xs
xsm
sm
md
lg

“ผศ.ดร.พิชาย” อัด“มาร์ค” ปล่อยให้เด็กตบหัวเล่น ตอบโต้หน่อมแน้มเกินไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ผศ.ดร.พิชาย” เซ็ง “ฮุนเซน” ทำไปได้เอากา มาเปรียบกับหงส์ อัด“มาร์ค” ตอบโต้หน่อมแน้มเกินไป ชี้ “ฮุนเซน” ประกาศตัวเป็นปรปักษ์ ชัดเจน ต้องให้ยาแรง อย่าปล่อยให้เด็กตบหัวเล่น ขณะที่ “สุรพงษ์” เผย “จิ๋ว” ส่งบทให้ “ฮุนเซน” อ่านหวังทำ “มาร์ค” ตบะแตก ขายหน้าประชุมผู้นำรอบสอง มั่นใจ“ฮุนเซน” ไม่บางพอ ไม่คิดขอขมาแน่นอน ระบุ “มาร์ค” ตอบโต้สมเหตุสมผล แต่อย่าประมาท แนะเร่งทำความเข้าใจชาวบ้าน

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว”

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2552 โดยมีนางสาวรัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต มาร่วมพูดคุยถึง วิเคราะห์การแผนเคลื่อนไหวป่วนชาติของ นายทักษิณ, สมเด็จฯ ฮุนเซน และพล.อ.ชวลิต

ผศ.ดร.พิชาย กล่าวถึงกรณีที่ สมเด็จ ฮุนเซน เปรียบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือน อองซาน ซูจี ตรงนี้สะท้อนภูมิปัญญา ที่ด้อยพัฒนาของ ฮุนเซน ได้เป็นอย่างดี เพราะดันไปเปรียบเทียบ ในสิ่งที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ พฤติกรรมของ ซูจี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่กันคนละขั้วหรือเรียกได้ว่าหน้ามือกับหลังมือเลยที่เดียว โดยประวัติ ซูจี เป็นบุคคลที่เชิดชูสิทธิมนุษย์ชน ที่สำคัญเมื่อศาลตัดสินจำคุกเขาก็ยอมรับ แต่พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรงข้ามกับ ซูจี ทุกอย่าง ไม่กล้าที่จะยอมรับการตัดสินของศาลไทย และในสมัยที่เป็นรัฐบาล ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่ ละเมิดสิทธิมนุษย์ชนมากที่สุด ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่นคดี เครือแซะ ตากใบ

ผศ.ดร.พิชาย กล่าวว่ามาตรการตอบโต้ของรัฐบาลยังน้อยเกินไป เพราะ ฮุนเซน ได้เลือกข้างที่จะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับ รัฐบาลไทย อย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นเพราะ ฮุนเซน มองข้ามฉอตไปแล้ว ว่า รัฐบาลชุดนี้จะรักษาเสถียรภาพอยู่ได้อีกไม่นาน คงไม่มีน้ำยาตอบโต้ ทำเขาพูดจาอย่างไม่แคร์สายตาใครเช่นนี้ และอย่าลืมความร้ายกาจของ ฮุนเซน ที่ครั้งหนึ่งเคยยุยงให้คนของเขา เผาสถานทูตไทยมาแล้ว ดังนั้นการที่ นายกฯ ใช้ท่าทีที่สุภาพเกินไป ไม่อาจทำให้คนอย่าง ฮุนเซน สะดุ้งสะเทือน มิหนำซ้ำเขาจะมองว่ารัฐบาลหน่อมแน้มอีกต่างหาก เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วรัฐบาล ต้องใช้ท่าที่ ที่จริงจัง แข็งกร้าวมากกว่าที่เป็นอยู่ อย่าเอาแต่พูดเฉยๆ ต้องดำเนินขั้นต่อไป เช่น เรียกทูตกัมพูชามาพูดคุย ว่า รัฐบาลไทยไม่พอใจท่าทีของ ฮุน เข้ามาพูดเช่นนี้ หรือมีข้อเรียกร้องให้ ฮุนเซน แสดงความเสียใจที่พูดออกมา ไม่อย่างนั้นก็เรียกทูตไทย ที่ไปประจำอยู่ในประเทศกัมพูชา กลับมา เพื่อส่งสัญญาณเตือน มิฉะนั้นแล้วประเทศไทยจะเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลก ที่ให้ ฮุนเซน เข้ามาพูดถึงในบ้าน

“หากนายกฯ เกรงใจกัมพูชา ก็ยังมีทางเลือกอีก ซึ่งกลไกหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ ให้กรรมาธิการระหว่างประเทศ หรือ ส.ส. ทำหน้าที่แทน โดยเรียกร้องให้ ฮุนเซน ออกมาแสดงเจตจำนงยอมรับผิดก็ได้ ส่วนท่าทีของ ก.ต่างประเทศ นั้น ตนไม่ถือโทษ เพราะต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามท่าทีเหิมเกริมของผู้นำรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลต้องมีท่าทีที่ชัดเจนทำให้ กัมพูชา เกรงใจประเทศไทยมากว่านี้ เราเป็นประเทศที่มีอารยะ เป็นประเทศใหญ่กว่า หากปล่อยให้เด็กๆ มาตบหัวเล่น ก็เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง” ผศ.ดร.พิชาย กล่าว

ผศ.ดร.พิชาย กล่าวว่าการใช้ ฮุนเซน เป็นเครื่องมือในการเคลือนไหวครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สองต่อ สิ่งแรกทำให้เกิดความกังขา ในท่าทีของ นายกฯ เพราะหากใช้มาตรการตอบโต้อ่อนไป ประชาชนก็จะวิจาร ว่า ไม่มีน้ำยาเขามาตีแสกหน้าถึงหน้าบ้าน ทำไมตอบโต้เท่านี้ แต่หากใช้มาตรการตอบโต้ที่แรงเกินไป ก็จะเข้าทางเป็นไปตามแผนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเป็นข้ออ้างให้บรรดาเหล่าสมุนใช้ในการเคลื่อนไหวอีก เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วต้องไม่ลืมว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลมหายใจเริ่มรวยรินเข้าไปทุกทีแล้ว จึงต้องพยายามเร่งเกมให้เร็วขึ้นโดยใช้ปัจจัยจากต่างประเทศ มาช่วยในการกดดันรัฐบาล เพราะเขารู้ดีว่า ลำพังการเคลือนไหวของกลุ่มเสื้อแดง และนอมินีที่อยู่ในสภา ไม่ได้ผลเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าจับตามากไปกว่านี้ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้แผนใต้ดินเข้ามาสร้างความปั่นป่วน ทำให้เห็นว่า รัฐบาล ไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ แล้วจัดฉากให้ประชาชนบีบให้ยุบสภา หรืออีกแนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้ คือ จ้างทหารบางกลุ่มก่อการรัฐประหาร เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองหลุดพ้นจากโทษจำคุก และได้เงิน7.6 หมื่นล้านคืนมา จากนั้นก็จะดันตัวเองให้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง

ผศ.ดร.พิชาย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ท้าให้ยุบสภาฯ ว่าเป็นปกติที่คนอย่างนี้จะต้องพูดทำนองนี้อยู่แล้ว ตรงนี้นายกฯ อย่าหลงเข้าไปเดินตามเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ต้องทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ ยื้อเวลาของรัฐบาล ออกไปให้นานที่สุด ทั้งนี้สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้นานนั้น จะต้องดึงมวลชนเข้ามาสนับสนุน ดังนั้น นายกฯ จะต้องปรับท่าทีเสียใหม่ โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือ สะสางการคอร์รับชัน และหามาตรการตอบโต้ นายทักษิณ นอกเหนือจากการประกาศกฎษฏีกา ถอดยศ เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวได้สะดวก อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป

นางสาวรัตน์ติกรณ์ กล่าวว่ามีผู้ชมรายการจาก จ.ร้อยเอ็ด ส่งข้อความมาว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ทำเช่นนี้จะมีมาตรการลงโทษอย่างใดบ้าง ผศ.ดร.พิชาย กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องลงโทษที่ต้นสังกัด ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย ที่ปล่อยให้ดำเนินการ ในทางที่อาจนำมาซึ่งปัญหา ทำให้สังคมไทยแตกแยก เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน คำนึงถึงประโยชน์ส่วตัวและ นายทักษิณ เป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงประเทศ ดังนั้นพี่น้องที่อยู่ร้อยเอ็ดและภาคอีสาน หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็อย่าไปเลือกพรรคนี้

“ประเทศไทยต้องเผชิญ กับข่าวลือที่สร้างความแตกแยกอีกมาก เพราะยังมีคนบางกลุ่มที่มีเจตจำนง ไม่ต้องการการปกตรองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงต้องสร้างกลไกข่าวลือ ให้เกิดความปั่นป่วน ฉะนั้น หากจะเสพข่าว พี่น้องต้องตรวจสอบข่าวให้ดีอย่าให้ใครปั่นหัวเราได้” ผศ.ดร.พิชาย กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เน้นเดินสายพบต่างประเทศ เพราะเห็นว่า สามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพ ได้ดีมาก ทำให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารคล้อยตามได้ และแน่นอนว่าการเตรียมไปประเทศมาเลเซีย ครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นสาวไส้ รัฐบาลล้มเหลวในการปัญหาการแก้ปัญหาภาคใต้ ปัจจัยเหล่านี้จึงถูกนำ มาเป็นเครื่องมือตอบสนองเป้าประสงค์ ทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการบีบให้มีการยุบสภา โดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้เขาเชื่อว่า หากเกิดมีการเลือกตั้งเขาจะได้เสียงข้างมากในสภาอย่างแน่นอน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ฮุนเซน ไม่ได้ให้ความสำคัญว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นอย่างไร เขาเพียงแค่ต้องการให้มีรัฐบาลที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ และไม่จำเป็นที่ นายทักษิณ ต้องเป็นนายกฯ แต่ขอให้เป็นรัฐบาลที่ นายทักษิณ สามารถควบคุมได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้ ฮุนเซน แคร์อย่างเดียวคือ ต้องตอบสนองเงื่อนไขของ พล.อ.ชวลิต เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องดูท่าที ของ พล.อ.ชวลิต ต่อไปหลังมีแผนเตรียมไปเยื่อนมาเลเซีย พม่า ทั้งนี้หากในที่สุด ตานฉ่วย พูดโจมตี ใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลไทย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าพม่าไม่มีความปรารถนาดีต่อประเทศไทย เพราะที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเดียว ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศพม่า และหากไปมาเลเซีย ก็อาจได้รับการต้อนรับโดยมารยาทรักษาน้ำใจ เพราะพล.อ.ชวลิตเคยเป็นอดีต รมว.กลาโหม อย่างไรก็ตามต้องดูว่า หลังจาก พล.อ.ชวลิต กลับมาแล้วจะพูดอย่างไร และทางประเทศมาเลเซีย จะพูดอย่างไร ทั้งนี้ตนเชื่อว่า ผู้นำมาเลเซีย ไม่คล้อยตาม พล.อ.ชวลิต แน่นอน เพราะ ไม่มีเจตนาที่เป็นเป้าประสงค์ เหมือนอย่าง ฮุนเซน

“นอมินีทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องการให้ นายกฯหรือ ก.ต่างประเทศ ตบะแตก ซึ่งจะมีผลทำให้สื่อมวลชนหันไปสนใจประเด็นเรื่องระหว่างไทย กับ กัมพูชา มากกว่าจะสนใจประเด็นการประชุมของสุดยอดผู้นำ จะมีผลทำให้การประชุมปั่นป่วนได้ ส่วนมาตรการตอบโต้ของ นายก ได้กระทำไปภายใต้เงื่อนไขและบริบทที่สวมหมวกสองใบ กล่าวคือเป็นทั้งประธานอาเซียนและนายกรัฐมนตรีไทย ในขณะนั้น ถือได้ว่า ตอบโต้ได้ถูกต้อง เพียงพอ และเหมาะสมที่สุดแล้ว อย่างน้อยที่สุดไม่ทำให้สถานการเลวร้ายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้หากตอบโต้เกินกว่าเหตุ อาจมีผลกระทบต่อการประชุมได้” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่าการให้ผู้นำรัฐบาล ประเทศหนึ่งขอขมา อีกประเทศหนึ่ง เป็นเรื่องใหญ่มาก สะท้อนศักดิ์ศรีเกียรติภูมิ ทำให้ประเทศถูกมองในภาพลบ ซึ่งอาจทำให้ ฮุนเซน เสียอำนาจได้ ดูอย่าง ประเทศญี่ปุ่น ในสมัยที่ก่อสงครามโลก ประเทศจีน ขอให้ญี่ปุ่น ขอขมาที่ได้ทำให้เกิดความสูญเสีย ปรากฎว่าจนถึงขณะนี้ รัฐบาลญี่ปุ่น ไม่เคยขอขมาเลยได้แต่บอกว่าเสียใจ ดังนั้นโดยส่วนตัว คิดว่าคงไม่ต้องทำถึงขั้นนี้ อย่างไรก็ตามนายกไทย ได้ส่งสัญญาณไปแล้ว และ ฮุนเซน ก็รับรู้แล้ว ถ้าหากยังทำอีก ประเทศไทยอาจใช้มาตรการตอบโต้ได้อีกหลายแนวทางจากเบาไปหาหนัก เช่น งดให้ความช่วยเหลือ เรียกทูตเรากลับมาก็ได้ หรือ ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต นอกจากนี้แล้วประชาชน ยังสามารถแสดงออกได้ด้วยเหมือนกัน เช่น ไปถือป้ายประท้วง

“ภาพรวมของรัฐบาล หลังนายกฯ ส่งสัญญานไม่พอใจ ฮุนเซน ทำให้ประชาชน เข้าใจท่าทีของรัฐบาลมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ รัฐบาลต้องสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน ประกาศแนวทางแก้ไข ออกสื่อให้คนทั่วไปเขาถึงข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน ตอนนี้ศัตรูที่ร้ายแรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ เวลา ที่จะโดนศาลตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านในเร็วๆนี้ และตอนนี้ เวลา ก็คือมิตรของ รัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลต้องบริหารเวลาให้ถูกต้อง อย่าประมาท หากรัฐบาลล้มเหลวจะทำให้สถานะของรัฐบาล สุกงอม รอเพียงวันล่วงหล่น” นายสุรพงษ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น