กทช.เดินหน้าประมูล 3G เมินเสียงทักท้วง ทั้งความไม่โปร่งใส และมารยาทความเหมาะสม ประธาน กทช.คาดราคาเริ่มต้นประมูลไลเซนส์ 3G ไม่เกิน 1 หมื่นล้าน มั่นใจสรุปจบได้พรุ่งนี้ การันตีปี 53 ได้ใช้แน่
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการ กทช.วันพรุ่งนี้ เชื่อว่า จะสามารถสรุปราคาเริ่มต้นประมูลใบอนุญาตให้บริการ 3G โดยราคาจะไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท และยังยืนยันว่า กรอบเวลาการประมูลยังเป็นไปตามกำหนดเดิมภายในปลายปีนี้ และเชื่อว่า ในปี 2553 จะสามารถเริ่มให้บริการ 3G ได้
ก่อนหน้านี้ พรรคการเมืองใหม่ (กมม.) ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการ กทช. ชะลอการประมูลใบอนุญาตผู้ให้บริการคลื่นความถี่ 3 จี ออกไปก่อน เพราะการเตรียมการประมูลเป็นไปอย่างลุกลี้ลุกลน และรวบรัดตัดตอน เช่น สถานภาพของกรรมการที่มีเพียง 3 คน เงื่อนไขการประมูลยังกีดกันและห้ามบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ กระบวนการยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใสและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
พรรคการเมืองใหม่ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า การประมูลครั้งนี้มีผลประโยชน์หลายร้อยล้านบาทอาจมีกลุ่มธุรกิจการเมืองบางกลุ่มได้ประโยชน์ ทั้งเม็ดเงินการประมูล และการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะบริษัทมือถือรายใหญ่ ที่หากชนะการประมูลจะโอนย้ายลูกค้าไปใช้โครงข่ายใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ต้องนำส่งรัฐ จึงขอเรียกร้องให้ กทช.และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้จัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้บริโภคในวงกว้างมากกว่าจะดำเนินการโดยลำพัง
ประเด็นที่น่าจับตา ได้แก่ การประมูลใบอนุญาตครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 1.6 ล้านล้านบาท แต่การประมูลที่เกิดขึ้นกลับมีรูปแบบลุกลี้ลุกลนเหมือนพยายามอำนวยประโยชน์ต่อกัน เนื่องจากมีการกีดกัน กสท และ ทีโอที ประกอบกับมีการให้ใบอนุญาตเพียง 4 ใบ ซึ่งเมื่อหลับตาดูแล้วจะรู้ว่า มีผู้ให้บริการรายใดบ้างที่จะได้ใบอนุญาตไป การประมูลจึงเป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการ กทช.วันพรุ่งนี้ เชื่อว่า จะสามารถสรุปราคาเริ่มต้นประมูลใบอนุญาตให้บริการ 3G โดยราคาจะไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท และยังยืนยันว่า กรอบเวลาการประมูลยังเป็นไปตามกำหนดเดิมภายในปลายปีนี้ และเชื่อว่า ในปี 2553 จะสามารถเริ่มให้บริการ 3G ได้
ก่อนหน้านี้ พรรคการเมืองใหม่ (กมม.) ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการ กทช. ชะลอการประมูลใบอนุญาตผู้ให้บริการคลื่นความถี่ 3 จี ออกไปก่อน เพราะการเตรียมการประมูลเป็นไปอย่างลุกลี้ลุกลน และรวบรัดตัดตอน เช่น สถานภาพของกรรมการที่มีเพียง 3 คน เงื่อนไขการประมูลยังกีดกันและห้ามบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ กระบวนการยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใสและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
พรรคการเมืองใหม่ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า การประมูลครั้งนี้มีผลประโยชน์หลายร้อยล้านบาทอาจมีกลุ่มธุรกิจการเมืองบางกลุ่มได้ประโยชน์ ทั้งเม็ดเงินการประมูล และการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะบริษัทมือถือรายใหญ่ ที่หากชนะการประมูลจะโอนย้ายลูกค้าไปใช้โครงข่ายใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ต้องนำส่งรัฐ จึงขอเรียกร้องให้ กทช.และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้จัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้บริโภคในวงกว้างมากกว่าจะดำเนินการโดยลำพัง
ประเด็นที่น่าจับตา ได้แก่ การประมูลใบอนุญาตครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 1.6 ล้านล้านบาท แต่การประมูลที่เกิดขึ้นกลับมีรูปแบบลุกลี้ลุกลนเหมือนพยายามอำนวยประโยชน์ต่อกัน เนื่องจากมีการกีดกัน กสท และ ทีโอที ประกอบกับมีการให้ใบอนุญาตเพียง 4 ใบ ซึ่งเมื่อหลับตาดูแล้วจะรู้ว่า มีผู้ให้บริการรายใดบ้างที่จะได้ใบอนุญาตไป การประมูลจึงเป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น