มาร์ค” เบรก “ชุมพล” หลังได้ทีขอคุ้มครองนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นการทั่วไปหลัง ครม.ไฟเขียวขยายโครงการประกันภัยนักท่องเที่ยวจากจราจลออกไปอีก 5 เดือนหวั่นนักท่องเที่ยวหายซ้ำรอยสงกรานต์
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบขยายเวลาการดำเนินโครงการประกันภัยคุ้มครองต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในกรณีเกิดจราจล ออกไปอีก 5 เดือน จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 53 จากเดิมที่ครบกำหนดในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงท่องเที่ยวฯประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยเพื่อดำเนินการต่อไป พร้อมอนุมัติเงินงบประมาณ ปี 52 จากงบกลาง ในรายการสำรองฉุกเฉินวงเงิน 210 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันภัยฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่มีความอ่อนไหวต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง
ทั้งนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯไดhชี้แจงว่า ในช่วงเดือนพ.ย.52- มี.ค.53 นี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยประมาณเดือนละ 1.2 ล้านคน ดังนั้นในช่วง 6 เดือนคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวรวม 6 ล้านคน หากรัฐบาลได้ขยายโครงการฯออกไปแล้วจะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจมากขึ้นแม้ว่าจะมีข่าวคราวการชุมนุมจำนวนมากเกิดขึ้นก็ตาม
รายงานข่าวแจ้งว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โดยให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศไม่ต้องนำสถานการณ์การเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของผู้ประกอบการที่เกิดขึ้นหลังจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองมาประกอบการพิจารณาการขอสินเชื่อ โดยธนาคารจะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้ประกอบการที่กู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐที่เข้าโครงการให้อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ของธนาคารพัฒนาวิหสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ลบ 3% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจะคิดดอกเบี้ยตามที่สถาบันกำหนด
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. กล่าวว่า ในที่ประชุมนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวฯได้ชี้แจงให้ทราบว่าการดำเนินโครงการประกันภัยฯครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวอย่างดีมาก และจะยิ่งเป็นเรื่องดีหากดำเนินโครงการประกันภัยฯเป็นการทั่วไปและถาวร ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขพิเศษจึงน่าจะขยายโครงการออกไปตามที่กระทรวงท่องเที่ยวเสนอฯเท่านั้นก่อน เพราะทั้งหมดอยู่ที่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวว่าเมื่อไทยมีการประกันภัยให้แล้วจะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นหรือไม่
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบขยายเวลาการดำเนินโครงการประกันภัยคุ้มครองต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในกรณีเกิดจราจล ออกไปอีก 5 เดือน จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 53 จากเดิมที่ครบกำหนดในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงท่องเที่ยวฯประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยเพื่อดำเนินการต่อไป พร้อมอนุมัติเงินงบประมาณ ปี 52 จากงบกลาง ในรายการสำรองฉุกเฉินวงเงิน 210 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันภัยฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่มีความอ่อนไหวต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง
ทั้งนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯไดhชี้แจงว่า ในช่วงเดือนพ.ย.52- มี.ค.53 นี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยประมาณเดือนละ 1.2 ล้านคน ดังนั้นในช่วง 6 เดือนคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวรวม 6 ล้านคน หากรัฐบาลได้ขยายโครงการฯออกไปแล้วจะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจมากขึ้นแม้ว่าจะมีข่าวคราวการชุมนุมจำนวนมากเกิดขึ้นก็ตาม
รายงานข่าวแจ้งว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โดยให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศไม่ต้องนำสถานการณ์การเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของผู้ประกอบการที่เกิดขึ้นหลังจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองมาประกอบการพิจารณาการขอสินเชื่อ โดยธนาคารจะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้ประกอบการที่กู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐที่เข้าโครงการให้อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ของธนาคารพัฒนาวิหสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ลบ 3% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจะคิดดอกเบี้ยตามที่สถาบันกำหนด
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. กล่าวว่า ในที่ประชุมนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวฯได้ชี้แจงให้ทราบว่าการดำเนินโครงการประกันภัยฯครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวอย่างดีมาก และจะยิ่งเป็นเรื่องดีหากดำเนินโครงการประกันภัยฯเป็นการทั่วไปและถาวร ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขพิเศษจึงน่าจะขยายโครงการออกไปตามที่กระทรวงท่องเที่ยวเสนอฯเท่านั้นก่อน เพราะทั้งหมดอยู่ที่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวว่าเมื่อไทยมีการประกันภัยให้แล้วจะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นหรือไม่
