รมว.ไอซีที แจงกระทู้วุฒิฯ ประมูล 3 จี ระบุเป็นหน้าที่ของ กทช. อัดวิธีการประมูลให้ราคาสูงสุดชนะ มักง่ายเกินไปเพราะไม่คำนึงถึงผู้ประกอบการไทย หวั่นต่างชาติฮุบคลื่นส่งผลรายได้รัฐลด ข้องใจ กทช.รีบร้อนประมูลเกินเหตุ
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ได้พิจารณากระทู้ถามด่วนที่ พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหา ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องความคืบหน้าของการดำเนินโครงการประมูลจัดสรรคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ว่า จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เข้ามาทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี โดยใช้วิธีการประมูลใบอนุญาตทุกใบพร้อมกัน ซึ่งผู้เสนอราคาประมูลสูงสุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล จึงอยากถามว่า กทช.ใช้อำนาจตามกฎหมายใดดำเนินการ รูปแบบในการประมูลจัดสรรคลื่นความถี่ 3จี โดยกำหนดให้ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะการประมูลนั้นเป็นวิธีการที่สร้างความเป็นธรรมหรือไม่ และคำนึงข้อดีข้อเสีย จากผลของวิธีการดังกล่าวหรือไม่ รวมถึงการเก็บค่าสัมปทานจนกว่าจะครบอายุสัญญาหรือไม่อย่างไร และจะทำให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ ตลอดจนผู้รับสัมปทานให้สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้และประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างไร รัฐบาลจะมีแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ถามชี้แจงว่า การดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ 3จี ของ กทช.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งกระทรวงไอซีทีไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เพราะ กทช.เป็นองค์กรอิสระเต็มที่ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ต้องดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายของรัฐบาล สำหรับวิธีการประมูลที่ให้ผู้เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ได้รับการจัดสรรนั้น กระทรวงไอซีทีได้เสนอความคิดเห็นว่าเป็นวิธีคิดง่ายเกินไป ทำไมไม่คิดถึงผู้ประกอบการคนไทย จึงได้ให้ กทช.กลับไปประมวลมาใหม่คำนึงถึงความมั่นคงของชาติ ถ้าหากเปิดเสรีแล้วจะไปควบคุมต่างชาติได้อย่างไร โดยเฉพาะข้อมูลทหาร และเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนประเด็นเรื่องการกำหนดราคาค่าบริการให้เป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้บริการนั้น ขณะนี้ การดำเนินการของ กทช.ยังไม่สิ้นสุดจึงไม่สามารถตอบรายละเอียดได้แต่ยืนยันว่าจะดูแลให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมจากค่าบริการ
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวอีกว่า เป็นห่วงว่าหากบริษัทต่างชาติชนะประมูลได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ 3 จี ซึ่งกำหนดราคาประมูลเริ่มต้นไว้แค่เพียง 5,600 กับ 4,200 ล้านบาท แต่จะส่งผลให้รายได้ที่ส่งเงินปันผลให้กระทรวงการคลัง ลดลงไปจากเดิมที่ ที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (แคท) และบริษัท ทีโอที จำกัด จ่ายให้กระทรวงการคลังปีละ 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังอาจถูกแย่งฐานลูกค้าหากปล่อยให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาแข่งขัน ส่วนกรณีที่ กรรมการ กทช.ลาออก และจับฉลากออกไปจนเหลือทำหน้าที่อยู่แค่ 3 คนจาก 7 คนในขณะนี้ อยากถามว่าโดยมารยาทแล้วควรจะดำเนินการประมูลคลื่น 3 จีต่อไปหรือไม่ และการที่วุฒิสภาบรรจุวาระเลือกกรรมการ กทช.ใหม่ในวันที่ 23 พ.ย.นี้จะช้าเกินไปหรือเปล่า ขณะที่เห็นว่าการดำเนินการของ กทช.เป็นไปด้วยความรีบเร่งเหลือเกิน
