“สุรพงษ์”ระบุ“ฮุนเซน”เล่นตามบทตั้งใจมาฉุด “นช.แม้ว” พ้นปากเหว เปิดโปงไม้ตาย “นช.แม้ว”หวังพึ่งบารมี“จิ๋ว”ใช้จุดเด่นด้านสัมพันธ์กับ ตปท. เพิ่มดีกรีความชั่วเขย่ารัฐบาล ด้าน“จิ๋ว”ได้ใจงัดมุกเก่าเตรียมย่องต่างประเทศอีกเร็วๆนี้ ขณะที่“ประสาน” เย้ย “จิ๋ว” ยอมเป็นเบี้ยแค่หวังปลดโซ่ตรวน 7 ต.ค. แนะอย่าใช้ปัญญาเกินสติ ระบุ“ฮุนเซน”ทุ่มสุดตัว ฝันหวานสานต่อผลประโยชน์ก้อนโต หาก“นช.แม้ว”กลับมาใหญ่อีกครั้ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “รู้ทันประเทศไทย”
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. สำหรับวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2552 ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย และนายประสาน มฤคพิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภา มาร่วมรู้ทันถึงท่าทีของสมเด็จฮุนเซน,พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่าการมาประเทศไทยของ สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาตามแผนที่วางไว้ ภารกิจสำคัญไม่ใช่เรื่องอาเซียนซัมมิต แต่มาเพื่อต้องการใช้สื่อที่นักข่าวหลายประเทศมาทำข่าวประชุมอาเซียน ประกาศเจตนาให้คนไทยและประชาคมอาเซียนได้รับรู้ ว่า เขาต้องการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเขามองสภานการเมืองไทย โดยเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมามีอำนาจอีก จึงได้ประกาศออกไปว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปอยู่ในกัมพูชา จะไม่ส่งตัวให้ประเทศไทย ต้องการให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานภาพเหมือน อองซานซูจี อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนดูประวัติการเมืองการปกครองของกัมพูชา การกระทำของ ฮุนเซน เป็นการทำตามยุทธศาสตร์ทางการทูต ที่ปฎิบัติต่อๆกันมา คำพูดกับการกระทำมักไม่ตรงกัน ต้องการสร้างสงครามจิตวิทยา ทดสอบว่ารัฐบาลไทยจะแสดงปฎิกริยาอย่างไร ทั้งนี้ หากคล้อยตามก็จะเล่นต่อ แต่ถ้าต่อต้านก็จะพลิกลิ้นไปเรื่อยๆ
นายประสาน กล่าวเสริมว่าก่อนหน้าสองเดือนที่ผ่านมา ฮุนเซน ได้ประกาศว่า ถ้าเครื่องบินไทยล้ำน่านฟ้าหรือคนไทยล้ำเขตุแดนจะยิง และหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำเรื่องแผนที่มาพูดจะฉีกแผนที่นั้นทิ้ง ต่อมาก็แสดงพลังแสนยานุภาพทางหหาร ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะแสดงท่าที่ก้าวร้าว เพราะในเดือน กุมภาพันธ์ 2553 เขาจะต้องยื่นเรื่องเขาวิหาร ต่อคณะกรรมการมรดกโลก ทำให้ช่วงเวลานี้ เขาต้องแสดงออกต่างๆนาๆ เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่เขาต้องการ
เมื่อถามว่า ทำไม ฮุนเซน มาคราวนี้พูดแต่เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดเรื่องของเขาวิหารเลย ทั้งๆที่เขาวิหารน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชามากกว่า นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภารกิจของ ฮุนเซน มาเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเมื่อย้อนดูประวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ฮุนเซน มีการเจรจาตกลงกันในเรื่องผลประโยชน์มาตลอด แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ คนของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านซึ่งนอมินีของทักษิณ และคนเสื้อแดง พยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงต้องใช้การต่างประเทศเข้าเสริม เพื่อเขย่ารัฐบาล ให้สั่นคลอนมากขึ้น จนนำไปสู่การยุบสภา
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ พูดว่า ฮุนเซน ต้องคิดให้ดี ระหว่างผลประโยชน์ของคนทั้งสองชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว จะเลือกยืนอยู่ตรงจุดไหน ตรงนี้ถือว่านายกฯ ครองสติได้ดีในการใช้ภาวะผู้นำขณะนั้น ที่ต้องสวมหมวกสองใบ ทั้งในฐานะประธานอาเซียน และนายกรัฐมนตรีไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอาเซียนเลย แต่ก็ไม่ควรละเลยต้องควบคุมไม่ให้ บานปลายเป็นการจุดชนวนกระแสคลั่งชาติ อันจะนำไปสู่การทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศ เกลียดชังกัน การส่งสัญญาณครั้งนี้ นับว่ามีดีอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุด ก็มีผลทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ และเป็นการบ่งบอกให้คนไทยและฮุนเซน รับรู้ถึงขีดความสามารถที่จะรับได้
“ในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากมีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ เช่นฮุนเซน กล่าวโจมตีประเทศไทย กรณี้เราสามารถเชิญ ทูตกัมพูชา มาชี้แจงบอกกล่าวตักเตือนอย่างเป็นทางการว่า ขอให้ระงับ ถ้า ฮุนเซน ยังทำอีก เราก็สามารถใช้มาตรการตอบโต้สูงขึ้นไปอีก เช่นเรียกทูตเรากลับมา ตัดความช่วยเหลือ หรือถึงที่สุด อาจตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันก็ได้” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่ามีข่าวพล.อ.ชวลิต จะเดินทางไป มาเลเซีย พม่า เวียดนาม เราอย่าไปวิตกกังวลกับเรื่องนี้ เพราะประเทศเหล่านี้ ผู้นำของเขา ไม่มีผลประโยชน์เหมือนกับกัมพูชา ทั้งนี้ตนเชื่อว่า มาเลเซีย เขารู้เรื่องในประเทศไทยดี แต่อาจต้อนรับขับสู้ตามมารยาท เพราะเคยรู้จักกันมา หรือตานฉ่วย เท่าที่ตนมองดู เขาคงไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเขาเอง
นายประสาน กล่าวว่าพล.อ.ชวลิต ไม่ต่างจากไม้หลักปักเลน วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้อาจพูดอีกอย่าง ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.ชวลิต จะสามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ เพราะกรณีเครือเซะ สมัยที่ พล.อ.ชวลิต เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ยังทำไม่ได้แล้วอาสาอะไรจะมาสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ การทำหน้าที่ของ พล.อ.ชวลิต ตอนนี้ค่อนข้างพิลึก ไม่รู้ว่าสิ่งใดถูกผิด การไปต่างประเทศมีท่าทีหมอบราบคาบ ต่อ ฮุนเซน แล้วกลับมาโจมตีรัฐบาล ตรงนี้ไม่มีฝ่ายค้านประเทศไหนทำกัน ถือเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง แล้วการแสดงออกครั้งนี้ ถือเป็นกระบอกเสียงให้ ฮุนเซน ซึ่งไม่มีส่วนสร้างความสมานฉันท์ให้คนในประเทศเลย กลับยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกเข้าไปอีก
นายสุรพงษ์ กล่าวเสริมว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลือก พล.อ.ชวลิต เข้ามาร่วมในพรรคเพื่อไทย เป็นเพราะว่าต้องการใช้เป็นเครื่องมือ เดินสายสร้างภาพด้วยการไปพบปะผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งนี้เมื่อย้อนดูอดีต พล.อ.ชวลิต เคยดำรงค์ตำแหน่งใหญ่โตที่สำคัญในประเทศมาแล้วมากมาย ย่อมรู้จักผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านมากเป็นพิเศษ ดังนั้นหากอยากจะใช้ปัจจัยเรื่องของต่างประเทศ มาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มแรงกดดันรัฐบาล ก็ต้องใช้คนอย่าง พล.อ.ชวลิต เท่านั้น
นายประสาน กล่าวต่อว่าพล.อ.ชวลิต เข้าเล่นการเมืองครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการตำแหน่งหรือผลประโยชน์เงินทอง แต่มีภารกิจที่ชัดเจน หนึ่งในนั้นคือ ต้องการปลดโซ่ตรวน ในคดี 7 ต.ค. ที่ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า เมื่อถึงจังหวะหนึ่งหากไม่พอใจอะไรขึ้นมา ก็จะลาออก เหมือนกับที่เคยลาออกมาแล้วถึง 5 ครั้ง
“มีเพื่อน ส.ว. คนหนึ่งฝากตนมาเรียนกับ พล.อ.ชวลิต โดยบอกว่า ท่านเป็นผู้มีปัญญาสูงส่งคนหนึ่ง เป็นเสมือนขงเบ้ง แต่ “อย่าใช้ปัญญาเกินสติ” ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ ว่าท่าน อย่าใช้ปัญญาเกินสติ” นายประสาน กล่าว
นายประสาน กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน พูดว่า ฮุนเซน ต้องคิดให้ดี ระหว่างผลประโยชน์ของคนทั้งสองชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ฮุนเซน จะเลือกจุดไหน และ ฮุนเซน เป็นนักการเมืองอาวุโส อย่าไปเป็นเครื่องมือหรือเหยื่อให้ใครเลย เป็นการพูดอย่าสมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าจะให้ดีนายกฯ ต้องปฎิบัติการเชิงรุก แถลงอย่างเป็นทางการมากกว่านี้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรี อย่าให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่าง
“การแสดงออกของฮุนเซน ที่ยอมทุ่มหมดหน้าตัก ยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เพราะเขาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ทั้งหมดที่ยอมทุ่มเทไป เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่าง ฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถคุยเรื่องผลประโยชน์กันได้ง่าย ซึ่งต่างจากนายอภิสิทธิ์ อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่า ฮุนเซน จะต้องผิดหวังอย่างแรงที่คิดเช่นนี้” นายประสาน กล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “รู้ทันประเทศไทย”
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. สำหรับวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2552 ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย และนายประสาน มฤคพิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภา มาร่วมรู้ทันถึงท่าทีของสมเด็จฮุนเซน,พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่าการมาประเทศไทยของ สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาตามแผนที่วางไว้ ภารกิจสำคัญไม่ใช่เรื่องอาเซียนซัมมิต แต่มาเพื่อต้องการใช้สื่อที่นักข่าวหลายประเทศมาทำข่าวประชุมอาเซียน ประกาศเจตนาให้คนไทยและประชาคมอาเซียนได้รับรู้ ว่า เขาต้องการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเขามองสภานการเมืองไทย โดยเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมามีอำนาจอีก จึงได้ประกาศออกไปว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปอยู่ในกัมพูชา จะไม่ส่งตัวให้ประเทศไทย ต้องการให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานภาพเหมือน อองซานซูจี อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนดูประวัติการเมืองการปกครองของกัมพูชา การกระทำของ ฮุนเซน เป็นการทำตามยุทธศาสตร์ทางการทูต ที่ปฎิบัติต่อๆกันมา คำพูดกับการกระทำมักไม่ตรงกัน ต้องการสร้างสงครามจิตวิทยา ทดสอบว่ารัฐบาลไทยจะแสดงปฎิกริยาอย่างไร ทั้งนี้ หากคล้อยตามก็จะเล่นต่อ แต่ถ้าต่อต้านก็จะพลิกลิ้นไปเรื่อยๆ
นายประสาน กล่าวเสริมว่าก่อนหน้าสองเดือนที่ผ่านมา ฮุนเซน ได้ประกาศว่า ถ้าเครื่องบินไทยล้ำน่านฟ้าหรือคนไทยล้ำเขตุแดนจะยิง และหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำเรื่องแผนที่มาพูดจะฉีกแผนที่นั้นทิ้ง ต่อมาก็แสดงพลังแสนยานุภาพทางหหาร ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะแสดงท่าที่ก้าวร้าว เพราะในเดือน กุมภาพันธ์ 2553 เขาจะต้องยื่นเรื่องเขาวิหาร ต่อคณะกรรมการมรดกโลก ทำให้ช่วงเวลานี้ เขาต้องแสดงออกต่างๆนาๆ เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่เขาต้องการ
เมื่อถามว่า ทำไม ฮุนเซน มาคราวนี้พูดแต่เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดเรื่องของเขาวิหารเลย ทั้งๆที่เขาวิหารน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชามากกว่า นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ภารกิจของ ฮุนเซน มาเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเมื่อย้อนดูประวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ฮุนเซน มีการเจรจาตกลงกันในเรื่องผลประโยชน์มาตลอด แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ คนของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านซึ่งนอมินีของทักษิณ และคนเสื้อแดง พยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงต้องใช้การต่างประเทศเข้าเสริม เพื่อเขย่ารัฐบาล ให้สั่นคลอนมากขึ้น จนนำไปสู่การยุบสภา
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ พูดว่า ฮุนเซน ต้องคิดให้ดี ระหว่างผลประโยชน์ของคนทั้งสองชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว จะเลือกยืนอยู่ตรงจุดไหน ตรงนี้ถือว่านายกฯ ครองสติได้ดีในการใช้ภาวะผู้นำขณะนั้น ที่ต้องสวมหมวกสองใบ ทั้งในฐานะประธานอาเซียน และนายกรัฐมนตรีไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอาเซียนเลย แต่ก็ไม่ควรละเลยต้องควบคุมไม่ให้ บานปลายเป็นการจุดชนวนกระแสคลั่งชาติ อันจะนำไปสู่การทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศ เกลียดชังกัน การส่งสัญญาณครั้งนี้ นับว่ามีดีอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุด ก็มีผลทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ และเป็นการบ่งบอกให้คนไทยและฮุนเซน รับรู้ถึงขีดความสามารถที่จะรับได้
“ในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากมีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ เช่นฮุนเซน กล่าวโจมตีประเทศไทย กรณี้เราสามารถเชิญ ทูตกัมพูชา มาชี้แจงบอกกล่าวตักเตือนอย่างเป็นทางการว่า ขอให้ระงับ ถ้า ฮุนเซน ยังทำอีก เราก็สามารถใช้มาตรการตอบโต้สูงขึ้นไปอีก เช่นเรียกทูตเรากลับมา ตัดความช่วยเหลือ หรือถึงที่สุด อาจตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันก็ได้” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่ามีข่าวพล.อ.ชวลิต จะเดินทางไป มาเลเซีย พม่า เวียดนาม เราอย่าไปวิตกกังวลกับเรื่องนี้ เพราะประเทศเหล่านี้ ผู้นำของเขา ไม่มีผลประโยชน์เหมือนกับกัมพูชา ทั้งนี้ตนเชื่อว่า มาเลเซีย เขารู้เรื่องในประเทศไทยดี แต่อาจต้อนรับขับสู้ตามมารยาท เพราะเคยรู้จักกันมา หรือตานฉ่วย เท่าที่ตนมองดู เขาคงไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเขาเอง
นายประสาน กล่าวว่าพล.อ.ชวลิต ไม่ต่างจากไม้หลักปักเลน วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้อาจพูดอีกอย่าง ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.ชวลิต จะสามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ เพราะกรณีเครือเซะ สมัยที่ พล.อ.ชวลิต เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ยังทำไม่ได้แล้วอาสาอะไรจะมาสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ การทำหน้าที่ของ พล.อ.ชวลิต ตอนนี้ค่อนข้างพิลึก ไม่รู้ว่าสิ่งใดถูกผิด การไปต่างประเทศมีท่าทีหมอบราบคาบ ต่อ ฮุนเซน แล้วกลับมาโจมตีรัฐบาล ตรงนี้ไม่มีฝ่ายค้านประเทศไหนทำกัน ถือเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง แล้วการแสดงออกครั้งนี้ ถือเป็นกระบอกเสียงให้ ฮุนเซน ซึ่งไม่มีส่วนสร้างความสมานฉันท์ให้คนในประเทศเลย กลับยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกเข้าไปอีก
นายสุรพงษ์ กล่าวเสริมว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลือก พล.อ.ชวลิต เข้ามาร่วมในพรรคเพื่อไทย เป็นเพราะว่าต้องการใช้เป็นเครื่องมือ เดินสายสร้างภาพด้วยการไปพบปะผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งนี้เมื่อย้อนดูอดีต พล.อ.ชวลิต เคยดำรงค์ตำแหน่งใหญ่โตที่สำคัญในประเทศมาแล้วมากมาย ย่อมรู้จักผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านมากเป็นพิเศษ ดังนั้นหากอยากจะใช้ปัจจัยเรื่องของต่างประเทศ มาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มแรงกดดันรัฐบาล ก็ต้องใช้คนอย่าง พล.อ.ชวลิต เท่านั้น
นายประสาน กล่าวต่อว่าพล.อ.ชวลิต เข้าเล่นการเมืองครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการตำแหน่งหรือผลประโยชน์เงินทอง แต่มีภารกิจที่ชัดเจน หนึ่งในนั้นคือ ต้องการปลดโซ่ตรวน ในคดี 7 ต.ค. ที่ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า เมื่อถึงจังหวะหนึ่งหากไม่พอใจอะไรขึ้นมา ก็จะลาออก เหมือนกับที่เคยลาออกมาแล้วถึง 5 ครั้ง
“มีเพื่อน ส.ว. คนหนึ่งฝากตนมาเรียนกับ พล.อ.ชวลิต โดยบอกว่า ท่านเป็นผู้มีปัญญาสูงส่งคนหนึ่ง เป็นเสมือนขงเบ้ง แต่ “อย่าใช้ปัญญาเกินสติ” ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ ว่าท่าน อย่าใช้ปัญญาเกินสติ” นายประสาน กล่าว
นายประสาน กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน พูดว่า ฮุนเซน ต้องคิดให้ดี ระหว่างผลประโยชน์ของคนทั้งสองชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ฮุนเซน จะเลือกจุดไหน และ ฮุนเซน เป็นนักการเมืองอาวุโส อย่าไปเป็นเครื่องมือหรือเหยื่อให้ใครเลย เป็นการพูดอย่าสมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าจะให้ดีนายกฯ ต้องปฎิบัติการเชิงรุก แถลงอย่างเป็นทางการมากกว่านี้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรี อย่าให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่าง
“การแสดงออกของฮุนเซน ที่ยอมทุ่มหมดหน้าตัก ยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เพราะเขาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ทั้งหมดที่ยอมทุ่มเทไป เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่าง ฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถคุยเรื่องผลประโยชน์กันได้ง่าย ซึ่งต่างจากนายอภิสิทธิ์ อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่า ฮุนเซน จะต้องผิดหวังอย่างแรงที่คิดเช่นนี้” นายประสาน กล่าว