นายกฯ อภิสิทธิ์ ลงพื้นที่นครสวรรค์ เรียกความเชื่อมั่นระบุปลายปีนี้เศรษฐกิจไทยกลับเป็นบวก ลั่นไม่ยอมให้ปัญหาการเมืองทำการแก้ปัญหาประเทศทรุด วอนผู้ชุมนุมอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย ขณะ “หางแดง” ประปรายคอยตามราวี ทำนายกฯ เลิกกำหนดการ ก่อนนั่ง ฮ.กลับ
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลชุมแสง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อเวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่กรุงเทพ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ว่า ยังไม่ได้รับรายงานอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ ขส.ทบ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอิศรา สุนทรวัฒน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางโดยเครื่องบินเจทสตีม มายังกองบิน 4 มายัง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากนั้นได้เดินทางต่อโดยเฮลิคอปเตอร์ มายังท่าข้าวร้อยล้าน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ก่อนที่จะนั่งรถยนต์เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านวังตะกอน ตามโครงการไทยเข้มแข็ง ที่บริเวณท่าข้าวเกยไชย ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดงาน นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ตนเดินทางมาลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อติดตามงานตามโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งถือว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยรวม ตนเข้ามารับหน้าที่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยืนยันว่าตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ตนและรัฐบาลทำงานอย่างหนัก ด้วยความทุ่มเท เพื่อให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ และให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อว่าใน 3 เดือนช่วงท้ายปี เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวก ขณะนี้สภาได้อนุมัติงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็งแล้ว 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของ จ.นครสวรรค์ จะได้รับงบประมาณถึง 2,600 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบชลประทาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาการเมืองยังคงเป็นปัญหาที่ประชาชนยังมีความทุกข์ใจ เพราะความคิดที่ขัดแย้งกันในสังคมยังมีอยู่ แต่ตนจะไม่ปล่อยให้ปัญหาการเมืองเป็นอุปสรรคกับการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ยอมให้การเมืองเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาประชาชน และตนยืนยันมาตลอดว่า การแสดงออกทางความคิดสามารถทำได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คน 60 ล้านคน จะมีความคิดเหมือนกัน และถือว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่การชุมนุมเรียกร้อง อย่าให้เกิดความรุนแรง ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะถ้ามีอะไรรุนแรง บ้านเมืองก็จะวุ่นวายไม่จบ ใครที่ทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร รัฐบาลก็ดำเนินการด้วยมาตรฐานเดียวกัน ใครที่มาชุมนุมเรื่องอะไร ตนก็พร้อมรับฟัง อยากจะวิงวอนประชาชน ถ้าอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้มีความสงบเรียบร้อย อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ กติกา ไม่ได้ห้ามที่จะมีคนคิดต่าง คนเคลื่อนไหว แต่ให้อยู่ในกรอบ อย่าใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมาย ถ้าบ้านเมืองสงบ ตนมั่นใจว่า เศรษฐกิจปีหน้า ก็จะดี ประเทศชาติก็จะดีขึ้น ซึ่งถือว่า เป็นความปรารถนาสูงสุดของคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดโครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุแห่งใหม่ และพบปะประชาชน ที่โรงพยาบาลชุมแสง ก่อนจะเดินทางกลับโดยเฮลิคอปเตอร์ และเดินทางต่อไปยัง จ.สระแก้ว เพื่อบันทึกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกอภิสิทธิ์” และอัดสปอตโฆษณาเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลด้านการประกันราคาสินค้าเกษตร ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายกฯ ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่โรงพยาบาลชุมแสง กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณ10 กว่าคน ได้เข้ามาใกล้บริเวณโรงพยาบาล โดยห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 300 เมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาในระหว่างที่นายกฯ ปฏิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อยพอดี จึงไม่มีเหตุความวุ่นวายแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ โดยแต่เดิม นายกรัฐมนตรี จะเดินทางจากกรุงเทพโดยรถยนต์ แต่ปรากฏว่าทางการข่าวรายงานว่าได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมตามเส้นทางและสถานที่ต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมา จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการเดินทางมาใช้เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์แทน และได้ยกเลิกภารกิจที่จะเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “สมัชชาประชาธิปัตย์ภาคเหนือ” ที่โรงแรมบ้านสวนรีสอร์ท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คนที่นำโดยนายอำพร ช่วยโสภา หรือเต่า เสื้อแดง ได้พากลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดพิษณุโลกเข้ามาชุมนุมขับไล่นายกฯ
นอกจากนั้น เส้นทางถนนพหลโยธิน บริเวณช่วงที่ใกล้ จ.นครสวรรค์ ได้มีการตั้งด่านเป็นระยะๆ โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่างบริเวณถนนเลี่ยงเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 1,000 คน ได้นำรถบรรทุกมากั้นขวางถนน ทำให้เหลือช่องทางจราจรเพียงช่องเดียว และบังคับให้รถทุกคันเลี้ยวซ้ายไปทางถนนเลี่ยงเมือง ก่อนที่จะเข้าเส้นทางไปตามปรกติ นอกจากนั้น บริเวณเส้นทางที่เข้าสู่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ยังได้มีการตั้งด่านตรวจและนำรถผู้ต้องขังมาจอดไว้เป็นระยะ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชัยณรงค์ วงศ์สาธร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 6 เปิดเผยว่า ได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดนครสวรรค์และเพชรบูรณ์ ประมาณ 700 นาย และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จากสารวัตรทหาร ( สห.) 12 นาย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย
