เครือข่ายเสียงธรรมของหลวงตาบัว ออกหน้ายื่นหนังสือจี้สภา แก้ไข พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ ปี 51 ชี้ ควบคุมวิทยุชุมชนแค่ระดับหมู่บ้าน ท้องถิ่น ขัดหลักความเป็นจริง หลังเครือข่ายเปิดกว้างสร้างสาธารณประโยชน์ด้านศาสนาผ่านเครือข่าย 117 สถานี เชื่อ หากแก้ไขได้ช่วยสร้างชุมชนระดับชาติ เปิดกว้างความคิดร่วมกัน
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ พระครูอรรถกิจนันทคุณ กรรมการมูลนิธิเสียงธรรม พร้อมพระสงฆ์เครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรม เข้าหารือกับ นายปานเทพ วงศ์พัวพันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงการเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.พระราชบัญญัติประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่อยู่ระหว่างการแปรญัตติของรัฐสภา เพื่อแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ปี 2543
พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าวว่า ทางเครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรม รู้สึกยินดีที่ทางคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ยอมรับที่จะจดทะเบียนการเป็นเครือข่ายวิทยุชุมชนระดับชาติของเครือข่าย ทั้งที่เป็นการจดทะเบียนของเครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรม 117 สถานี เป็นพวงทั้งประเทศ ซึ่งขัดกับระเบียบกฎหมาย เพราะเครือข่ายเสียงธรรมดำเนินกิจการสาธารณะที่เป็นประโยชน์กับประชาชนในทางศาสนาแบบเครือข่ายระดับชาติที่ดำเนินการโดยภาคประชาชน แต่การออกกฎหมายโดยกำหนดให้การบริการสาธารณะที่กระทำโดยภาคประชาชนเป็นเพียงระดับชุมชน ที่ควบคุมเพียงในชุมชนหรือหมู่บ้านนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายจึงว่าเห็นควรเสนอร่างกฎหมายที่กำลังเป็นปัญหา และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะบริการสาธารณะแบบที่เป็นวิทยุชุมชนไม่ได้มีเพียงเครือข่ายเสียงธรรม แต่ยังมีเครือข่ายอื่นๆ ที่รวมตัวกันทำประโยชน์ให้สังคมในระดับชุมชนและขยายกว้างออกไปจนกลายเป็นเครือข่ายระดับชาติ อย่างเครือข่ายสมุนไพร หรือเครือข่ายพันธมิตรฯ ก็ถือเป็นเครือข่ายระดับชาติไปแล้ว ดังนั้น หากมีการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้จะช่วยทำให้ชุมชนได้สร้างเครือข่ายระดับชาติร่วมกันเป็นการเปิดกว้างในการสร้างประโยชน์ในสังคมร่วมกัน
ศิษย์หลวงตาบัว ระบุอีกว่า ดังนั้น ทางเครือข่ายเตรียมยื่นหนังสือต่อประธานสภา เพื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ...ในมาตรา 3 ให้เพิ่มเติมเป็นคำว่า “ภาคประชาชน” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการบริการชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งสามารถประกอบกิจการได้ในระดับชาติ ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่นด้วย จะได้ไม่เป็นการจำกัดการให้บริการสาธารณะกับประชาชนเฉพาะเพียงในชุมชนหรือหมู่บ้าน แต่ขยายกว้างออกไปในทุกๆ พื้นที่ของประเทศ
ทั้งนี้ จะเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ในวรรค 2 ที่เดิมระบุว่า ใบอนุญาตประกอบกิจการ บริการชุมชน ได้แก่ ใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการที่มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับการประกอบกิจการบริการสาธารณะ แต่ต้องเป็นประโยชน์ตามความต้องการของชุมชนหรือท้องถิ่นที่รับบริการ ให้แก้ไขเป็น “ใบอนุญาตประกอบกิจการประชาชน ได้แก่ ใบอนุญาตสำหรักการประกอบกิจการที่มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับการประกอบกิจการสาธารณะ แบ่งเป็นสี่ประเภท คือ (ก) ใบอนุญาตประกอบกิจการบริการประชาชนระดับชาติ ออกให้สำหรับกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ที่มีพื้นที่ให้บริการคลอบคลุมทุกภาคของประเทศ (ข) ใบอนุญาตประกอบกิจการบริการประชาชนระดับภูมิภาค ออกให้สำหรับกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ที่มีพื้นที่ให้บริการในกลุ่มจังหวัด (ค) ใบอนุญาตประกอบกิจการบริการประชาชนระดับท้องถิ่น ออกให้สำหรับกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ที่มีพื้นที่ให้บริการในกลุ่มจังหวัด (ง) ใบอนุญาตประกอบกิจการบริการประชาชนระดับชุมชน ออกให้สำหรับกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ที่มีพื้นที่ให้บริการในชุมชน
นอกจากนี้ ยังเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 12 ,17,33,78, ที่บัญญัติคำ “ชุมชน” เป็นเปลี่ยนเป็นประชาชน และเปลี่ยนจากคำ “ชุมชนหรือท้องถิ่น” เป็น “สาธารณะ”
