ปีที่แล้ว ในช่วงเวลานี้ ข่าวปล่อยเรื่อง ประเทศนั้นประเทศนี้ เชิญ นช.ทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ ไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ปลิวว่อนอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ต่างๆ เริ่มต้นด้วย บาฮามาส เบอร์มิวดา โบลิเวีย อาฟริกากลาง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นประเทศที่คนไทยไม่คุ้นหู ไม่รู้จัก
ต่อมา มีการแฉกันเองของสื่อที่รับจ้าง นช.ทักษิณปล่อยข่าวว่า เป็นข่าวที่กุขึ้น หรือที่เรียกกันในภาษานักข่าวว่า ข่าวเต้า แต่ข่าวในทำนองนี้ ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เท็จบ้าง จริงบ้าง อย่างเช่น ประเทศมอนเตเนโกร ประเทศนิการากัว ยินยอมให้ นช.ทักษิณ ถือหนังสือเดินทางของประเทศตน หรือ นช.ทักษิณ จะไปช่วยเหลือประเทศในอาฟริกา ไปลงทุนเหมืองเพชร เหมืองทอง ไปลงทุนด้านสื่อสารที่ฟิจิ ไปลงทุนด้านพลังงานที่ปาปัว นิวกินี
แต่สุดท้าย นช.ทักษิณก็ต้องกลับไปอยู่กับโมหะของตนเองอย่างเดียวดายที่ดูไบ
ล่าสุดก็คือ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีเขมร ชวน นช.ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และจะสร้างบ้านให้อยู่เสียด้วย ซึ่งก็เป็นข่าวปกติในวงจรข่าวปล่อย เพื่อสร้างภาพว่า เขายังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ เพียงแต่ว่า คราวนี้ฮุนเซนเป็นคนปล่อยข่าวเสียเอง
เราจะไม่ได้ยินข่าวทำนอง จีนเชิญทักษิณไปเป็นที่ปรึกษา, ออสเตรเลี เชิญทักษิณไปลงทุน, ญี่ปุ่นเลิกคำสั่งห้ามทักษิณเข้าประเทศ , อังกฤษเปลี่ยนใจออกวีซ่าให้ทักษิณ, โอบามาขอคำแนะนำจาก ทักษิณ ฯลฯ เพราะเป็นการโกหกอย่างโจ่งแจ้งเกินไป สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย และประเทศเหล่านี้คงไม่ยอมให้ นช.ทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพแน่
โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ชาวโลกอพยพไปตั้งถิ่นฐาน ไปทำงานในประเทศต่างๆ คนไทยไปทำงานในสหรัฐฯ ในนิวซีแลนด์ คนอินเดียไปทำงานในอังกฤษ คนปาเลสไตน์ไปอยู่ในฝรั่งเศส คนพม่า คนเขมรมาทำงานในไทย มีแต่ นช.ทักษิณคนเดียวที่ไปไหนไม่ได้ ต้องไปอยู่กับฮุนเซ็นที่พนมเปญ
หนึ่งปีเศษของการต่อสู้ดิ้นรน เพื่อทวงคืนอำนาจ และทรัพย์สมบัติ นับตั้งแต่ หนีศาลออกนอกประเทศเมื่อ เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา เมื่อเดือนตุลาคม 2551 สถานการณ์ของ นช. ทักษิณ ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
สงครามมวลชน คนเสื้อแดง ที่ถูกวาดภาพอย่างใหญ่โต ให้น่ากลัวเกินความเป็นจริง ถึงวันนี้ ก็เห็นกันชัดเจนว่า ไม่มีน้ำยา มีแต่ราคาคุย ที่แกนนำใช้เป็นข้ออ้างในการเบิกเงินจาก นช. ทักษิณเท่านั้น ในขณะที่เกมในสภาฯ พรรคเพื่อไทย ทำได้ดีที่สุด คือ ตีรวน สร้างความปั่นป่วน ไปวันๆ ถึงเวลาจริงจัง อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายงบประมาณ ส.ส.ในพรรคก็ไม่มีคุณภาพ พอที่จะตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว มีแต่ลีลา ท่าทีแบบนักเลงข้างถนน
ในขณะที่ เวลาขอ งนช. ทักษิณเหลือน้อยลงทุกที เพราะอีกไม่กี่เดือน ศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตแหน่งทางการเมือง ก็จะอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทแล้ว ถ้าหากว่า ศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ มันคงเป็นความเจ็บปวดร้าวรานใจอย่างถึงที่สุดของ นช. ทักษิณ เพราะการขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษี ในราคา 76,000 ล้านบาท นี้ คือ ทุกขลาภที่ถีบทักษิณให้ตกจากบัลลังก์ แต่ในที่สุด ตัวเองกลับไม่ได้ใช้งินก้อนนี้ เพราะต้องตกเป็นของแผ่นดิน
นอกจากนั้น ในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น หากปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลอยู่ในอำนาจนานไปกว่านี้ ถ้าเกิดเศรษฐกิจเกิดดีขึ้นมาจริงๆ ข้ออ้างว่า ตัวเองจะเป็นอัศวินม้าขาว มากอบกู้เศราฐกิจ ซึ่งมีแต่พวกเสื้อแดงที่หลงเชื่อ ก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องตลกไร้สาระ
เหลืออย่างเดียว ที่ยังเป็นอาวุธของ นช. ทักษิณได้ คือ สื่อสารมวลชน ซึ่งมีสื่อยักษ์ใหญ่ในเครือเป็นทัพหน้าในการทำสงครามข้อมูล ข่าวสาร แต่ประเด็นที่สื่อในเครือช่วยกันปั้น ช่วยกันปล่อย ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พลังของคนเสื้อแดง ผู้นำต่างชาติยอมรับในตัวทักษิณ เศรษฐกิจไทยตกต่ำที่สุดในโลก และล่าสุด คือ สัญญาณพิเศษให้ทหารเลือกข้างได้แล้ว ข่าวที่สื่อในเครือช่วยกันปั้น ช่วยกันปล่อย อาจะมีผลในเรื่องการดีสเครดิต รัฐบาลได้บ้าง แต่ไม่มีผลที่ทำให้ นช.ทักษิณ พลิกสถานการณ์ได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น นช. ทักษิณ จึงต้องตั้งหลัก สร้างประเด็นชิงพื้นที่ข่าวอีกรอบหนึ่ง ด้วยการเกณฑ์ทหารรับจ้าง ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย การจ้างพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เดินสายยุยงประเทศเพื่อนบ้าน และขอให้ฮุนเซ็นประกาศว่า เป็นเพื่อนทักษิณ พร้อมจะเชิญทักษิณมาเป็นที่ปรึกษา และสร้างบ้านให้อยู่
หากย้อนกลับไปดู ความเคลื่อนไหวของ นช.ทักษิณ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เราจะพบว่า เรื่องฮุนเซ็น ให้ที่พักพิงกับทักษิณนั้น เป็นหนังม้วนเดียวกับ เรื่อง บาฮามาส นิคารากัว ดูไบ และสวาซิแลนด์ ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนคนดูเดาเรื่องได้หมดแล้ว