xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” ย้ำจุดยืนต้านแก้ รธน. แนะ “มาร์ค” กล้าใช้อำนาจสั่งทำประชามติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คำนูณ สิทธิสมาน
“คำนูณ” ย้ำจุดยืนค้านแก้ไข รธน. ระบุยังไม่ถึงเวลาและไม่นำไปสู่การสมานฉันท์จริง ทั้งยังไม่เคารพเจตนารมณ์ ปชช.ที่สละชีวิตและเลือดเนื้อปกป้อง รธน.เมื่อปี 51 ด่านสุดท้ายจะยอมให้แก้ ต้องทำประชามติเท่านั้น เผย 7 ต.ค.นี้ พันธมิตรฯ ประกาศเจตนารมณ์ลานพระรูปฯ ต้านนักการเมืองแก้กฎกติกาเข้าสู่การเมืองเอง แนะนายกฯ หากเห็นว่าควรลงประชามติต้องกล้าตัดสินใจสั่งทำประชามติ ตาม ม.165(1) เลิกโยนให้สภาหรือวิป 3 ฝ่าย ที่ไม่มีทางเห็นพ้องกันได้

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า จนถึงนาทีนี้ไม่เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้โดยง่าย เพราะดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีเองก็ไม่ต้องการให้แก้ไขเท่าไรนักแล้ว แต่ติดที่ได้เคยลั่นวาจาไปก่อนหน้าแล้วหลังเหตุการณ์สงกรานต์เลือด จึงปล่อยให้เป็นเรื่องของวิป 3 ฝ่าย ซึ่งก็จะพบเห็นว่ามีแต่ความขัดแย้งไม่ลงตัวกัน อย่างไรก็ตาม หากมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา ตนก็จะขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด เพราะเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาและไม่เห็นว่าจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ตรงไหน อย่างไร นอกจากนั้นยังจะเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งในสังคมขึ้นมาอีกครั้ง และที่สำคัญที่สุดเป็นการไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชนที่ร่วมกันพิทักษ์ปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เสียชีวิตไปถึง 10 คน สูญเสียอวัยวะสำคัญ 7 คน บาดเจ็บสาหัสเข้าขั้นโคม่า 3 คน ซึ่งขณะนี้ก็ยังนอนไม่ได้สติอยู่อีก 2 คน หากคัดค้านไม่สำเร็จ ด่านสุดท้ายที่จะยอมได้คือจะต้องผ่านการลงประชามติก่อนในทุกประเด็นที่ขอแก้ไข

“คนไทยตายเพื่อคัดค้านเผด็จการ และเรียกร้องรัฐธรรมนูญมาแล้วอย่างน้อยก็ 2 ครั้งใหญ่ แต่เมื่อปีที่แล้วคนไทยกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ด้วยความเชื่อมั่นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่จะทำให้การเมืองสะอาดขึ้น ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับพวกเขาหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนบาดเจ็บล้มตายและยกระดับการต่อสู้โดยสันติขึ้นสู่จุดสูงสุดเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่ไม่ใช่สิ่งที่สมาชิกรัฐสภาจะทำอะไรลงไปโดยเอกเทศไม่แยแสใส่ใจ”

นายคำนูณกล่าวต่อไปว่า การทำบุญรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.2551 ในเช้าวันที่ 7 ต.ค.2552 นี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย น่าจะได้มีการแสดงเจตนารมณ์ให้สมาชิกรัฐสภารับรู้อีกครั้งว่าภารกิจการต่อสู้ของพวกเขายังไม่สิ้นสุด และการเปลี่ยนกฎกติกาในการเข้าสู่การเมืองของนักการเมืองโดยลำพัง เปรียบเสมือนผู้รับเหมาแก้สเปกการการก่อสร้างเองนั้น เป็นสิ่งที่รับไม่ได้อีกต่อไปแล้วในยุคปัจจุบัน

“แม้ผมจะไม่ใช่จิตนิยมเต็มร้อย แต่ก็ได้บอกที่ประชุมรัฐสภาไปแล้วว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับนี้ได้รับการรดน้ำพรวนดินด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และน้ำตาของประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้ว แก้ไขไม่ได้ง่ายๆ แน่นอนหากมีเจตนารมณ์ไม่บริสุทธิ์”

นายคำนูณกล่าวต่อว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีเพิ่มความกล้าหาญและกล้าตัดสินใจเหมือนกับกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งจะพบเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นใจ เข้าใจ และให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี การไม่กล้าตัดสินใจโดยโยนให้เป็นเรื่องของฝ่ายอื่นๆ ไปเรื่อยๆ อย่างเช่นในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกรณีอื่นๆ ไม่น่าจะเกิดเผลดีต่อตัวนายกรัฐมนตรีในระยะยาว นายกรัฐมนตรีต้อวงไม่ลืมว่าเมื่อมีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นนรายกรัฐมนตรีแล้วหากไม่แสดงตัวตนให้ชัดเจนที่สุดโอกาสที่ได้มานั้นจะเป็นการทำลายตัวเองในระดับใดระดับหนึ่ง ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากนายกฯ เห็นว่าควรลงประชามติ นายกฯ ก็ควรใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 (1) จัดทำประชามติได้เลย ไม่ว่าจะถามเพียงประเด็นเดียวว่าควรแก้ไขในเวลานี้หรือไม่ หรือถามทั้ง 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอ ผลการลงประชามติเป็นอย่างไร รัฐบาลก็เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามนั้น หรือไม่เสนอ ไม่ใช่โยนให้เป็นเรื่องของสภาหรือของวิป 3 ฝ่าย ซึ่งไม่มีทางที่จะเห็นพ้องต้องกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องรัฐธรรมนูญไม่มีทางจะเห็นพ้องด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น