xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” ยันโพลหนุนถอดยศ-เครื่องราชฯ “นช.แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โฆษกมาร์ค” ตอกกลับทีมโฆษกเพื่อไทย ท้าให้ไปลอยกระทงที่กัมพูชา ลั่นไม่เป็นไทยขอใช้เอกสิทธิ์ความเป็นไทยไม่ใช่นักโทษลี้ภัย แขวะหากไปลอยอังคารก็อาจจะไปร่วม ชี้แดงทั้งเดือนถือเป็นฝันร้ายคนทั้งชาติ แฉอาจแบมือของบนายใหญ่ดูไบ 300 ล้านเพื่อเคลื่อนไหวล้ม รบ.เชื่อ “แม้ว” เปิดทีวี100 ช่องหวังผลทางการเมือง อ้างผลโพลรัฐบาลเดินถูกทางหนุนถอดยศ-ริบเครื่องราชฯ นช.ทักษิณ


วันนี้ (1 พ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ รวมถึงตัวนายเทพไท ไปลอยกระทงที่ประเทศกัมพูชา ว่า เราไม่ใช่นักโทษหนีคดี ที่ต้องไปลอยกระทงที่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือต้องไปซ่อนตัว เพราะอยากทำอะไรก็มีสิทธิ์ทำในบ้านเกิดได้ นอกจากคนไม่มีแผ่นดินอยู่ และตนคงไม่ไปลอยกระทงที่ประเทศกัมพูชา หากเรียกร้องให้ไปลอยอังคารส่วนตัวเพื่อใครบางคน ตนก็ยินดีที่จะไป แต่ไม่ต้องไปถึงกัมพูชาเพียงเกาะกง หรือเกาะช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ก็น่าจะลอยที่นั่นได้ เพราะเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ หากเปรียบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ก็เหมือนกระทงที่ใช้แล้ว และคงไม่มีใครเก็บมาใช้อีก นอกจากเด็กที่ว่ายน้ำไปเก็บกระทง เพื่อเก็บเศษเงิน ดังนั้น สังคมไทยไม่ควรที่จะกลับไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ อีก

นายเพทไท กล่าวถึงกรณีแกนนำคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมตลอดทั้งเดือนธันวาคม ว่า แค่ประกาศคนไทยทั้งประเทศก็ขวัญผวา และตนก็ไม่อยากให้ฝันร้ายของคนไทยกลับมาอีก ซึ่งการประกาศชุมนุมปิดหน้าทำเนียบรัฐบาล และบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นเป้าหมายทางการเมืองชัดเจนว่า ต้องการให้แตกหัก และต้องการล้มล้างรัฐบาล หากดูประเด็นการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ก็ไม่มีประเด็นอะไรให้มวลชนมาเข้าร่วมเลย

นายเทพไท กล่าวว่า สิ่งที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อ้าง 5 ประเด็น คือ 1.รัฐบาลเข้ามาโดยไม่ชอบธรรมนั้น การที่ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาเป็นรัฐบาล ด้วยสภาและรัฐธรรมนูญเดียวกัน ชอบธรรมมากกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตรงไหน 2.ที่บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นเผด็จการ แต่เมื่อต้องการแก้ไข คนเหล่านี้ก็ล้มกระดานไม่เข้าร่วมด้วย อยากถามว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะเป็นตัวถ่วงอย่างนี้ 3.อ้างว่ารัฐบาลชุดนี้ทุจริต แต่รัฐบาลก็พร้อมให้การตรวจสอบ แต่เมื่อให้นำหลักฐานมายืนยันก็ไม่มี ตนอยากเรียกร้องว่า หากต้องการตรวจสอบ ก็ขอให้ใช้กลไกของรัฐสภา ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีในการเปิดประชุมสมัยหน้า และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ยุบสภาหนีการอภิปรายอย่างแน่นอน

4.อ้างว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน มีแค่กระดาษเพียง 2 แผ่น เท่านั้น ตนไม่ทราบว่าทีมงานพวกนี้ไปมุดหัวที่ไหน เพราะรัฐบาลทำผลงานรอบแรกในช่วง 6 เดือนแรก โดยจัดทำเป็นหนังสือใช้ชื่อว่า “กว่าร้อยมาตราการ หลายล้านความสุข” และอยากให้ทีมโฆษกเพื่อไทยไปหาอ่านดู หากหาไม่ได้ จะให้ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ส่งไปให้ หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจก็ให้ไปต้มนำดื่ม เพื่อให้ซึมซับเข้าไป เพื่อจะได้รู้ว่ารัฐบาลมีผลงานอะไรบ้าง การเทียบผลงานของรัฐบาล 8 เดือน กับ 8 ปี กับรัฐบาลทักษิณ ในเงื่อนเวลาจำกัด ตนมั่นใจว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีผลงานที่แตะต้องได้ 5.ที่กล่าวหาว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี ตนอยากถามกลับว่า เศรษฐกิจของใครไม่ดี ถ้าเป็นเศรษฐกิจของแกนนำเสื้อแดงไม่ดี เงินในกระเป๋าขาดสภาพคล่อง คงต้องไปแก้ปัญหากับนายใหญ่ที่ดูไบ หรือไม่ก็จัดงบหักค่าหัวคิวในแต่ละครั้งที่ไปหา ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมขอยืนยันว่าดีขึ้น โดยดัชนีไตรมาส 4 ดีแน่นอน

“การที่คนเสื้อแดงประกาศปิดล้อมทำเนียบ โดยใช้เวลานานนับเดือนว่าจะได้รับชัยชนะ และจะระดมคนให้ได้นับล้าน เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ ราคาคุย แต่เราก็ไม่ประมาท และพร้อมที่จะรับมือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ต้องใช้เงินอย่างมหาศาล และการประกาศว่าจะใช้เงิน 18 ล้านบาท ผมบอกได้เลยว่าวันเดียวก็หมดแล้ว เพราะการชุมนุมครั้งหนึ่งหมดที 10 ล้านบาท และจากการแจ้งจากสายข่าวที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง บอกว่าใช้เงินวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท หากชุมนุมเป็นเดือนก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท จะหาทุนกี่ครั้งถึงจะได้ 300 ล้านบาท ถ้าไม่ไปขอทุนที่ดูไบ เพราะการจัดระดมทุนเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา เตรียมที่นั่งไว้ 1,640 ที่นั่ง แต่มีผู้เข้าร่วมเพียง 200 คน ขายบัตรไม่ได้ ขาดทุนยับเยิน อาหารบูดเน่าเสีย ถ้าจะระดมทุน 18 ล้านบาท หรือ 300 ล้านบาท ก็ใช้เวลานาน หรือเป็นเพียงฉากบังหน้า หรือพิธีกรรม เพื่อไม่ใช้สังคมตรวจสอบได้” นายเทพไทกล่าว

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเปิดทีวี 100 ช่อง ซึ่งตนฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้น แต่เชื่อว่า เป็นแผนการตลาดธรรมดาที่ พ.ต.ท.ทักษิณถนัด และเชื่อว่า คนมีเงินทำอะไรก็ได้ เพราะเงินที่ได้มาเป็นเงินโกง ไม่ใช่เงินจากน้ำพักน้ำแรง ดังนั้น การใช้เงินหวังผลทางการเมืองจึงไม่รู้จักเสียดาย แต่รัฐบาลจะไม่ปิดกั้น หากไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย เชื่อว่า ทีวี 100 ช่อง ไม่ร้ายเท่ากับช่องเดียว คือช่องปากของพ.ต.ท.ทักษิณ และหากปิดได้บ้านเมืองก็จะสงบสุข ส่วนที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว ออกมากล่าวว่า การเปิดที่วี 100 ช่อง ไม่หวังผลทางการเมืองนั้น ซึ่งพฤติกรรมที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งนายนพดลจะไปอมโบสถ์ อมวิหาร มาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะเป็นนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำอะไรต้องหวังผลตอบแทน หวังกำไรจากการลงทุน ดังนั้น การลุงทุนทีวี 100 ช่อง ใช้เงินหลายร้อยล้านโดยไม่หวังผลทางการเมือง จึงเป็นไปไม่ได้

ส่วนกรณีความคืบหน้าการยึดคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายเทพไท กล่าวว่า รัฐบาลลำบากใจกับเรื่องดังกล่าว เพราะหากปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ก็จะมีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่กล้าเอาผิดพ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลซื้อเวลา แต่เมื่อรัฐบาลเข้าไปเร่งรัด ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย คนเหล่านี้ก็มากล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง ต้องการที่จะทำลายล้างทางการเมือง ดังนั้น ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินทางสายกลาง จะไม่มีการแทรกแซง ชี้นำ หรือดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่ดำเนินการ แต่หากดูจากสวนดุสิตโพล มีข้อสังเกตในตัวเลขประชาชนที่แสดงความเห็นน่าสนใจ 3 ประเด็น คือ 1.เห็นว่าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อตรวจสอบว่าผิด ก็สามารถอยู่ในหลักเกณฑ์ถอดถอนได้ ร้อยละ 41.59 2.เห็นว่าการถอดยศหรือยึดเครื่องราชฯไม่รุนแรง ทำตามหลักเกณฑ์ ร้อยละ 42.59 3.เห็นด้วยกับการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ สูงถึง ร้อยละ 41.94 ถือว่าเป็นตัวเลขที่ชี้ชัดได้ว่า สังคมไทยมีวุฒิภาวะและสติเพียงพอที่จะเห็นว่า กติกาของบ้านเมืองควรได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การที่รัฐบาลยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ บริหารประเทศเป็นแนวทาง ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และสามารถทำให้บ้านเมืองเดินผ่านวิกฤตไปได้ และเรียกความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนมาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น