“อภิสิทธิ์” ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เตือนคนไทยให้มีสติอย่าเต้นตาม “ฮุนเซน” อดใจรอดูท่าทีอีกครั้ง ภาวนาให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญา ไม่ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ ชี้ “นช.แม้ว” อ้างคดีการเมืองหวังตบตาเขมร ถอนหงอก “จิ๋ว” เลอะเทอะเดินสายพบปะผู้นำเพื่อนบ้านชักศึกเข้าบ้านเพื่อผลประโยชน์คนคนเดียว
วันนี้ (26 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบข้อซักถามว่าเรื่องการเมืองภายในประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นตัวฉุดรั้งเรื่องเศรษฐกิจอาเซียนในภาครวมหรือไม่ว่า เข้าใจว่าผู้นำทุกประเทศมีความตั้งใจไม่ให้ปัญหาการเมืองภายในมีส่วนต่อการกระทบกระทั่งต่อประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกันมาเป็นอุปสรรค และในการพูดคุย 2-3 วันที่ผ่านมา อาจจะมีข้อขัดแย้งอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ความร่วมมือทั้งหมดก็เดินหน้า และไม่มีท่าทีผู้นำคนใด แสดงท่าทีลังเลในเรื่องการเดินหน้าความร่วมมือ
เมื่อถามว่า คิดว่าสาระสำคัญเวทีการประชุมถูกด้อยลงเป็นเพราะการเข้ามาของนายกฯฮุนเซนที่เข้ามาแล้วเกิดข้อพิพาทไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่จริงที่นั่งคุยกันอยู่ 3 วันไม่มีผลกระทบอะไรเลย แต่การเสนอข่าวสารก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ภายนอกคนให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะในกลุ่มอาเซียน กับท่าทีของจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย อินเดีย ที่ได้ให้ความสำคัญค่อนข้างมากต่อการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านการศึกษา และสิ่งแวดล้อม
เมื่อถามว่า รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เข้ารายงานหรือยังต่อท่าทีของนายกฯ ฮุนเซน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยัง เมื่อถามต่อว่า จากท่าทีของนายกฯ ฮุนเซน จำเป็นหรือไม่ที่ไทยต้องตัดความสัมพันธ์กับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเพียงการให้สัมภาษณ์ 1 ครั้ง ตนเองได้แสดงท่าทีชัดเจนไปแล้ว ในส่วนของไทยยังไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าทางอัยการเสนอว่า หากกัมพูชาไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ขอให้ไทยตัดความสัมพันธ์กับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “เราอย่าเพิ่งรีบกระโดดไปบอกว่าสิ่งนั้นจะเกิดสิ่งนี้จะเกิดในชั้นนี้ ผมคิดว่าต้องดูจุดยืนที่ชัดเจนของกัมพูชาอีกทีหนึ่ง”
เมื่อถามว่า การที่ประเทศที่มีสนธิสัญญาต่อกันแล้วไม่ปฏิบัติตาม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ชี้แจง เขาต้องปฏิบัติตาม แต่ตัวสนธิสัญญาจะเปิดโอกาสให้ต่อสู้ทางคดี พูดง่ายๆ เป็นเรื่องปกติ เช่น คดีนักธุรกิจที่เราขอตัวไป เขาต่อสู้ว่าไม่ให้ส่ง บางประเทศต้องดูกระบวนการของศาลและฝ่ายบริหารด้วย จะตัดสินมาว่าเข้าข่ายส่งหรือไม่ส่ง แต่การปฏิบัติตามสนธิสัญญาต้องทำ คือ มีกระบวนการพิจารณาเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีการอ้างว่า คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใหญ่เป็นคดีทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ส่วนใหญ่เป็นข้อต่อสู้ของคนที่เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนใหญ่จะต่อสู้ในประเด็นนี้” เมื่อถามว่า ในกรณีที่ไทยเคยส่งกบฏอย่างนายพลสินสงให้กับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ามีกรณีเกิดขึ้นจริง หมายความว่าเจ้าตัวเข้าไปเราจะขอตัวตามสนธิสัญญาก็จะอธิบายเหตุผลรวบรวมไป
เมื่อถามว่า นายกฯ จะเตรียมรับสถานการณ์ชายแดนอีกรอบหรือไม่ เพราะไม่จบที่กัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นท่าทีที่ชัดว่าเจ้าตัวจะเข้าไปที่กัมพูชาหรือไม่อย่างไร อย่างกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ จะเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรนั้น ถือว่านักการเมืองที่เป็นอดีตนายกฯ ด้วยก็สามารถทำได้
“อย่างที่ผมย้ำว่า ขอให้ไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ อย่าไปมองเรื่องผลประโยชน์ของคน ของกลุ่ม และที่สำคัญที่สุดอย่าไปทำให้ประเทศมีปัญหา อันนี้คือสิ่งที่อยากจะฝากถึงท่าน” นายอภิสิทธิ์กล่าวฝากถึง พล.อ.ชวลิต
เมื่อถามว่า กรณีของกัมพูชาคิดว่าหาก พล.อ.ชวลิต ไม่เข้าไปจะมีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กรณีนี้ก็มาจากการเดินทางไปเยือนของท่านอยู่แล้ว เพราะเป็นคนออกมาให้ข่าวตั้งแต่แรก ตนถึงได้ตั้งคำถามว่า ทำเพื่อใครในขณะที่ผลกระทบเกิดขึ้นกับคน 2 ประเทศ เมื่อถามว่า การใช้ประเทศเพื่อนบ้านกดดันรัฐบาลไทยจะกลายเป็นปัญหา หรือไม่
“ผมยืนยันว่ากดดันไม่ได้หรอกครับ ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต จะเดินทางไปเยือนพม่า และมาเลเซียอีกนั้นอย่างที่บอกว่าท่านมีสิทธิ์ไป ขอให้ไปแล้วได้ประโยชน์ อย่าไปแล้วเกิดปัญหาภายในประเทศ” นายอภิสิทธิ์กล่าว และปฏิเสธตอบคำถามที่ว่าตอนนี้เหมือนกับว่าการเมืองในประเทศกระทบต่อความสัมพันธ์ในประเทศ จากนั้นได้เดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนไปทันที