xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลืออัปมงคล-ยิ่งสาวก็ยิ่งโยงใย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผ่าประเด็นร้อน”

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุม 2 ผู้ต้องหาที่เป็นตัวการในกรณีปล่อยลืออัปมงคลทำลายความมั่นคง และทำให้ตลาดหลักทรัพย์เกิดความปั่นป่วนจากข่าวลือดังกล่าว จนทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเกิดความแตกตื่นเกิดการเทขายหุ้นกันจ้าละหวั่น เพียงแค่ 2 วันคือ วันที่ 14-15 ตุลาคม ที่ผ่านมาที่เกิดข่าวลือทำให้หุ้นรูดลงไปกว่า 60 จุด แต่อีกด้านก็สามารถทำกำไรให้กับคนบางกลุ่มได้จำนวนมหาศาล

การจับกุมคราวนี้น่าจะส่งผลกระเทือนพอสมควร เพราะผู้ต้องหาทั้งสองรายล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ชื่อดัง โดยหนึ่งในสองคนยังเคยเป็นถึงกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์อีกด้วย ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากระทำผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ

สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือการปล่อยข่าวลืออัปมงคลดังกล่าวได้เจาะจงปล่อยข่าวลงในเว็บไซต์ “ประชาไท” และ “ฟ้าเดียวกัน” เป็นหลัก และต้องตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ทำไมต้องเป็นเว็บดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หากเป็นคนท่องโลกอินเทอร์เน็ต หรือไซเบอร์ ย่อมรู้กันดีว่าเว็บที่ว่านั้นมักมีบทความและโพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่จาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เป็นระยะ บางครั้งอาจใช้วิธีหลบเลี่ยงและใช้สัญญลักษณ์ในการทำลายสถาบันเบื้องสูง และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงหน่วยงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ร่วมกันแกะรอยจนได้ตัวผู้ต้องหา

หากมองในภาพกว้างทางด้านตวามมั่นคงย่อมไม่ธรรมดา และที่สำคัญน่าจะเป็นการเชื่อมโนงถึงกันอย่างเป็นขบวนการทั้งภายในและภายนอกประเทศผสมโรงกันเข้ามา ในช่วงเวลาเดียวกัน

เพราะหากต่อจิ๊กซอว์จากหลายเหตุการณ์ล้วนมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เสมือนจงใจให้เกิดการบ่อนเซาะไปที่สถาบันที่ประชาชนให้การเคารพเทิดทูน

เหตุการณ์บังเอิญนับตั้งแต่กรณี “จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีได้หวนกลับมาอยู่ใต้สังกัด กลับมารับใช้ ทักษิณ ชินวัตร อีกรอบ พร้อมๆกับนายทหารรุ่น 10 ที่ยกโขยงเข้าพรรคเพื่อไทย และถัดมา พล.อ.ชวลิต ก็มีภารกิจพิเศษนั่นคือการไปพบกับ “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชาจนนำไปสู่วาทะที่ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมไทย และย่ำยีศักดิ์ศรีคนไทยทั้งชาติ

และนี่ไม่รู้ว่าเป็นพฤติกรรมของ พล.อ.ชวลิต ที่ถูกเตือนล่วงหน้าจาก พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในเรื่องของ “คนทรยศชาติ” หรือไม่

ถัดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำโดย วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้จุดพลุในประเด็น “ผู้สำเร็จราชการ” ออกมาอย่างไม่บังควร ทั้งที่เป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทำไมจู่ๆคนพวกนี้ถึงต้องนำเรื่องดังกล่าวออกมากล่าวถึงอย่างจงใจ

เพราะหากเป็นคนไทยทั่วไปจะไม่นำเรื่องไม่บังควรมาพูด อีกทั้งยังไม่ถูกกาลเทศะเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากมีเจตนาที่ซ่อนเร้นบางอย่างเท่านั้น

นอกจากนี้ การนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์ที่ตามปกติแม้แต่หลังการรัฐประหารทุกครั้งมักจะไม่มีการแตะต้อง ขณะเดียวกัน การที่แกนนำคนเสื้อแดงนำเรื่องดังกล่าวมาพูดก็ต้องตั้งคำถามว่ามีเจตนาอะไรกันแน่ อีกทั้งการเสนอให้แก้ไขในมาตรา 20 ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประธานองคมนตรีที่ประเด็นที่เกี่ยวกับการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็เป็นแค่ตัดตอนและเจตนาบิดเบือนให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดเท่านั้น

เพราะกว่าจะมาถึงมาตรา 20 จะต้องผ่านขั้นตอนในมาตรา 18 และ 19 ซึ่งต้องเป็นไปตามพระราชอำนาจและพระราชอัธยาศัย และตามกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาตามลำดับ ดังนั้นการนำเรื่องดังกล่าวมากล่าวโจมตีประธานองคมนตรีอย่างเจาะจงเหมือนเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

เมื่อวกกลับมาพิจารณาในเรื่องการปล่อยข่าวอัปมงคลอีกครั้งก็ย่อมทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างให้เห็นมากขึ้นว่าอาจไม่ใช่แค่การปล่อยข่าวเพื่อหวังทำกำไรจากการเข้าไปช้อนซื้อหุ้นราคาถูกในช่วงที่นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกต่างเทขายออกมาอย่างโกลาหลเท่านั้น

แต่น่าจะมีเจตนาเพื่อทำลายความมั่นคงอย่างเป็นระบบมากกว่า เพราะในช่วงเวลาเดียวกันยังมีบทความของ ใจ อึ๊งภากรณ์ นักวิชาการสีแดงที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอยู่ในต่างประเทศก็ได้เผยแพร่บทความโจมตีสถาบันออกมาอย่างบังเอิญ

ดังนั้น เมื่อพิจารณาต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบมันทำให้เกิดความน่าสงสัยการปล่อยข่าวลืออัปมงคลอาจเนเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการทำลายความมั่นคง และทำลายสถาบัน เป็นการประสานงานกันทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นขบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปโพสต์เพื่อขยายความในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันและประชาไท ที่รู้กันดีว่าเป็นเว็บที่มีมีข้อความจาบจ้วงอยู่เป็นประจำ

แม้ว่าในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผลในการสืบสวนจับกุม ซึ่งล่าสุดอาจจะออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3-4 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีระดับ “ขาใหญ่” ในวงการหุ้นรวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เอาจริงเอาจังของฝ่ายตำรวจโดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็น่าจะสามารถขยายผลไปได้ไกลพอสมควร หากโชคดีก็อาจสาวไปใกล้ตัวไอ้โม่งที่กำลังชักใยป่วนอยู่ในเวลานี้ก็เป็นได้

เพราะเชื่อว่างานนี้ยิ่งสาวก็ยิ่งโยงใย และที่สำคัญคนที่ทำผิดมักทิ้งร่องรอยเอาไว้ ก็ได้แต่หวังว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเอาจริงเอาจังหาผู้กระทำผิดที่เป็นตัวการให้ได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น