“จิ๋ว” สุมไฟตั้งรัฐปัตตานี หวังใช้หาเสียงเจาะฐานเลือกตั้ง

ปธ.พรรคเพื่อไทย ยังฝันเฟื่องไม่หยุด ชง 3 ยุทธศาสตร์"ดอกไม้หลากสี-นิรโทษกรรม-นครปัตตานี" แก้ปัญหาใต้ ป้องโจรใต้ก่อความรุนแรงเพราะจำใจ เชียร์มุสลิมทวงคืนความยิ่งใหญ่นครปัตตานี เชื่อ รามัน-รือเสาะ-กะพ้อ ไร้รุนแรง หวังใช้หาเสียงเจาะฐานเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า

วันนี้ (3 พ.ย.) ที่โรงแรมเซาเทิร์นวิว อ.เมือง จ.ปัตตานี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ อาทิ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประธานภาคใต้ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พล.ต.ศรชัย มนตริวัต นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พล.อ.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต เดินทางมาร่วมประชุมองค์กรประชาสังคมเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 โดยได้รับความสนใจจาก ส.ส.ในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงเช่น นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน และตัวแทนชาวบ้าน 3 จังหวัด ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา เข้ารับฟังกว่า 1,000 คน

นายอับดุลรอนิ กาหะมะ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานจัดงาน กล่าวรายงานตอนหนึ่ง ว่า การที่ พล.อ.ชวลิต มาพบในครั้งนี้ ต่างจากที่ได้พบในครั้งแรก เพราะวันนี้มาด้วยเจตจำนงทางการเมืองอย่างชัดเจนในฐานะประธานพรรคเพื่อไทย ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงการนำความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีของพี่น้องไทยมุสลิมกลับมาอีกครั้ง พวกเราต้องการความเป็นธรรมในด้านกระบวนการยุติธรรม สิทธิเสรีภาพ การดูแลตนเอง ตามกฎหมาย ตลอดจนการได้รับการส่งเสริมให้ดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์

นายอับดุลรอนิ กล่าวว่า พวกตนจะไม่สนับสนุนแต่เพียงวาจาเท่านั้น แต่ขอประกาศว่าจะร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อกำหนดให้พื้นที่ที่เรียกว่า พื้นที่สันติสุข นำร่อง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ 3จังหวัด คือ อ.กะพ้อ อ.รือเสาะ อ.รามัน ให้มีความสงบปราศจากความรุนแรงนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้(4 พ.ย.)

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า มีคนถามว่าทำไมใกล้ชิดพี่น้อง 3 จังหวัดใต้ เพราะต้นตระกูลตนเมื่อ 400-500 ปีที่แล้ว ได้มาใช้ชิวิตและตายที่นี่ จึงรู้สึกเป็นหนี้ชีวิต เลยตั้งตั้งปณิธานเอาไว้ว่าหากยังนำความผาสุกมาสู่ 3 จังหวัดใต้ไม่ได้ ก็คงจะยุติบทบาทในชีวิตไม่ได้ การตัดสินใจมาทำงานการเมืองส่วนหนึ่งเพราะห่วงใยในปัญหาดังกล่าว ประเทศเราค่อนข้างวิกฤต ความเห็นแตกแยกไปทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ในครอบครัว ที่ผ่านมา ได้เฝ้าดูหนทางว่าใครหรือองค์กรใดจะมีแนวทางต่างๆ ที่จะแก้ไขปัญหาความแตกแยกได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นจริงๆ วันนี้ปัญหาของคน 3 จังหวัดใต้ คือ ปัญหาชาติ และปัญหาชาติก็คือปัญหาของเราเช่นเดียวกัน ปัญหานี้ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2475 จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้เลย

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่เข้ามาทำงานการเมืองหวังใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา ได้เสนอแนวทาง โซ่ข้อกลาง หวังให้ความขัดแย้งสองฝ่ายมาเป็นเนื้อเดียวให้ได้ แต่คนมายืนตรงกลางต้องมีแรงมหาศาล เหมือนยูเอ็น ที่ดูแลไม่ให้ประเทศต่างๆ ขัดแย้งกัน แต่ผมทำไม่สำเร็จ เมื่อวิธีแรกไม่สำเร็จ จึงเลือกวิธีที่สองคือเลือกเข้ามาอยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่ขัดแย้ง จะเอาพลังพรรคการเมืองเข้ามาทำงานให้ประชาชน แทนที่จะไปต่อสู้อีกฝ่าย เลยตัดสินใจมาอยู่พรรคเพื่อไทย ที่มาเพราะประชาชนชี้ให้ตนมาอยู่พรรคนี้ และไม่คิดว่าพรรคอื่นเป็นศัตรู เขายังเป็นเพื่อน อยากให้มาร่วมแก้ไขปัญหาร่วมกับเราถ้าทำได้ถือว่าวิเศษสุด

“องค์กรประชาสังคมใน 3 จ.ใต้ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2547 ได้ทำงานมาตลอด ตนเคยเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาเป็นประธาน เพราะเห็นว่าท่านมีส่วนที่ผูกพันกับสถาบันอันเป็นที่เคารพรัก ผมทำงานถวายพระองค์ท่าน มาตลอดชีวิต เมื่อกราบแทบพระบาท ทราบดีในพระทัยท่านนึกถึงแต่พี่น้องประชาชนโดยตลอด คือ เจตจำนงที่เชิญ พล.อ.เปรม เพื่อเป็นสื่อความสุข ทุกข์ของพี่น้อง ไปกราบบังคมทูล พระองค์ท่านได้อย่างใกล้ชิด” พล.อ.ชวลิต กล่าว

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2551 พยายามติดต่อเอาพี่น้องเรากว่า 1,205 คน ที่ถูกขังคุกใน 6 ประเทศ ให้เข้ามา แต่เผอิญติดขัดปัญหาไม่เข้าใจในกระบวนการนิดหน่อย แต่ก็ได้ฝากไปยังเอกอัครราชทูตให้ประสานงานอีกครั้งหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ผมยังหวังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ไทย กับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย แต่ตนก็ทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ถ้าไม่มีอำนาจคงประสบความสำเร็จได้ยากสิ่งที่มารับฟังวันนี้ทำให้ได้ทราบ 1.เราต้องติดต่อกับใครเพื่อสื่อไปฝ่ายตรงข้ามที่สร้างปัญหาให้เรา คือติดต่อคนที่มานั่งในที่ประชุมห้องนี้ ตนไม่มีอำนาจไม่มีเงิน แต่มีน้ำใจที่จะแก้ปัญหา 2.เมื่อพูดจาติดต่อกันแล้วเราจะสร้างขบวนการสร้างสัติภาพอย่างไร องค์กรสังคมในทุกพื้นที่มีความหมายสูงสุดอยู่แล้ว 3.จะแก้ไขเรื่องอะไร ก็พบว่า ความยุติธรรมคือสิ่งที่สูงสุด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่ได้รับความยุติธรรม อยากให้หน่วนงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจ ทหาร ช่วยมองข้ามปัญหาแบ่งแยกดินแดนไปก่อน ให้มองไปสิ่งที่สูงสุดคือเรื่องของจิตใจประชาชนที่เกิดจากปัญหาการไม่ได้รับความเป็นธรรม

ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราจำเป็นที่จะต้องชี้ทางให้ประชาชนอีกฝั่งว่าจะมีทางลงอย่างไร โดยในสมัยก่อนที่มีปัญหาคอมมิวนิสต์ เรากฎหมายการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ มาตรา 17 สัตตะ คือ มาตราที่สามารถใช้ได้เพื่อเปิดทางลง นั่นคือ การ อโหสิกรรมและการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนหลงผิด แต่ตอนนี้เรามีพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายใน 2550 มาตรา 20 มาใช้ได้แต่อำนาจนี้ไปอยู่ที่ศาล ซึ่งตนเองเชื่อว่าด้วยอำนาจพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสิ่งนี้ให้กับพวกเรา และเวลานั้นกำลังใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะวันนี้คือวันที่ตนเองต้องการจะสื่อว่าการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดและต้องกระทำให้เกิดขึ้น เพราะไม่มีที่ไหนที่จะพูดจากันโดยไม่มีพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกมา

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เคยประกาศยุทธศาสตร์ 3 ข้อ ตั้งแต่ปี 2547 หลังเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ โดย 1.ยุทธศาสตร์ดอกไม้หลากสี เพื่อที่จะให้คนทั้งแผ่นดินได้ตระหนักว่าประชาชนที่อยู่ที่จำเป็นต้องสร้างการต่อสู้และสร้างความเสียหายให้กับพวกเรามีเหตุผลที่จะต้องกระทำสิ่งนี้ เพื่อพยายามบอกว่าสังคมไทยประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ ซึ่งมีอัตลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีของตัวเอง เพื่อให้เห็นใจคน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 2.ยุทธศาสตร์ถอยคนละ 3 ก้าว ท่านถอย เราถอยเพื่อให้เราสามารถมานั่งพูดจากันได้ โดยเป็นสิ่งที่ต้องมีการพูดจาเพื่อให้สันติภาพเกิดขึ้น เพื่อจะมีการขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป และ 3.การเสนอยุทธศาสตร์นครปัตตานี เพื่อการสร้างการปกครองตนเอง หรือสิทธิในการดูแลตนเองในกรอบหนึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งประชาชนไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ส่วนสาเหตุที่ต้องตั้งนครปัตตานี เพราะเกียรติและศักดิ์ศรีของคนมลายูมุสลิมที่อยู่ตรงนี้ คือ คนอิสลามและมุสลิมที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษาทางด้านศาสนา วิชาการต่างๆ และเป็นศูนย์กลางแห่งการค้าและเกียรติประวัติในอดีตที่สูงส่งจนถึงทุกวันนี้

“เราผิดด้วยหรือที่พวกเราจะมารวมกันเพื่อยกย่องเอาเกียรติศักดิ์ของบรรพบุรุษที่สร้างเอาไว้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งให้เป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างการศึกษาและสร้างพิธีการทางศาสนาหรือระบบที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของประชาชนในนครปัตตานีแห่งนี้ ผมเห็นด้วยทุกอย่าง และขอเสนอให้สร้างนูซันตาราซึ่งเป็นมัสยิดที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคแห่งนี้ในการประกอบพิธีทางศาสนา เราต้องมาช่วยกันสร้างเกียรติบุรุษของพวกเราให้เกิดขึ้นให้ได้ในสมัยนี้ เพราะถ้าสร้างในสมัยนี้ไม่ได้อย่าได้หวังว่าจะไปสร้างเมื่อใดอีก ต้องสร้างตอนนี้” พล.อ.ชวลิต กล่าว

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า อยากให้มีการพิจารณาด้วยความเป็นธรรมว่า พวกเราใน 3 หรือ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับผู้ใดเลย สิ่งที่ท่านพยายามสร้างกันคนอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นพ่อแม่พี่น้องเราเหมือนกัน ตนเองฝากไว้ด้วยว่าที่เขาทำนั้น เขาทำด้วยความสำนึก และรู้ว่าการเสียชีวิตของเพื่อน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการของเราทุกคน เป็นความเสียใจของพวกเราอย่างสุดซึ้ง เช่นเดียวกับที่พวกเราได้เสียชีวิตไปโดยไร้สาระ เรารู้ในสิ่งนี้และเราสำนึกในสิ่งนี้ว่ามันมีความหมาย

“แต่เขาเหล่านั้นวันนี้ที่ทำกับเราเขารู้และพยายามจำกัด เพราะมองดูแล้วผมไม่ทราบว่าคนอื่นมองอย่างไร แต่ผมเห็นว่าเขาพยายามจำกัดขอบเขตในการทำงาน ไม่มีอะไรที่เขาทำและไม่เคยมีการกระทำใดๆ ที่รุนแรงทางยุทธวิธี” พล.อ.ชวลิต กล่าว

ทั้งนี้ วันเวลามันผ่านไปเร็ว ตนเองนึกไม่ถึงจริงว่า นายอับดุลรอนิ กาหะมะ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นประธานจัดงานประชุมในวันนี้ ได้พูดว่า เพื่อแสดงหลักประกันและสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ น้ำใจ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นใน 3 อำเภอ ที่มีการต่อเนื่องกัน ได้แก่ อ.รือเสาะ อ.รามัน อ. กะพ้อ ซึ่งอยู่ใน นราธิวาส ปัตตานี และ ยะลา นี่คือการกล้าหาญ การที่กล่าวแบบนี้ได้ คือ การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ตนเองจึงอยากฝากน้องข้าราชการว่าการแก้ไขปัญหาต้องใช้พลังของประชาชน เพราะทุกคนคงทราบดีว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการขัดใจกันของพวกเรา แต่มาขบวนการค้าของเถื่อน ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ขบวนการยาเสพติดและอื่นๆ แต่กลับไม่ข่าวจับกระบวนการเหล่านี้เลย ทั้งที่เป็นกระบวนที่ใหญ่มาก และอยากฝากบอกขบวนการเหล่านี้ยุติการกระทำได้แล้ว

“ช่วยกรุณานึกวันที่มีความสำคัญที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ คือ วันที่ 5 ธ.ค.ขอให้เป็นวันสันติสุขสู่แผ่นดินใต้ ได้ไหม เพราะนั่นคือความสุขในพระราชหฤทัยของพระองค์ท่าน สิ่งที่พวกท่านเสนอมา ทางเราก็จะวางแผนรายละเอียดและจะนำมาให้ประชาชนภายหลัง เราเรียกว่า “ฮารับปันบารูเซอกัล” แปลว่า ความหวังใหม่ในรูปแบบใหม่และสถานการณ์ใหม่” พล.อ.ชวลิต กล่าว

จากนั้น พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า นครปัตตานี เป็นการปกครองท้องถิ่น หรือ Local Government เหมือนที่กรุงเทพมหานคร พัทยา ที่มีทั้งการปกครองส่วนจังหวัด การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็เพิ่มขึ้นมาอีกแบบเป็นนครปัตตานี ส่วนในรายละเอียดจะเป็นอย่างก็ให้เขียนใส่ใน พ.ร.บ.การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.เราต้องช่วยกันกำหนดไม่ขัดหลักศาสนาหรือวัฒนธรรมต่างๆ ไม่มีใครคิดแยกออกไปปกครองตนเองหรอก ทุกอย่างเป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น

เมื่อถามว่า การเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยนครปัตตานี เป็นการหวังหาเสียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องนั้น ที่ตนเข้ามาทำงานการเมืองอีกครั้งก็เพราะต้องการเข้ามาแก้ปัญหา 4-5 เรื่องที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้ คือ ความขัดแย้งภายในประเทศ ปัญหาชายแดนภาคใต้ ปัญหาเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาความยากจน และปัญหาความจงรักภักดี ตนไม่ได้หวังเรื่องการหาเสียงตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านก็พยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่า แต่การจะดำเนินการตามที่กล่าวจะต้องเป็นรัฐบาล พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อเป็นรัฐบาลก็สามารถทำอะไรได้เร็วขึ้น แต่ก็อยู่ที่การร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย หากร่วมมือกันก็สามารถทำให้สำเร็จได้

นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส กลุ่มสัจจานุภาพ พรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตนมาร่วมงานนี้ตามคำเชิญของ พล.อ.ชวลิต เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เพราะ พล.อ.ชวลิต เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกในปัญหาภาคใต้ ส่วนตนจะเข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น คิดว่า การทำงานเพื่อประชาชนไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคใดพรรคหนึ่ง แม้อยู่ต่างพรรคก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต เสนอนโยบายแก้ปัญหาโดยให้จัดตั้งเป็นนครปัตตานี นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระจายอำนาจสู่ประชาชน เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต เพียงคนเดียว และรัฐบาลก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะตนได้อ่านหนังสือพิมพ์ของมาเลเซีย ได้รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับปากกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ผ่านมา ถึงการปกครองของ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะเชื่อว่า สามารถแก้ปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ตนทราบว่า มี ส.ส.ภาคใต้ส่วนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านกับแนวทางนี้ ซึ่งตนได้พยายามตั้งกระทู้ถามในสภาแล้ว แต่ยังไม่บรรจุเป็นวาระ

นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า แนวคิดเขตปกครองนี้ ไม่ได้หมายความว่า แบ่งแยกให้ 3 จังหวัดมีเอกราชของตัวเอง เพียงแต่ขอมีส่วนร่วมในการตัดสินกับการปกครอง ซึ่งต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว ที่ จ.อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย และถ้า 3 จังหวัดนี้เป็นเขตปกครองพิเศษ ที่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้ตัวตนเองได้แล้ว ก็เป็นแนวทางให้ จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ต ดำเนินการได้เหมือนกัน