"มาร์ค"เรียกประชุม กอ.รมน. รับมือม็อบแดง ทหารตบเท้าร่วมวงพรึบ ย้ำประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคง อำนายความสะดวกในการทำงานเท่านั้น ลั่นเสื้อแดงชุมนุมได้ แต่ห้ามปิดล้อมครม.-ขรก.ทำเนียบ เข้าทำงาน ห่วงมือที่ 3 มั่ว "เทือก" จัดกำลัง 37 กองร้อยคุมเข้ม ผบ.ทบ.ยันทหารไม่ติดอาวุธ ใช้เพียงอุปกรณ์มาตรฐานของการปราบจลาจล ผบช.น. สั่งตั้งด่านสกัดการขนอาวุธสงคราม ขู่แกนนำยุยงให้ป่วนเจอถอนประกันแน่
วานนี้(28 ส.ค.) ที อาคารรัฐสภา 3 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม รวมทั้งข้าราชการระดับสูงจากหน่วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน เพื่อประเมินสถานการณ์ และเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค.
ก่อนการประชุม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เข้าหารือกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อรายงานผลการเจรจากับแกนนำเสื้อแดงให้ทราบประมาณ 2 นาที จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุว่า ได้รายงานผลการเจรจากับแกนนำเสื้อแดงให้นายกฯทราบแล้ว ซึ่งได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำยังจะเคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การชุมนุมเป็นเรื่องปกติ หากมีการปิดทำเนียบคงเป็นเจตนารมณ์ ที่จะเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่ทำเนียบฯอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เดือดร้อนใคร และไม่กระทบใครก็โอเค โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ได้เข้าร่วมประชุม กอ.รมน.แต่อย่างใด
"มาร์ค"ขออย่ารุนแรง-เข้าทำงานได้
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ข้อ 1.อยากให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่มีความรุนแรง 2. ต้องการให้คณะรัฐมนตรี และข้าราชการสามารถเข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ โดยแนวทางที่ใช้นั้น ได้ย้ำว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็นไปตามหลักสากล คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความความรุนแรง ซึ่งผบ.ตร.ได้ไปพูดคุยกับแกนนำ โดยให้ได้ข้อยุติที่สามารถทำได้ เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาล ก็คงไม่เป็นอะไร แต่อย่าทำให้ถึงขั้นไม่สามารถเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้
เมื่อถามว่าหมายถึงว่า จะไม่มีการปิดล้อมทำเนียบฯ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า อยากจะคุยกันอย่างนั้น เพราะการที่เราได้ออกประกาศพื้นที่ความมั่นคง ก็เพื่อประโยชน์ในการเข้าไปทำงาน ที่จริงก็อยากให้ศาลได้วินิจฉัยว่า แม้ผู้ชุมนุมมีสิทธิ์ในการชุมนุมโดยสงบ แต่ต้องไม่กระทบกับการที่คนต้องเข้าไปทำงาน
เมื่อถามว่ายังเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 อยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้เตือนว่า เมื่อมีคนหมู่มาก ก็ต้องระมัดระวัง เป็นเหตุผลที่อยากให้คนเสื้อแดง คุยกับ ผบ.ตร. แล้วกำหนดแนวทางร่วมกัน จะได้ไม่มีปัญหาว่า มีอะไรแปลกปลอมแล้วเกิดปัญหาขึ้น
หากการชุมนุมเกินเลยวันที่ 1 ก.ย.นี้ จะประกาศเพิ่มหรือไม่ หากมีความจำเป็นก็จะทำ แต่ทั้งหมดเท่าที่ดูตอนนี้ทั้งในการประกาศข้อกำหนด หรืออะไรต่างๆ น่าจะกระทบกระเทือนประชาชนทั่วไปน้อยมาก
"เทือก"แจงมาตรการคุมม็อบ
ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน นายสุเทพ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกกองทัพบก ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 5
นายสุเทพ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันเหตุอันไม่พึงปรารถนา ได้ประเมินการชุมนุม ว่าอาจจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. เป็นต้นไป เพราะบุคคลกลุ่มนี้ได้ประกาศปลุกระดมมวลชน ให้เข้าร่วมและจะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสถานที่สำคัญอื่นๆ โดยอ้างว่า ต้องการกดดันให้นายกฯ ยุบสภา ลาออก รัฐบาลเห็นว่าหากปล่อยให้มีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการบริหาราชการแผ่นดิน และความเรียบร้อยของประเทศ ที่สำคัญจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้นำประเทศต่างๆ ที่กำลังจะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน
"รัฐบาลกังวลใจ หากใช้กฎหมายโดยปกติ ไม่เพียงพอที่จะป้องกันแก้ไขปัญหานี้ได้ ที่ต้องประกาศไว้ก่อน เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องการเสี่ยงต่อเหตุการณ์รุนแรงที่ฝ่ายผู้ชุมนุมอาจก่อให้เกิดขึ้น" นายสุเทพ กล่าวและว่า จะประกาศเขตพื้นที่ เขตดุสิต กรุงเทพมหานครให้เป็นพื้นที่ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีผล ตั้งแต่วัที่ 29 ส.ค.ถึง 1 ก.ย.52 เมื่อพ้นระยะเวลาที่ประกาศไปแล้วจะพิจารณาข้อเท็จจริงของสถานการณ์ ประเมินผลการดำเนินการ รายงานต่อครม.ให้ทราบ และรายงานต่อรัฐสภาต่อไป
ส่วนสาระสำคัญในข้อกำหนดมีหลายอย่าง เช่น การห้ามเข้าพื้นที่อาคารสถานที่ การห้ามนำเอาอาวุธออกนอกเคหะสถาน การควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคม การใช้ยานพาหนะในบางเส้นทาง การควบคุมเครื่องมือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคในบางประเภท ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมาย 13 ฉบับ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ กฎหมายการควบคุมการจราจร กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวเนื่องเป็นต้น ซึ่งรัฐบาลได้กำชับให้ใช้กฎหมายเหล่านี้เท่าที่จำเป็นและไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเกินเหตุสมควร
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า กอ.รมน.มีมติจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) โดยมีตนเป็นผอ.ศูนย์ฯ และรมว.กลาโหม เป็นรองผอ.ศูนย์ฯ และมอบอำนาจให้ ผอ.ศูนย์ฯ มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงาน กอ.รมน. ตามมาตรา 17 ในพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ผอ.ศูนย์ มีอำนาจจัดการ กำกับ ติดตาม บังคับบัญชาเจ้าพนักงาน กอ.รมน.เหล่านั้น และให้ออกข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความจำเป็น และความเหมาะสมของสถานการณ์ได้
ห้ามชุมนุมปิดล้อมทำเนียบเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาประกาศพื้นที่ความมั่นคงในเขตเมืองหลวง ซึ่งยังไม่เคยมีในประเทศไหนทำกัน ซึ่งมีการวิตกว่าความโกลาหลสำหรับประชาชน ที่ไม่เข้าใจรัฐบาลจะดูแลอย่างไร ซึ่งอาจจะมีการฟ้องร้องตามมาภายหลัง หากมีการละเมิดสิทธิ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลเคารพในสิทธิของประชาชน สุจริตชนทั้งหลายยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอะไรที่กระทบกระเทือน อาจจะรำคาญบางเวลา เจอด่าน โดนจะตรวจเฉพาะคนที่พกอาวุธ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเอาเข้ามาก่อเหตุร้ายที่จะเป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อย รัฐบาลพร้อมที่จะรับผิดชอบในความเสียหายใดที่จะเกิดขึ้นทุกประการ ยืนยันย้ำว่า เราเคารพในสิทธิของพี่น้องประชาชนและจะไม่ทำอะไรล่วงล้ำ ต่อสิทธิของประชาชน
ขณะที่เส้นทางคมนาคม นั้นนายสุเทพ กล่าว ที่เราได้ออกประกาศว่า ถนนบางสายบางเส้นทาง ไม่ให้ไปทำการชุมนุม เช่น ถนนลูกหลวง ที่อยู่ริมคลอง ตั้งแต่สะพานมัฆวานฯ ถึงสะพานเทวกรรม ถนนนครปฐมสั้นๆ ไม่กี่ร้อยเมตรที่อยู่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนินใน ที่เป็นส่วนช่องทางเดินที่ชิดรั้วทำเนียบที่ต้องประกาศอย่างนี้เพราะ การชุมนุมครั้งนี้ก่อนของกลุ่มคนเหล่านี้ เขาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ให้นายกฯ เข้าไปทำงานได้ ไม่ให้ครม.เข้าประชุม ไม่ให้แขกบ้าน แขกเมืองมาเยี่ยมนายกฯเข้าทำเนียบได้ แต่พี่น้องประชาชนทั่วไป สามารถสัญจรไปมาบนถนนเหล่านี้ได้ตามปกติ ไม่ผิดกฎหมายอะไร แต่หากจะไปชุมนุมปิดล้อม ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่ปิดเส้นทางจราจร แต่ในวันอาทิตย์ ที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่อาจจะพิจารณาว่า เส้นทางนั้นจะต้องปิดคือ ถ.ลูกหลวง ถ.ราชดำเนินใน ถ.นครปฐม
ผบ.ทบ.ยันเจ้าหน้าที่ไม่ติดอาวุธ
เมื่อถามว่าหากเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาลหรือ สถานที่ราชการสำคัญ ทางรัฐบาลจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติจะมีขั้นตั้งแต่การป้องกัน ไปสู่ขั้นการปฏิบัติขณะนี้อยู่ในขั้นการป้องกัน ซึ่งการสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้หันมาพูดคุยกัน ในลักษณะสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่าที่จะห่ำ หันกัน นั่นคือมาตรการตัวอย่างการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ฝ่ายปฏิบัติก็จะสั่งการภายใต้แผนที่มีไว้ โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราถือว่าประชาชนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ขอย้ำว่าการปฏิบัติการทั้งสิ้นทั้งหมด เจ้าหน้าที่ทหารไม่ใช่อาวุธเลย ไม่ว่าจะเป็นระเบิด กระสุน หรืออาวุธอะไรทั้งสิ้น จะใช้อุปกรณ์มาตรฐานของการปราบจลาจลเท่านั้น
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ของผู้ปฏิบัติงาน จะอนุญาตให้สื่อมวลชนอยู่กับเราตลอดเวลา สถานีวิทยุ และโทรทัศน์ทั้งหลาย มาตั้งสถานีถ่ายทอดได้ในเขตทำเนียบรัฐบาล และ ตนพร้อมที่จะชี้แจงทุกท่าน ทุกวัน ทุกเวลา ที่มีคำถาม และทีมงานของเราทั้งโฆษก ทบ. และรองโฆษกรัฐบาลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก ในการให้ข่าวสารทุกเวลา ยืนยันว่าทำด้วยความเปิดเผยโปร่งใส และสุจริตใจ ที่เห็นกับประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก
"เทือก"จัดกำลัง 37 กองร้อย คุมเข้ม
นายสุเทพ กล่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 37 กองร้อย ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือนประมาณ 350 คน ตำรวจ 13 กองร้อยๆละ150 คนส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ทหารโดยมาจากทุกเหล่าทัพ แต่ทั้งหมดจะมาเป็นผู้ช่วยตำรวจ จะเพิ่มหรือลดกำลัง ก็จะต้องมาขออนุญาตตนในฐานะที่เป็นผอ.ศูนย์ฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจอนุมัติสั่งการ กำกับดูแลแก้ไขปัญหา
แหล่งข่าวเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ นายสุเทพ เป็นห่วงว่าจะมีการปะทะกันเนื่องจาก มีรายงานว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งการ์ดและมีการเตรียมอาวุธ
ขู่แดงเคลื่อนขบวนถอนประกันแน่
พล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยว่า แกนนำเสื้อแดงที่อยู่ระหว่างการประกันตัวจากเหตุการณ์ต่างๆ และในวันชุมนุม หากพบว่า คนเหล่านี้ได้ขึ้นเวที และประกาศว่า จะเคลื่อนขบวนปิดสถานที่สำคัญ ก็สามารถที่จะถอนประกัน และจับกุมได้ เพราะผิดเงื่อนไขการประกันตัว รวมถึงการพูดให้คนอื่นเสียหาย ก็สามารถถอนประกันได้ทันทีด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนของตำรวจจะมีคณะกรรมการดูในเรื่องนี้ ส่วนคนตัดสินใจถอนประกันหรือไม่ คือ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ส่วนแผนการปฏิบัติจะมีการการตั้งจุดตรวจหรือตั้งด่าน โดยแบ่งพื้นที่การตั้งด่านออกเป็น 2 พื้นที่ พื้นที่วงใน คือ พื้นที่รอบๆ บริเวณทำเนียบฯ กำหนดจุดไว้ทั้งหมด 19 จุด ในการปฏิบัติเราจะร่วมกันทั้งตำรวจทหาร และเทศกิจ ส่วนวงนอก ยังมีอีก 168 จุด อันนั้นเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นจุดตรวจโดยปกติ อยู่แล้ว
“เราคงไม่สามารถเรียกตรวจรถได้ทุกคัน คนทุกคนได้ วิธีการตรวจโดยสากล ต้องใช้ดุลพินิจ สังเกตจดจำ ซึ่งตำรวจได้รับการอบรมมา ว่าตรวจอย่างไรเฉพาะนั้นตรงนี้เราจะใช้เจ้าหน้าที่ที่มีขีดความสามารถ เมื่อเดือนที่แล้วการตั้งจุดตรวจ ประมาณตี 3 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นยึดอาวุธปืนสงครามได้”
จับตาเสื้อแดงขนอาวุธเข้ากรุง
วันเดียวกันที่สำนักงานองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน (อปช.) จังหวัดสระแก้ว ได้จัดแถลงข่าวเรื่องนี้ โดยนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ อาจจะมีการสร้างสถานการณ์จากผู้ไม่หวังดี เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตนทราบมาว่ามีการจ้างหัวละ 500-1,000 บาท บางกลุ่มเตรียมอาวุธ เช่น วัตถุระเบิด ปืน โดยลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาและนำมาไว้ในพื้นที่ และได้นำเข้าไปในกรุงเทพฯแล้ว เพื่อที่จะก่อความไม่สงบในวันดังกล่าว หวังกดดันให้รัฐบาลรับนิรโทษกรรม และยุบสภา ซึ่งเรื่องนี้ ตนได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า มีการนำอาวุธและระเบิดเข้ามาจริง
เผยจ้างคนมาจังหวัดละ100 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงความเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเข้ามาชุมนุมในวันที่ 30 ส.ค.นี้ว่า จากการตรวจสอบไปยังจังหวัดที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงของทางเจ้าหน้าที่คาดว่า จะมีการเกณฑ์คนเข้ามาไม่ต่ำกว่าจังหวัดละ 100 คน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมา
นอกจากนี้ บรรดากลุ่มแกนนำบางส่วนในรอบๆ ปริมณฑลก็จะมีการจ้างคนว่างงาน รวมทั้งคนที่ขายของอย่างไม่เป็นหลักแหล่งให้เดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งร่วมถึงกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนหนึ่งที่เข้ามาทำงานภายในประเทศไทยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวพม่า
วานนี้(28 ส.ค.) ที อาคารรัฐสภา 3 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม รวมทั้งข้าราชการระดับสูงจากหน่วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน เพื่อประเมินสถานการณ์ และเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค.
ก่อนการประชุม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เข้าหารือกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อรายงานผลการเจรจากับแกนนำเสื้อแดงให้ทราบประมาณ 2 นาที จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุว่า ได้รายงานผลการเจรจากับแกนนำเสื้อแดงให้นายกฯทราบแล้ว ซึ่งได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำยังจะเคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การชุมนุมเป็นเรื่องปกติ หากมีการปิดทำเนียบคงเป็นเจตนารมณ์ ที่จะเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่ทำเนียบฯอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เดือดร้อนใคร และไม่กระทบใครก็โอเค โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ได้เข้าร่วมประชุม กอ.รมน.แต่อย่างใด
"มาร์ค"ขออย่ารุนแรง-เข้าทำงานได้
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ข้อ 1.อยากให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่มีความรุนแรง 2. ต้องการให้คณะรัฐมนตรี และข้าราชการสามารถเข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ โดยแนวทางที่ใช้นั้น ได้ย้ำว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็นไปตามหลักสากล คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความความรุนแรง ซึ่งผบ.ตร.ได้ไปพูดคุยกับแกนนำ โดยให้ได้ข้อยุติที่สามารถทำได้ เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาล ก็คงไม่เป็นอะไร แต่อย่าทำให้ถึงขั้นไม่สามารถเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้
เมื่อถามว่าหมายถึงว่า จะไม่มีการปิดล้อมทำเนียบฯ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า อยากจะคุยกันอย่างนั้น เพราะการที่เราได้ออกประกาศพื้นที่ความมั่นคง ก็เพื่อประโยชน์ในการเข้าไปทำงาน ที่จริงก็อยากให้ศาลได้วินิจฉัยว่า แม้ผู้ชุมนุมมีสิทธิ์ในการชุมนุมโดยสงบ แต่ต้องไม่กระทบกับการที่คนต้องเข้าไปทำงาน
เมื่อถามว่ายังเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 อยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้เตือนว่า เมื่อมีคนหมู่มาก ก็ต้องระมัดระวัง เป็นเหตุผลที่อยากให้คนเสื้อแดง คุยกับ ผบ.ตร. แล้วกำหนดแนวทางร่วมกัน จะได้ไม่มีปัญหาว่า มีอะไรแปลกปลอมแล้วเกิดปัญหาขึ้น
หากการชุมนุมเกินเลยวันที่ 1 ก.ย.นี้ จะประกาศเพิ่มหรือไม่ หากมีความจำเป็นก็จะทำ แต่ทั้งหมดเท่าที่ดูตอนนี้ทั้งในการประกาศข้อกำหนด หรืออะไรต่างๆ น่าจะกระทบกระเทือนประชาชนทั่วไปน้อยมาก
"เทือก"แจงมาตรการคุมม็อบ
ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน นายสุเทพ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกกองทัพบก ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 5
นายสุเทพ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันเหตุอันไม่พึงปรารถนา ได้ประเมินการชุมนุม ว่าอาจจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. เป็นต้นไป เพราะบุคคลกลุ่มนี้ได้ประกาศปลุกระดมมวลชน ให้เข้าร่วมและจะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสถานที่สำคัญอื่นๆ โดยอ้างว่า ต้องการกดดันให้นายกฯ ยุบสภา ลาออก รัฐบาลเห็นว่าหากปล่อยให้มีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการบริหาราชการแผ่นดิน และความเรียบร้อยของประเทศ ที่สำคัญจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้นำประเทศต่างๆ ที่กำลังจะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน
"รัฐบาลกังวลใจ หากใช้กฎหมายโดยปกติ ไม่เพียงพอที่จะป้องกันแก้ไขปัญหานี้ได้ ที่ต้องประกาศไว้ก่อน เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องการเสี่ยงต่อเหตุการณ์รุนแรงที่ฝ่ายผู้ชุมนุมอาจก่อให้เกิดขึ้น" นายสุเทพ กล่าวและว่า จะประกาศเขตพื้นที่ เขตดุสิต กรุงเทพมหานครให้เป็นพื้นที่ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีผล ตั้งแต่วัที่ 29 ส.ค.ถึง 1 ก.ย.52 เมื่อพ้นระยะเวลาที่ประกาศไปแล้วจะพิจารณาข้อเท็จจริงของสถานการณ์ ประเมินผลการดำเนินการ รายงานต่อครม.ให้ทราบ และรายงานต่อรัฐสภาต่อไป
ส่วนสาระสำคัญในข้อกำหนดมีหลายอย่าง เช่น การห้ามเข้าพื้นที่อาคารสถานที่ การห้ามนำเอาอาวุธออกนอกเคหะสถาน การควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคม การใช้ยานพาหนะในบางเส้นทาง การควบคุมเครื่องมือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคในบางประเภท ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมาย 13 ฉบับ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ กฎหมายการควบคุมการจราจร กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวเนื่องเป็นต้น ซึ่งรัฐบาลได้กำชับให้ใช้กฎหมายเหล่านี้เท่าที่จำเป็นและไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเกินเหตุสมควร
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า กอ.รมน.มีมติจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) โดยมีตนเป็นผอ.ศูนย์ฯ และรมว.กลาโหม เป็นรองผอ.ศูนย์ฯ และมอบอำนาจให้ ผอ.ศูนย์ฯ มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงาน กอ.รมน. ตามมาตรา 17 ในพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ผอ.ศูนย์ มีอำนาจจัดการ กำกับ ติดตาม บังคับบัญชาเจ้าพนักงาน กอ.รมน.เหล่านั้น และให้ออกข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความจำเป็น และความเหมาะสมของสถานการณ์ได้
ห้ามชุมนุมปิดล้อมทำเนียบเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาประกาศพื้นที่ความมั่นคงในเขตเมืองหลวง ซึ่งยังไม่เคยมีในประเทศไหนทำกัน ซึ่งมีการวิตกว่าความโกลาหลสำหรับประชาชน ที่ไม่เข้าใจรัฐบาลจะดูแลอย่างไร ซึ่งอาจจะมีการฟ้องร้องตามมาภายหลัง หากมีการละเมิดสิทธิ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลเคารพในสิทธิของประชาชน สุจริตชนทั้งหลายยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอะไรที่กระทบกระเทือน อาจจะรำคาญบางเวลา เจอด่าน โดนจะตรวจเฉพาะคนที่พกอาวุธ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเอาเข้ามาก่อเหตุร้ายที่จะเป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อย รัฐบาลพร้อมที่จะรับผิดชอบในความเสียหายใดที่จะเกิดขึ้นทุกประการ ยืนยันย้ำว่า เราเคารพในสิทธิของพี่น้องประชาชนและจะไม่ทำอะไรล่วงล้ำ ต่อสิทธิของประชาชน
ขณะที่เส้นทางคมนาคม นั้นนายสุเทพ กล่าว ที่เราได้ออกประกาศว่า ถนนบางสายบางเส้นทาง ไม่ให้ไปทำการชุมนุม เช่น ถนนลูกหลวง ที่อยู่ริมคลอง ตั้งแต่สะพานมัฆวานฯ ถึงสะพานเทวกรรม ถนนนครปฐมสั้นๆ ไม่กี่ร้อยเมตรที่อยู่หน้าประตูทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนินใน ที่เป็นส่วนช่องทางเดินที่ชิดรั้วทำเนียบที่ต้องประกาศอย่างนี้เพราะ การชุมนุมครั้งนี้ก่อนของกลุ่มคนเหล่านี้ เขาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ให้นายกฯ เข้าไปทำงานได้ ไม่ให้ครม.เข้าประชุม ไม่ให้แขกบ้าน แขกเมืองมาเยี่ยมนายกฯเข้าทำเนียบได้ แต่พี่น้องประชาชนทั่วไป สามารถสัญจรไปมาบนถนนเหล่านี้ได้ตามปกติ ไม่ผิดกฎหมายอะไร แต่หากจะไปชุมนุมปิดล้อม ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่ปิดเส้นทางจราจร แต่ในวันอาทิตย์ ที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่อาจจะพิจารณาว่า เส้นทางนั้นจะต้องปิดคือ ถ.ลูกหลวง ถ.ราชดำเนินใน ถ.นครปฐม
ผบ.ทบ.ยันเจ้าหน้าที่ไม่ติดอาวุธ
เมื่อถามว่าหากเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาลหรือ สถานที่ราชการสำคัญ ทางรัฐบาลจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติจะมีขั้นตั้งแต่การป้องกัน ไปสู่ขั้นการปฏิบัติขณะนี้อยู่ในขั้นการป้องกัน ซึ่งการสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้หันมาพูดคุยกัน ในลักษณะสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่าที่จะห่ำ หันกัน นั่นคือมาตรการตัวอย่างการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ฝ่ายปฏิบัติก็จะสั่งการภายใต้แผนที่มีไว้ โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราถือว่าประชาชนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ขอย้ำว่าการปฏิบัติการทั้งสิ้นทั้งหมด เจ้าหน้าที่ทหารไม่ใช่อาวุธเลย ไม่ว่าจะเป็นระเบิด กระสุน หรืออาวุธอะไรทั้งสิ้น จะใช้อุปกรณ์มาตรฐานของการปราบจลาจลเท่านั้น
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ของผู้ปฏิบัติงาน จะอนุญาตให้สื่อมวลชนอยู่กับเราตลอดเวลา สถานีวิทยุ และโทรทัศน์ทั้งหลาย มาตั้งสถานีถ่ายทอดได้ในเขตทำเนียบรัฐบาล และ ตนพร้อมที่จะชี้แจงทุกท่าน ทุกวัน ทุกเวลา ที่มีคำถาม และทีมงานของเราทั้งโฆษก ทบ. และรองโฆษกรัฐบาลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวก ในการให้ข่าวสารทุกเวลา ยืนยันว่าทำด้วยความเปิดเผยโปร่งใส และสุจริตใจ ที่เห็นกับประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก
"เทือก"จัดกำลัง 37 กองร้อย คุมเข้ม
นายสุเทพ กล่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 37 กองร้อย ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือนประมาณ 350 คน ตำรวจ 13 กองร้อยๆละ150 คนส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ทหารโดยมาจากทุกเหล่าทัพ แต่ทั้งหมดจะมาเป็นผู้ช่วยตำรวจ จะเพิ่มหรือลดกำลัง ก็จะต้องมาขออนุญาตตนในฐานะที่เป็นผอ.ศูนย์ฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจอนุมัติสั่งการ กำกับดูแลแก้ไขปัญหา
แหล่งข่าวเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ นายสุเทพ เป็นห่วงว่าจะมีการปะทะกันเนื่องจาก มีรายงานว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งการ์ดและมีการเตรียมอาวุธ
ขู่แดงเคลื่อนขบวนถอนประกันแน่
พล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยว่า แกนนำเสื้อแดงที่อยู่ระหว่างการประกันตัวจากเหตุการณ์ต่างๆ และในวันชุมนุม หากพบว่า คนเหล่านี้ได้ขึ้นเวที และประกาศว่า จะเคลื่อนขบวนปิดสถานที่สำคัญ ก็สามารถที่จะถอนประกัน และจับกุมได้ เพราะผิดเงื่อนไขการประกันตัว รวมถึงการพูดให้คนอื่นเสียหาย ก็สามารถถอนประกันได้ทันทีด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนของตำรวจจะมีคณะกรรมการดูในเรื่องนี้ ส่วนคนตัดสินใจถอนประกันหรือไม่ คือ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ส่วนแผนการปฏิบัติจะมีการการตั้งจุดตรวจหรือตั้งด่าน โดยแบ่งพื้นที่การตั้งด่านออกเป็น 2 พื้นที่ พื้นที่วงใน คือ พื้นที่รอบๆ บริเวณทำเนียบฯ กำหนดจุดไว้ทั้งหมด 19 จุด ในการปฏิบัติเราจะร่วมกันทั้งตำรวจทหาร และเทศกิจ ส่วนวงนอก ยังมีอีก 168 จุด อันนั้นเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นจุดตรวจโดยปกติ อยู่แล้ว
“เราคงไม่สามารถเรียกตรวจรถได้ทุกคัน คนทุกคนได้ วิธีการตรวจโดยสากล ต้องใช้ดุลพินิจ สังเกตจดจำ ซึ่งตำรวจได้รับการอบรมมา ว่าตรวจอย่างไรเฉพาะนั้นตรงนี้เราจะใช้เจ้าหน้าที่ที่มีขีดความสามารถ เมื่อเดือนที่แล้วการตั้งจุดตรวจ ประมาณตี 3 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นยึดอาวุธปืนสงครามได้”
จับตาเสื้อแดงขนอาวุธเข้ากรุง
วันเดียวกันที่สำนักงานองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน (อปช.) จังหวัดสระแก้ว ได้จัดแถลงข่าวเรื่องนี้ โดยนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ อาจจะมีการสร้างสถานการณ์จากผู้ไม่หวังดี เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตนทราบมาว่ามีการจ้างหัวละ 500-1,000 บาท บางกลุ่มเตรียมอาวุธ เช่น วัตถุระเบิด ปืน โดยลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาและนำมาไว้ในพื้นที่ และได้นำเข้าไปในกรุงเทพฯแล้ว เพื่อที่จะก่อความไม่สงบในวันดังกล่าว หวังกดดันให้รัฐบาลรับนิรโทษกรรม และยุบสภา ซึ่งเรื่องนี้ ตนได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า มีการนำอาวุธและระเบิดเข้ามาจริง
เผยจ้างคนมาจังหวัดละ100 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงความเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเข้ามาชุมนุมในวันที่ 30 ส.ค.นี้ว่า จากการตรวจสอบไปยังจังหวัดที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงของทางเจ้าหน้าที่คาดว่า จะมีการเกณฑ์คนเข้ามาไม่ต่ำกว่าจังหวัดละ 100 คน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมา
นอกจากนี้ บรรดากลุ่มแกนนำบางส่วนในรอบๆ ปริมณฑลก็จะมีการจ้างคนว่างงาน รวมทั้งคนที่ขายของอย่างไม่เป็นหลักแหล่งให้เดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งร่วมถึงกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนหนึ่งที่เข้ามาทำงานภายในประเทศไทยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวพม่า