“พล.อ.ชวลิต” นำขบวนอดีตลูกพรรคความหวังใหม่กว่า 20 ชีวิตพาเหรดสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว อ้างทนเห็นบ้านเมืองแตกแยกไม่ได้ เรียกร้องทุกฝ่ายอโหสิกรรมให้แก่กันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ประกาศสังคยานาไข่แม้วให้เป็นพรรคมหาชน “ลิ่วล้อไข่แม้ว” ฟุ้ง ตระกูล “วงษ์สุวรรณ์” จ่อร่วมก๊วนแน่
วันนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ พร้อมคนใกล้ชิดประมาณ 20 คน ได้ยกขบวนเดินทางมาที่พรรค เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค ทันที่รถของพล.อ.ชวลิตมาถึง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค พร้อมผู้บริหารพรรค และส.ส.พรรคแห่มายืนเข้าแถวต้อนรับถึงหน้าประตูรถที่วิ่งมาจอดบริเวณลานหน้าพรรค พร้อมเชิญเข้าไปนั่งโต๊ะแถลงข่าว เพื่อกรอกใบสมัครเป็นสมาชิก และพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นนายยงยุทธได้สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีขาวขลิบแดงของพรรคให้พล.อ.ชวลิต เมื่อสวมเสื้อเสร็จพล.อ.ชวลิตชิงจับมือนายยงยุทธชูขึ้น ให้ช่างภาพสื่อแขนงต่างถ่ายภาพ ทำให้บรรยาการเป็นไปอย่างชื่นมื่น คึกคัก ทุกคนสีหน้าเปื้อยร้อยยิ้ม โดยส.ส.หลายคนที่มาต้อนรับพูดเป็นโทนเสียงเดียวกันว่า จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรที่นายเก่ามาอยู่ด้วยกัน จากนั้นนายยงยุทธกล่าวว่า ในนามคณะกรรมการบริหารพรรคเพ่อไทย พวกเราทุกคนรู้สึกอบอุ่น และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาร่วมงานกับเรา ทำให้กำลังใจและขวัญของพวกเราที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งๆขึ้นไปอีก
ต่อมา พล.อ.ชวลิต แถลงเปิดใจเป็นครั้งแรกว่า พี่น้องในพรรคส่วนใหญ่รู้จักกันดี เรามาวันนี้มีความตั้งใจจริง ตัดสินใจที่จะทำงานทางการเมืองอีกครั้ง เหตุผล คือ 1.ทนเห็นประเทศอยู่ลักษณะนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะความแตกแยกในแผ่นดินมันไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย สถาบันที่เราเคารพบูชาหลายสถาบันได้รับกระทบเทือน ในชีวิตไม่มีอะไรที่คิดถึงทุ่มเทและเสียสละให้ได้เท่ากับชาติและราชบัลลังก์ พวกตนที่มานวันนี้ จะมาทำงานเพื่อเอาบ้าน เอาเมืองของเราอยู่รอดให้ได้ เพราะสถานการณ์ซันนี้ค่อนข้างหนัก 2.ที่ตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย ตนไม่ได้เป็นคนเลือก แต่ได้ถามประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนไทยที่มีปัญหา คนยากจน ชาวไร่ชาวนา กรรมกรผู้ใช้แรงงาน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเขาเลือกให้ตนมาอยู่ที่นี้
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้รับคำเชิญจากหัวหน้าพรรค และทุกคนในพรรคที่ให้เกียรติกับตนมาก จริงๆแล้วพรรคต้องการให้เป็นประธานที่ปรึกพรรค แต่ขออนุญาตก้าวเข้ามาก้าวแรกโดยเป็นสมาชิกรพรรคเหมือนคนทั่วไปที่เข้ามาสมาชิกพรรค พวกตนไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่ต้องการได้รับการดูแล เอาใจใส่ หรือมากกว่าคนในพรรคที่ได้รับอยู่ ตนต้องเสมอกับพวกท่าน ถ้ามีเวลาได้คุยกัน และตนสามารช่วยอะไรได้บาง ก็ค่อยมาดูกันและช่วยกันสร้างพรรค ให้เป็นพรรคมหาชนอย่างแท้จริง เราจะมีพรรคที่เป็นหลักของแผ่นดินอย่างแน่นอน 3. ตนไม่ต้องการให้พรรคแย่งชิงหรือแข่งขันกับใรครที่มีความรับผิดชอบในบ้านเมืองอยู่แล้ว แต่หน้าจะมาร่วมมือร่วใจกัน พวกตนที่มาวันนี้คงจะทำอะไรให้บ้านเมืองได้บ้าง โดยจะเสริมสิ่งที่ทำอยู่แล้ว และเพิ่มเติมสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับพรรค เราต้องการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างแท้จริง วันนี้สิ่งที่สะเทือนในหัวใจเหลือเกิน กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ ทีทรงหว่วงใจสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งแนวทางแห่งความผูกพันคนดีในสังคม ที่มีอยู่มากในแผ่นดินนี้นั้น แต่วันนี้ยังขาดความร่วมมือร่วมใจกัน ยืนยันว่าพวกรเจะทำทุกอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองนี้อยู่รอดให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการชี้มูลคดี 7 ต.ค. 52 ของป.ป.ช.มีผลต่อการทำงานเพ่อบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ชวลิตตอบว่า ต้องเข้าใจป.ป.ช. เรารู้จักทุกคนที่เป็นดี ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของเขา ส่วนคำตัดสินเราต้องยอมรับ และไปแก้ตามกระบวนยุติธรรมที่มีช่องให้ ดังนั้นต่อให้ 10 ป.ป.ช.ชี้มูลก็ไม่เป็นอุปสรรค เมื่อาถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนากยฯ ได้ฝากอะไรบ้างที่มาสมัครสมาชิกพรรค และจะทำงานเป็นอิสระจากพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร พล.อ.ชวลิตตอบว่า ได้พูดไปแล้วว่าพรรคนี้เป็นมหาชน เป็นมวลชน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความต้องการของพี่น้องคนไทย รออีกสักนิดคงจะได้เห็น เมื่อถามว่าแนวทางสมานฉันท์ที่อยากเห็นคือะไร พล.อ.ชวลิตตอบว่า อยู่จนบัดนี้ยังไม่ทราบอีกเหรอ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเมื่อท่านมาอยู่ในพรรคที่มีส.ส.มากเป็นอันดับ 1 จะผลักดันแนวทางสมานฉันท์อย่างไร พล.อ.ชวลิตตอบว่า 1.อันดับแรกต้องหันหน้าเข้าหากันก่อน เราสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในมาเลฯมาแล้ว โดยตนเป็นคนหนึ่งที่ไปช่วยคนมาเลฯให้สงบสุขเหมือนทุกวันนี้ และตนก็เคยไปสร้างความสมานฉันท์ให้กัมพูชามาแล้วเมื่อ 21 ปีก่อน ในการสร้งความสมานฉันท์จากประสบการณ์ที่มีจะต้องให้เกียรติคู่ต่อสู้ คู่ขัดแย้ง หากไม่ให้เกียรติเขา มีแต่ไปว่าเขาก็ไม่ต้องไปทำอะไรกัน อดีตที่มีคนเข้าไปอยู่ในป่าก็จบลงด้วยที่ไม่มีผลแพ้ ชนะ จนทำให้มีความสุขจันถึงทุกวันนี้ 2.ต้องอโหสิกรรมัน ลืมเรื่องเก่า วันนี้แค่ใช้ไม้หน้าสามตีหัวกัน เมื่อกันใช้ปืนยิงกันตายยังหันหน้าเข้าหากันได้ และ 3. เปิดเจรจาในลักษณะที่เข้าใจกัน จบครับ เพราะลักษณะคนไทยไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ชอบสันติ นั่งเจรจากัน ถ้าใช้แนวทางนี้ประสบผลสำเร็จอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะเจรจากับผู้มีอำนาจตัวจริง พล.อ.ชวลิตตอบว่า ต้องดูคู่ขัดแย้งกันอยู่ ใครทะเลาะกับใครก็มาเจรจากัน เมื่อถามว่าคู่ขัดแย้งตามที่พ.ต.ท.ทักษิณอ้างไว้เป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.ชวลิตตอบว่า เอาท่านมายุ่งเกี่ยวอีกแล้ว วันนี้ท่านไม่ได้อยู่กทม. เมื่อถามว่ามีส.ส.ในพรรคเพื่อไทยยังโจมตีพล.อ.เปรม จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ชวลิตตอบว่า ลูกน้องพบ.อ.เปรมก็มาด่ามาว่าด้านนี้ เราจะไปสู้กับคนที่อยู่ในอำนาจได้อย่างไร ทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
เมื่อถามว่า แนวความคิดเรื่อง ล้มรัฐ ล้มทุน ล้มเจ้า ตามที่ท่านเคยเตือนไว้ ยังมีอยู่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ในเชิงอุดมการณ์ความคิดมันยังมีอยู่ แต่วันนี้ประชาชนรู้แล้วว่า เราต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใช้เศรษฐกิจทุนนิยม มันจะไม่ต่างจากนี้ เมื่อถามว่า พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ทำไมใจร้อนจัง ผมยังไม่ใจร้อนเลย" ส่วนจะเป็นโซ่ข้อกลางหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะวันนี้ตนได้เข้ามาอยู่ในคู่ขัดแย้งแล้ว
หลังจากแถลงข่าวเสร็จพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ และส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็นแกนนำนปก.รุ่น 1 ขึ้นเวทีเสื้อแดงปราศรัยโจมตีพล.อ.เปรมถึงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้เดินมาที่กลุ่มผู้สื่อข่าว โดยออกตัวด้วยท่าทีอารมณ์ดีว่าไม่ได้ด่าพล.อ.เปรม เพียงแค่พูดข้อเท็จจริงเท่านั้น
เมื่อพล.อ.ชวลิต แถลงเสร็จทีมงานได้แจกแถลงการณ์ มีใจความว่า เรียนพี่น้องประชาชนคนไทย ในชีวิตของผมไม่มีสิ่งใดที่ผมรักและเทิดทูนยิ่งไปกว่าประเทศชาติและราชบัลลังก์ วันนี้สถานการณ์ในชาติตามความเป็นจริง น่าห่วงใยอย่างที่สุด นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ผมและพี่น้องที่เคยร่วมกันรักษาชาติ บ้านเมือง ต้องกลับมาร่วมกันทหน้าที่ของเราอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเคยรับปากกับคนที่เคยรักและเคารพยิ่งว่า การทำงานให้บ้านเมือง ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง แต่สถานการณ์ในวันนี้ถ้าไม่มาทำงานการเมืองก็คงไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขปัยหาของบ้านเมืองได้แน่ ดังนั้นเมื่อได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทย เข้ามาทำงานในพรรค จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะกลับเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับสมาชิกพรรค ส.ส. กรรมการบริหาร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชาติ พร้อมไปกับการจรรโลงประชาธิปไตย และนำความเป็นธรรมคืนกลับสู่สังคมไทย
แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า การตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะมาแย่งชิง หรือแข่งขันกับผู้หนึ่งผู้ใด ตนและเพื่อนเพียงหลังว่าการเข้ามาร่วมงานจะมาช่วยเหลือ แบ่งเบาและเพิ่มเติมสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพรรค และประเทศ โดยจะทไหน้าที่ด้วยความชัดเจน หนักแน่น แน่นอน และไม่คลุมเครือ ถามว่างานที่ตั้งใจจะมาทำคืออะไร พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั้ว เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2552 ว่า ระยะเวลาที่ผ่านมารู้สึกว่าบ้านเมืองเรากำลังล่มจม เพราะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างแย่งกัน ต่างคนต่างไม่เข้าใจว่าทอะไร แต่ตอนนี้โชคดีที่มีผู้มีความรู้ต่างๆกันมาร่วมมือกัน ผมจึงอาสาที่จะมาทำงานเพื่อสนองพระราชดำรัส ชักชวนคนดี มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ และราชบัลลังก์ ให้ทมาทำงานตามประราชประสงค์ให้จงได้
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากนี้พรรคจะมีเซอร์ไพรส์โดยจะทยอยเปิดตัวผู้สมัครระดับบิ๊กอีก แต่ที่อยากได้มากที่สุด คือ คนของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าใช่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายปลอดประสพ ปฏิเสธที่จะตอบ
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กลุ่มบุคคลที่จะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ยังมีอีก เช่น พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ซึ่งมีแนวโน้มจะมาร่วมงานเช่นกัน ส่วนพล.อ.พัลลภ ก็ชัดเจนมานานแล้ว ทั้งหมดรู้สึกสงสารพ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่มีที่ยืนในประเทศไทย ที่สำคัญวันนี้ประเทศชาติขาดสามัคคี คนเหล่านี้จึงต้่องการมาช่วยแก้ปัญหา
พล.ท.พิรัชช์ สวามิภักดิ์ หรือ "เสธ.หมึก" อดีตนายทหารจปร.7 ซึ่งร่วมมาให้กำลังใจพล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ชวลิต ต้องการมาฟื้นฟูความสามัคคีของคนในชาติ แต่ก็ไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน และแก้ปัญหาชายแดน ปัญหาภาคใต้ และเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบัน และเห็นว่า สถานการณ์วิกฤตขณะนี้ พล.อ.ชวลิต มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดเพราะเป็นผู้ที่เน้นสันติวิธี ประนีประนอม มีความเมตตาในใจตลอด และให้อภัย อย่างไรก็ตามพล.อ.ชวลิต จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก่อน ส่วนจะมีตำแหน่งอย่างไรในพรรคนั้นขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะปรับตัวอย่างไรเพื่อให้แนวทางการต่อสู้เป็นไปแบบสันติวิธี พล.ท.พิรัชช์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคพรรคเพื่อไทยมีปัญหาเรื่องการนำ ที่เลอะเทอะ แต่เขามีความสามารถในการรวมคน แต่การปฏิบัติยังไม่มี ดังนั้นต้องรีบทำให้เกิดความชัดเจนเชื่อว่า ภายใน 1-2 เดือน น่าจะเห็นผลที่พล.อ.ชวลิตต้องการคือ การทำพรรคให้เป็นคนของทุกคน เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต จะยืนตรงข้ามกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษหรือไม่นั้นพล.ท.พิรัชช์ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต ไม่มีอะไรกับพล.อ.เปรม ยังเคารพเหมือนเดิม เพราะเป็นนายเก่ามา ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาให้กำลังใจ พล.อ.ชวลิต และบางส่วนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มก๊วนจากพรรคความหวังใหม่ บางส่วนเป็นลูกน้อง พล.อ.ชวลิต เช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. ซึ่งเคยคุมศูนย์เลือกตั้งซ่อมที่จ.ลพบุรี ของพรรคเพื่อไทย นายมติ ตั้งพานิช อดีตนายกสภาสถาปนิก พล.อ.วัฒนา สรรพานิช อดีต สว.กาญจนบุรี นางอัมพาพันธ์ คงสมพงษ์ ซึ่งอยู่กินเป็นสามีภรรยากับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธานรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และเคยถูกอ้างว่า เป็นคนติดต่อสัญญาดาวเทียมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในยุค รสช. นายภาวิช ทองโรจน์ กรรมการสมานฉันท์การปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรธน.ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกสภาเภสัชกรรม นายสุจริต ปัมฉิมนันท์ อดีตปลัดกกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ร่วมบุกเบิกตั้งพรรคเพื่อไทย นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคเพื่อไทย
พล.อ.อรพันธุ์ วัฒนวิบูลย์ เสนาธิการทหาร พล.ท.พิรัชช์ สวามิภักดิ์ หรือ "เสธ.หมึก" เพื่อนร่วมรุ่น จปร. 7 ร่วมกับพล.อ.พัลลภ นายสมพงษ์ สระกวี อดีต สว.สงขลา นพ.สมศักดิ์ วรคามิน อดีต สส.พรรคความหวังใหม่ นายสุดิน ภูยุทรานนท์ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม อดีต สว.อุดรธานี นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ อดีต สส.อุดรธานี พรรคความหวังใหม่ ทั้งนี้นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดงได้มานั่งฟังการแถลงข่าวของพล.อ.ชวลิต ด้วย