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ทำให้ตัวเองคิดว่ามีเครดิต แต่คนอย่าง “เสี่ยแม้ว” ก็ย่อมมองออกว่าสาเหตุที่กลืนน้ำลายหวนกลับมาสู่วงการเมืองอีกรอบ เพราะต้องดิ้นรนหนีคดีอาญา 7 ตุลาคมเท่านั้น ประกอบกับเป็นช่วงที่สังขารร่วงโรย มันก็ยิ่งชวนเวทนา เพราะแทนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ กลับไม่รู้จักปลง และงานนี้ไม่รู้ว่าใครหลอกใช้ใคร รู้แต่ว่าสำหรับบางคนยิ่งแก่ ยิ่งกิเลสหนา
00 จับเพิ่มอีก 1 ราย สำหรับตัวการโพสต์ข้อความกระพือข่าวลืออัปมงคล แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับตัวเบิ้มแต่อย่างน้อยก็อาจทำให้ได้เบาะแสโยงใยเข้าไปไกล้คนที่คอยชักใยได้มากขึ้น ก็ต้องชมเชยตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู รวมไปถึง กระทรวงไอซีที ที่เรื่องนี้ดูจะจริงจังเป็นพิเศษ เมื่อได้ตัวมาแล้วก็ต้องแคะต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าถึงยังไงคนทำผิดมันย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่ !!
00 คงทราบท่าทีกันไปแล้ว สำหรับแนวทางการปฏิรูปการรถไฟของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากได้หารือกับ“โสภณ ซารัมย์” ในฐานะรมว.คมนาคม และผู้บริหารการรถไฟ หลังจากก่อนหน้านี้ได้หารือรับฟังปัญหาที่แท้จริงจากตัวแทนสหภาพพนักงานไปแล้ว จะได้รู้กันไปว่า ใครกันแน่คือตัวถ่วง ปกปิดความผิด ปิดบังทุจริตของตัวเองและลูกพี่ โดยเฉพาะแนวทางการฉวยโอกาสกระทืบสหภาพที่คอยขัดขวางไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาฮุบผลประโยชน์ในการรถไฟ
00 ให้จับตาการฉวยโอกาสการแปรรูป เปิดทางให้เอกชนเข้ามาทำมาหากินในที่ดินทำเลทอง และที่เห็นเฉพาะหน้าคือ การกินค่าหัวคิวจากการสั่งซื้อหัวรถจักร รวมไปถึงการตั้งบริษัทลูกเพื่อมาดูแลผลประโยชน์ ซึ่งมูลค่าในเบื้องต้นมีผลประโยชน์นับล้านล้านบาทรอเข้ากระเป๋าอยู่ ก็ต้องรอดูว่านายกฯ จะกล้าหาญแค่ไหน เพราะเชื่อว่าทันเกมนั้นทันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะกล้า“หัก” กับคนชั่วหรือไม่ !!