เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ลงไปมั่วที่ชายแดนใต้แล้วสำหรับ “จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุคที่เศรษฐกิจล่มสลายจากวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ปี 40 ล้มเหลวจากศึก “บ้านร่มเกล้า” กับประเทศเพื่อนบ้าน และล้มเหลวซ้ำซาก จากตำแหน่งรองนายกฯ และประธานคณะกรรมการแก้ปัญหาความยากจนในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และอีกหลายกรณีที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ที่จนถึงวันนี้ทำไมถึงยังไม่ไปโดดแม่น้ำโขงให้ตายสักทีก็ไม่รู้
00 ล่าสุดพยายามปัดฝุ่นเสนอตั้ง “นครรัฐปัตตานี” ขึ้นมาอีก นัยว่าเป็นการปกป้องท้องถิ่นรูปแบบ “พิเศษ” บอกคร่าวๆว่า จะให้มีเลือกตั้งผู้บริหารกันเอง สามารถออกกฎหมายบางอย่างให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ซึ่งรูปแบบโดยรวมส่วนใหญ่ก็คล้ายกับกรุงเทพมหานคร ฟังดูก็น่าหวือหวาชวนติดตาม แต่เมื่อหันมาดูคนพูด พิจารณาจากแบ็กกราวด์ ล้วนมีแต่เรื่องล้มเหลว และที่ผ่านมาก็เคยรับมอบหมายจาก “นายแม้ว” ให้ดูแลปัญหาชายแดนใต้มาแล้ว ไปรวบรวมปัญหาแถมยังเคยลงมือทำมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้เรื่อง นำข้อมูลมาเสนอแต่ ทักษิณ ไม่เอาด้วย รวมไปถึงนครรัฐปัตตานีอะไรนี่แหละ ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใดเคยเสนอมาตั้งแต่ปี 47-48 แล้ว
00 หลายคนอาจไม่เถียงว่าคนอย่าง “จิ๋ว” คงเข้าใจการเมืองมากกว่าหลายคนในพรรคเพื่อไทย ไล่ลงมาตั้งแต่ “หัวโจก” คือ ทักษิณ แต่น่าจะเป็นความเข้าใจในลักษณะของทฤษฎี เป็นนักโอภาปราศรัยหรือบทบาท “กุนซือ” เสียมากกว่า แต่พอปฏิบัติจริงแล้วมันคนละเรื่อง และที่สำคัญต้องเข้าใจด้วยว่า เขาไม่ได้เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ไม่อาจเป็นผู้กำหนดทิศทางใดๆ ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวว่าจะเห็นอย่างไร อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า สาเหตุที่ พล.อ.ชวลิต กลับเข้ามาสู่การเมืองอีกครั้ง เพราะต้องการดิ้นให้ตัวเองรอดพ้นจากคดี “7 ตุลาคม” เท่านั้น
00 การแก้ปัญหาชายแดนใต้หากจะมองเป็นเรื่องยากก็ว่ายาก จะว่าง่ายก็ง่าย สำคัญที่สุดต้องเข้าใจถึงวัฒนธรรมในท้องถิ่น ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ ซึ่งละเอียดอ่อนกว่าปัญหาในพื้นที่อื่นๆ ที่เน้นในเรื่องความยุติธรรม ความเอารัดเอาเปรียบก็ลดปัญหาลงได้แล้ว แต่ที่นั่นมันซับซ้อนยิ่งไปกว่า เอาง่ายๆ แค่ทหารเอา “สุนัข” ขึ้นไปดมกลิ่นหาหลักฐานคนร้ายในหมู่บ้าน หรือบนบ้านผู้ต้องสงสัย แค่นี้ก็กลายเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงแรงได้แล้ว
00 ดังนั้น นอกจากเรื่องความอยุติธรรมแล้ว ยังต้องเพิ่มในเรื่องความสอดคล้องกับวิถีชีวิต ซึ่งรวมไปถึงการศึกษาและภาษาที่ต้องผิดแผกออกไป นอกจากนี้ยังต้องนำข้าราชการที่มีประสิทธิภาพที่สุดเข้าไปทำงาน ไม่ใช่เอาคนชั่วๆ เหลือขอจากที่อื่นย้ายไปลงโทษที่นั่น กลายเป็นไปเพิ่มปัญหา นี่แหละคือหลักการ ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะเวลานี้ปัญหามันฝังลึกแล้ว ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5-10 ปี กว่าจะเจือจางลงได้
00 ยิ่งสาวยิ่งโยงใยอย่างที่ว่าจริงๆ สำหรับคดีปล่อยข่าว “อัปมงคล” ทุบหุ้นทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันฯ ล่าสุดตำรวจได้เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3-4 ราย แม้ว่าพยายามปกปิด เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลทางด้านจิตวิทยาของนักลงทุน แต่ว่ากันว่าคราวนี้น่าจะมีระดับที่เป็น “ตัวเชื่อม” ไปถึงตัวเบ้งได้บ้าง
00 นี่ก็ถือว่าพิลึกกึกกือ ที่คนๆ หนึ่งเมื่อครั้งก่อนเคยเป็นทนายให้โจทก์ แต่พอเวลาล่วงมาไม่รู้เป็นเพราะเวลาเปลี่ยน แล้วใจคนเปลี่ยนไปหรือไม่ กับกรณีของ “ศุภชัย ใจสมุทร” ที่อดีตเมื่อ 13 ปีก่อนเคยได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการควบคุมธนาคารบีบีซี ที่ตั้งโดยกระทรวงการคลังให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารบีบีซีในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งตอนนั้นมี “กลุ่ม 16” เป็นผู้ต้องสงสัยรวมอยู่ด้วย แต่วันนี้กลับตาลปัตร ศุภชัย ได้พลิกกลับมาเป็นคนสนิทของ เนวิน ชิดชอบ หน้าตาเฉย แถมยังเป็นกระบอกเสียง เคลียร์ให้เสร็จสรรพ การันตีความ “สะอาด” ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ได้แต่บอกว่าคำพูดนั้นจะพูดอย่างไรก็ได้ร้อยแปด แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนจะเชื่อถือหรือไม่เท่านั้นเอง !!