xs
xsm
sm
md
lg

เหน็บพท.ยุลอยกระทงเขมร อภิสิทธิ์žไม่ใช่นักโทษหนีคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การยึดคืนยศและเครื่องราชย์อิสริยาภรณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ารัฐบาลลำบากใจกับเรื่องดังกล่าว เพราะหากปล่อยให้ เป็นไปตามกระบวนการ ก็จะมีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่กล้าเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลซื้อเวลา แต่เมื่อรัฐบาลเข้าไปเร่งรัด ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย คนเหล่านี้ก็มากล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง ต้องการที่จะทำลายล้างทางการเมือง
ดังนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินทางสายกลาง จะไม่มีการแทรกแซง ชี้นำ หรือ ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่ดำเนินการ แต่หากดูจาก สวนดุสิตโพล มีข้อสังเกตในตัวเลขประชาชนที่แสดงความเห็นน่าสนใจ 3 ประเด็นคือ 1.เห็นว่าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อตรวจสอบว่าผิด ก็สามารถ อยู่ในหลักเกณฑ์ถอดถอนได้ ร้อยละ 41.59 2.เห็นว่าการถอดยศ หรือยึดเครื่องราชย์ฯไม่รุนแรง ทำตามหลักเกณฑ์ ร้อยละ 42.59 3.เห็นด้วยกับการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ สูงถึง ร้อยละ 41.94 ถือว่าเป็นตัวเลขที่ชี้ชัดได้ว่า สังคมไทยมีวุฒิภาวะและสติเพียงพอที่จะเห็นว่า กติกาของบ้านเมืองควรได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การที่รัฐบาลยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ บริหารประเทศเป็นแนวทาง ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และสามารถทำให้บ้านเมืองเดิน ผ่านวิกฤตไปได้ และเรียกความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนมาได้
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ รวมถึงตัวนายเทพไท ไปลอยกระทงที่ประเทศกัมพูชาว่า เราไม่ใช่นักโทษหนีคดี ที่ต้องไปลอยกระทงที่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือต้องไปซ่อนตัว เพราะอยากทำอะไรก็มิสิทธิ์ทำในบ้านเกิดได้ นอกจากคนไม่มีแผ่นดินอยู่
ผมคงไม่ไปลอยกระทงที่ประเทศกัมพูชา หากเรียกร้องให้ไปลอยอังคารส่วนตัวเพื่อใครบางคน ผมก็ยินดีที่จะไป แต่ไม่ต้องไปถึงกัมพูชาเพียงเกาะกง หรือเกาะช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ก็น่าจะลอยที่นั่นได้ เพราะเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ หาก เปรียบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ก็เหมือนกระทงที่ใช้แล้ว และคงไม่มีใครเก็บมาใช้อีก นอกจากเด็กที่ว่ายน้ำไปเก็บกระทง เพื่อเก็บเศษเงิน ดังนั้น สังคมไทยไม่ควรที่จะกลับไปหาพ.ต.ท.ทักษิณอีก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (2 พ.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย จะร่วมกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายด้านความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศ โดยชู ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้ พล.อ.ชวลิต จะชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
นายนิพิฐฎ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ พล.อ.ชวลิต จะประกาศนโยบาย ไทยร่มเย็นเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้าน ในการเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านนั้น ก่อนหน้านี้พล.อ.เปรม ติณสูลานท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบบุรุษ เคยเตือนพล.อ.ชวลิตจะทำอะไรให้ระวังอย่าขายชาติ ตอนที่ พล.อ.เปรมพูดในช่วงนั้น มีผลสำรวจประชาชนออกมาจากสำนักต่างๆว่า จะทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น ประชาชนส่วนหนึ่งก็ลังเลว่า พล.อ.เปรมพูดอะไรดิสเครดิต ใส่ร้ายป้ายสี พรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่ ก็ทำให้ส.ส.ของพรรคนั้นออกมาอาละวาด แต่หลังจากนั้นเมื่อไม่นานพล.อ.ชวลิตก็ได้ไปพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำให้สมเด็จฮุน เซ็น มาอาละวาดในประเทศไทย ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จึงทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้สึกช็อคกับการกระทำของผู้นำกัมพูชาในครั้งนี้ ว่ามีลักษณะกร้าวร้าวไม่เคารพกฎหมาย และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันก็สร้างความไม่สบายใจและสร้างคาวมแตกแยกให้เกิดขึ้นในประเทศ ตรงนี้เป็นการเพิ่มน้ำหนักคำพูดของพล.อ.เปรมว่า พล.อ.ชวลิตอย่าทำตัวทรยศชาติ แต่สังเกตได้ว่าคำพูดของพล.อ.เปรมที่ออกมาเตือนวันนี้ ทำให้คนเริ่ม ได้สติว่าทำไมคนที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ถึงทำกับประเทศแบบนี้ จึงอยากเตือนไปยังอดีตนักเรียนเตรียมหทารรุ่น 10 (ตท.10) ที่เกษีญณอายุราชการว่า ทำไมปล่อยให้ทำกับประเทศไทยแบบนี้
ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดเองไม่ใช่หรือว่า ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ ยังเคยต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ว่า นำความไปฟ้องยูเอ็น แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับมามีพฤติกรรมที่จะให้คนของตัวเองเดินสายไปพูดกับผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้าใจผิดประเทศไทย ไหนเคยบอกว่าเราไม่ได้เป็นขี้ทาสของใคร ทำไมไม่คุยกันก่อน ไม่ใช่วิ่งโร่ไปซ้ำเติมประเทศอย่างนี้ ที่พล.อ.ชวลิตบอกว่าไปในฐานะความสัมพันธ์ส่วนตัวนั้น ผมคิดว่าต้องแยกให้ออกระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะถ้านำมาผสมกันแล้วแยกไม่ออกบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย ดังนั้น ผมเห็นว่าไม่ดีเลยที่จะใช้วิธีการไปยุยงส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้านให้ปิดล้อมประเทศไทย
นายนิพิฐฎ์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ชวลิต เดินสายพบผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหวังดีสเครดิตรัฐบาล จึงอยากให้ฝ่ายค้านแยกให้ออกว่าตรงไหนรัฐบาล ตรงไหนเป็นรัฐ ถ้าพล.อ.ชวลิต ต้องการดิสเครดิตรัฐบาลทำได้เต็มที่ แต่ถ้าต้องการดิสเครดิตรัฐซึ่งเป็นประเทศของเราอยากให้นึกถึงตรงนี้ด้วย
ผมคิดว่าเรื่องผลประโยชน์ก็ปิดหูปิดตาคนบางคน ผลประโยชน์มาก จนเหนือกว่าผลประโยชน์ของชาติ จึงอยากให้พล.อ.ชวลิตทบทวนว่าไปกัมพูชามาแล้ว จะส่งผลดีกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง ถ้าไปแล้วประเทศไทยดีขึ้น รัฐบาลแย่ลง ก็ทำไปเถอะ ดังนั้น ต้องทบทวนประเทศไทยในสายตาชาวโลกด้วย แต่การที่ พล.อ.ชวลิต จะเดินสายในครั้งนี้ ก็ดีอย่างหนึ่งตรงที่คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเชื่อถือ เปรียบเสมือนกับเด็กที่ไปทำอะไรโวยวายงอแง อาละวาดก็ไม่มีใครสนใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น