xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “อัยการ” ไม่ทำหน้าที่ แล้วยังมีหน้ามาว่า “คตส.”!?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษก สนง.อัยการสูงสุด แถลงดิสเครดิตการทำงานของ คตส.(22 ก.ย.)ที่ฟ้องคดีทุจริตกล้ายางฯ เอง แล้วศาลฯ ยกฟ้อง
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

การยกฟ้องคดีทุจริตกล้ายางของศาลฎีกาฯ นอกจากสะท้อนว่า การจะจับทุจริตเชิงนโยบายของเหล่านักการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยังทำให้สังคมได้เห็น “ธาตุแท้ตัวตน” ของบางบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมบางองค์กรด้วย เพราะนอกจากจะใช้คำพิพากษามาเป็นเครื่องมือโจมตีบุคคลอื่น เพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกแล้ว ยังพยายามนำผลแห่งคำพิพากษาคดีกล้ายาง ไปชี้นำให้ศาลยกฟ้องคดีทุจริตโครงการหวยบนดินในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้ด้วย ทำไมบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ต้องมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้?

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

ไม่น่าเชื่อว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้องคดีทุจริตกล้ายาง ไม่เพียงทำให้นักการเมือง-ข้าราชการ-บริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องดีใจจนน้ำตาไหล ที่ได้กลายสถานะจาก “จำเลย” มาเป็น “ผู้บริสุทธิ์” แต่ยังมีคนในกระบวนการยุติธรรมบางคนบางกลุ่มรู้สึกสะใจที่ศาลยกฟ้องคดีนี้ เพื่อที่ตนจะได้นำผลแห่งการยกฟ้องมา “ยกความดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น”!

ใช่อย่างที่พูดหรือไม่? สังเกตได้จากกรณีที่นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันยง ผู้ช่วยโฆษก ได้เปิดแถลงเมื่อวันที่ 22 ก.ย.หลังศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้องผู้เกี่ยวข้องในคดีทุจริตกล้ายาง ได้เพียง 1 วัน จุดใหญ่ใจความที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลง ล้วนแล้วแต่เป็นการดิสเครดิตการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบไต่สวนและยื่นฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าวทั้งสิ้น โดยอ้างว่า การที่ คตส.ใจร้อนยื่นฟ้องคดีนี้เอง ไม่สอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามที่อัยการได้ชี้ข้อที่ไม่สมบูรณ์ของสำนวนให้ ทำให้ศาลยกฟ้องในที่สุด

ไม่เพียง นายธนพิชญ์ จะยกความดีให้อัยการ แต่ยังแสดงความเห็นใจจำเลยในคดีทุจริตกล้ายาง ด้วยการตำหนิ คตส.ว่า “คดีนี้อัยการสูงสุดยังไม่ได้มีคำสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ หากมองดูแล้วเสมือนว่า คตส.ไม่ร่วมมือกับอัยการทำงานตามกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน และให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง เมื่อศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐที่จะต้องเสียเงินว่าจ้างทนายความ จำเลยบางคนที่ไม่ควรถูกฟ้องต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติประวัติและเสียเงินจ้างทนาย เรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตระหนักเป็นพิเศษ ต้องให้ความยุติธรรมแก่คู่ความ และหากจะฟ้องใคร ต้องมีหลักฐานเพียงพอให้ศาลลงโทษได้”

โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังพูดกระแทกแดกดัน คตส.อีกว่า การสอบสวนไต่สวนจนนำไปสู่การฟ้องคดี ควรยืนอยู่บนพยานหลักฐาน มิใช่ความเชื่อมั่นส่วนตัว หรือตามกระแสกดดันของข่าวสารหรือประชาชน ...ขอให้คดีทุจริตกล้ายาง เป็นคดีตัวอย่างที่กระบวนการยุติธรรมควรหันมาให้ความสำคัญต่อหลักประกันความยุติธรรมโดยไร้อคติและร่วมมือกัน เพราะความยุติธรรมเท่านั้นที่จะลดความแตกแยกของสังคมไทยได้

นายธนพิชญ์ ยังพูดเหมือนต้องการชี้นำศาลฎีกาฯ ที่จะพิพากษาคดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ด้วยว่า คดีหวยบนดิน อัยการสูงสุดก็ได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ คตส.กลับไปสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็นเช่นเดียวกับคดีทุจริตกล้ายางเช่นกัน แต่ คตส.ก็ไม่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและจ้างทนายฟ้องเอง

ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส.พร้อมด้วยอดีตกรรมการ คตส.ส่วนหนึ่ง ได้เปิดแถลงชี้แจงตอบโต้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดในวันต่อมา (23 ก.ย.) โดยยืนยันว่า เหตุที่ คตส.ต้องยื่นฟ้องคดีทุจริตกล้ายางเอง ก็เพราะอัยการไม่ทำหน้าที่ทนายแผ่นดิน พร้อมถามกลับอัยการด้วยว่า คดีทุจริตกล้ายาง เมื่อศาลตัดสินแล้ว อัยการมีหน้าที่ต้องชี้แจงเกี่ยวกับคดีนี้ด้วยหรือ ถ้าไม่ใช่หน้าที่ แล้วออกมาพูดให้สังคมวุ่นวายทำไม พร้อมสงสัยว่า ถ้าอัยการคิดว่า ศาลยกฟ้องคดี เพราะ คตส.ไม่ได้ให้อัยการฟ้องคดีให้ แล้วที่ผ่านมา คดีต่างๆ ที่อัยการส่งฟ้องต่อศาล ศาลไม่เคยยกฟ้องเลยอย่างนั้นหรือ?

คตส.ยังแฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมบางคนที่ไปเบิกความช่วยจำเลยทั้งในคดีทุจริตกล้ายาง และคดีทุจริตหวยบนดินด้วยว่า “มีผู้รับผิดชอบระดับสูงของกระบวนการยุติธรรมไปเบิกความเป็นพยานฝ่ายจำเลย ทั้งคดีกล้ายาง และคดีหวย 2 ตัว 3 ตัว (หวยบนดิน) และตอบคำถามทนายจำเลยบางประการ เช่น ทนายจำเลยที่ 31 ถามคำถามสุดท้ายว่า “พยานมีความเห็นเกี่ยวกับที่โจทก์ (คตส.) นำคดีไปฟ้องเป็นคดีอาญาในเรื่องนี้อย่างไร” พยานตอบว่า “ถ้าจะให้ผมเรียนโดยตรง พยานมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องข้อกฎหมาย เรื่องอะไรโดยตรง มันเป็นเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวพันพอสมควร” ทั้งนี้ คตส.ตั้งคำถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระบวนการยุติธรรม ไปเบิกความช่วยเหลือจำเลยเช่นนี้ เป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่?

ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.และอดีตกรรมการ คตส.เผยกับวิทยุ ASTVผู้จัดการ ถึงกรณีที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดแถลงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คตส.ว่า ทุกข้อที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวหา คตส.นั้น ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาแล้วว่า คตส.มีอำนาจและกระทำการโดยถูกต้องแล้ว

“การแถลงของอัยการเนี่ย ของโฆษกของอัยการเนี่ย มันกระทบกับ มันเป็นทำนองวิพากษ์วิจารณ์และสั่งสอน คล้ายๆ ทำนองหยามการทำงานของ คตส.ประเด็นที่ คตส.ต้องชี้แจง ก็คือ ที่กล่าวหาว่า คตส.ไม่ยอมฟังข้อไม่สมบูรณ์ของอัยการในกรณีที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหาให้ครบถ้วนตามกฎหมายอาญาและตามความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐนั้น ในข้อนี้ ศาลฎีกาฯ ก็ได้พิพากษาแล้ว ว่าการแจ้งข้อกล่าวหาของ คตส.เป็นไปโดยชอบ ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องแจ้งทุกมาตรา แต่ให้ระบุข้อเท็จจริง พฤติการณ์ให้เข้าใจในข้อกล่าวหาได้ ต่อไปเขาบอกว่า คตส.เนี่ยเอาคำให้การในชั้นตรวจสอบมาใช้ในชั้นไต่สวนไม่ได้ ซึ่งอันนี้ศาลก็ได้พิพากษาว่าใช้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อัยการแย้งมาในประเด็นต่างๆ นั้น ก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลย ศาลก็ได้วินิจฉัยแล้วทุกประเด็นว่า สำนวน คตส.ชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นที่ว่า อัยการสูงสุดยังสั่งไม่ฟ้อง คตส.ไม่มีอำนาจฟ้องเองนั้น ก็เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยยกขึ้นมาต่อสู้ ซึ่งข้อนี้ศาลก็พิพากษาแล้วว่า คตส.มีอำนาจฟ้อง”

“ทีนี้ประเด็นที่กล่าวหาว่า คตส.ฟ้องเอง ทำให้ต้องเสียค่าทนายความ คตส.ก็พิจารณาโดยเห็นว่า เนื่องจากอัยการมีหน้าที่ฟ้องคดีแทนแผ่นดิน แต่ไม่ทำหน้าที่ กฎหมายจึงกำหนดให้ คตส.ต้องจัดหาทนายความมาฟ้องเอาเอง ซึ่ง คตส.ก็ได้ขอให้สภาทนายความส่งทนายความมาฟ้องคดีให้ ขณะนี้ก็ยังไม่มีการจ่ายค่าทนายความแต่อย่างใด ส่วนที่อัยการระบุว่า อัยการเองจะฟ้องใคร ต้องมีหลักฐานเพียงพอที่จะให้ศาลลงโทษได้เนี่ย คตส.เองก็ถามกลับไปนะว่า ทุกคดีที่อัยการฟ้องเนี่ย ศาลลงโทษหมดโดยไม่มีการยกฟ้องเลยใช่หรือไม่ อันนี้เราก็ถามกลับไป”


ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการและเลขานุการ คตส.เผยว่า นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า หลังศาลพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด จะเปิดแถลงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คตส.และไม่อยากคาดเดาว่า การเปิดแถลงของอัยการเป็นผลมาจากความบาดหมางระหว่างอัยการ กับ คตส.ระหว่างพิจารณาคดีต่างๆ ด้วยกันหรือไม่ แต่เชื่อว่า คำแถลงของอัยการจะไม่ส่งผลต่อคดีอื่นๆ ที่ คตส.ไต่สวน จนเรื่องเข้าสู่ชั้นศาล โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 7.6 หมื่นล้าน ที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบดูแล

“เขา (โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด) ไม่น่าจะออกมาพูดอย่างนั้น นึกไม่ถึงเหมือนกัน (ถาม-แสดงว่าความบาดหมางจากการทำคดีมันมีหรือเปล่า ถึงได้ออกมาแถลงดิสเครดิต คตส.?) ก็คงบาดหมางกันอยู่เยอะน่ะ แต่ผมก็พยายามปลีกตัวออกมา เฉพาะความบาดหมางมันเป็นเหตุให้ทำอย่างนี้หรือเปล่า หรือมันมีเหตุอื่นเข้ามา ผมก็ไม่คาดเดาน่ะ ผมก็ไม่รู้ใครกำลังทำอะไร หรือมันเป็นแค่ความไม่พอใจ ก็ไม่รู้ (ถาม-อาจารย์รู้สึกว่า คำตัดสินของศาล บั่นทอนความน่าเชื่อถือของ คตส.มั้ย?) คิดว่านะ ผมไม่ว่าท่านนะ คดีมันไปถึงศาลเนี่ย ข้อกฎหมายมันก็เปลี่ยนได้ พยานก็กลับคำได้ มีอะไรมากมายที่มันเปลี่ยนได้ ผมไม่ได้แปลกประหลาดใจ และผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทีนี้อัยการมาแหย่ เราก็อธิบายไปแค่นั้นก็พอแล้ว (ถาม-อ.ดูคดีอะไรเป็นหลักใน คตส.?) ผมดูคดีอายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ อันนี้ผมยอมแพ้ไม่ได้หรอก ลุยกันเต็มที่ (ถาม-อย่างนี้มั่นใจแค่ไหน?) ก็ยังมั่นใจเหมือนเดิม เต็มที่ (ถาม-แต่คดียึดทรัพย์นี่ อัยการฟ้องให้?) จะฟ้องล้มหรือฟ้องเอาจริงเราก็ไม่รู้ (ถาม-จากการเบิกความของคุณหญิงพจมาน และพิณทองทา อ.คิดว่าฟังได้มั้ย?) ก็สู้กัน ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ไม่ได้มีอะไรที่มันอัศจรรย์ขึ้นมาใหม่ๆ เลย (ถาม-แสดงว่าตอนเขาชี้แจง คตส.ก็ชี้แจงแบบนี้?) ก็แบบนี้ นี่สารภาพเพิ่มเข้าไปอีกตั้งเยอะแยะ ไม่เป็นไรหรอก สนุกอยู่แล้วล่ะ”

ด้านนายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ ในฐานะผู้รับผิดชอบฟ้องคดีให้ คตส.ในคดีทุจริตโครงการหวยบนดิน เผยถึงการช่วย คตส.ยื่นฟ้องคดีหวยบนดินต่อศาลฎีกาฯ ว่า เมื่อ คตส.และอัยการมีความเห็นไม่ตรงกันว่า ควรฟ้องคดีหวยบนดินต่อศาล หรือไม่ หน้าที่ของสภาทนายฯ ก็คือ ถ้าเห็นว่าคดีมีมีเหตุมีผล มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพียงพอ ก็ส่งคดีขึ้นสู่ศาล เพื่อให้ศาลวินิจฉัย เพราะสภาทนายฯ ไม่มีหน้าที่ชี้ว่าใครถูกใครผิด นายสิทธิโชค ยังบอกด้วยว่า ถ้าตนเป็นอัยการ จะไม่เปิดแถลงโจมตี คตส.เกี่ยวกับคดีทุจริตกล้ายาง ดังเช่นที่อัยการได้ทำไป เพราะต้องให้เกียรติผู้ที่ทำหน้าที่แต่ละวิชาชีพ รวมทั้งต้องเคารพคำตัดสินของศาล

“จริงๆ เรื่องอย่างนี้ ถ้าผมเป็นอัยการ ผมไม่ทำ เพราะผมต้องให้เกียรติกระบวนการยุติธรรม ผมให้เกียรติผู้ที่ทำหน้าที่ในวิชาชีพของเขา เราไม่สามารถที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร เพราะการตัดสินของศาลนั้น ต้องถือว่าเราทุกคนต้องเคารพ (ถาม-คุณสิทธิโชค ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยว่า ก่อนที่ คตส.จะพึ่งสภาทนายความให้ช่วยส่งทนายมาฟ้องคดีหวยบนดินให้ คุณสิทธิโชคได้เห็นว่ามีประเด็นอะไรที่ คตส.กับอัยการเห็นแย้งกันบ้าง?) เราก็เห็นความไม่สอดคล้องของความเห็น เมื่อความไม่สอดคล้องของความเห็นมันเกิดขึ้นมา ก็เป็นสิทธิที่เขาจะไม่ทำคดีให้กับ คตส. ก็เป็นสิทธิของอัยการไป เราไม่ได้ไปติฉินอะไร ปัญหาคือแล้ว คตส.จะทำอย่างไร คตส.ก็มาดูกฎหมายว่า คตส.สามารถฟ้องเองได้หรือไม่ คตส.ก็ถามผม ผมบอกได้ ดูกฎหมายแล้ว เขาฟ้องเองได้ เขาก็เลยตั้งทนายเข้าไปฟ้อง อัยการก็แถลงไม่เห็นด้วยกับการที่ คตส.ตั้งทนายไปฟ้อง แต่ปัญหานั้นก็ผ่านไปแล้ว เพราะศาลท่านรับฟ้องไปแล้ว”

“ที่สภาทนายฯ ต้องส่งพวกเราเข้าไปทำงานอันนี้ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมันขับเคลื่อนไปได้ เพราะฝ่ายหนึ่งเขาเห็นว่ามันน่าจะฟ้อง ฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ฟ้อง เราก็ไม่ควรจะไปตัดสิน ควรจะเอาคดีไปให้ศาลว่ามันควรเป็นอย่างไร เราในฐานะสภาทนายฯ ก็เคารพในความเห็นแย้งของทั้ง 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล แต่เราจะไปชี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกเนี่ย เราไม่มีหน้าที่ชี้ ผมก็เสนอไปว่า ถ้าเกิดปัญหาอย่างนี้ ก็ส่งคดีไปศาล และให้ศาลวินิจฉัย แต่การส่งนั้นหมายความว่าก็ต้องตั้งทนายความตามกฎหมายเข้าไปฟ้องแทนอัยการท่าน เราก็เป็นผู้ที่ดำเนินกระบวนพิจารณาทางศาลเพื่อให้กระบวนยุติธรรมมันขับเคลื่อนได้ เราไม่มีอคติกับใคร (ถาม-แสดงว่า คตส.ก็ไม่ได้ปรึกษาเราว่า ทนายช่วยดูว่ามันมีหลักฐานพอที่เราจะฟ้องมั้ย?) เวลาที่เราจะรับฟ้องคดีอะไร เราก็ต้องศึกษาสิว่า มันมีเหตุมีผล มีข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมาย เพียงพอ แต่เราไม่ไปตัดสินเองว่ามันผิดหรือไม่ผิด เราจะให้ผู้ตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิดนั้นเป็นศาล เพราะฉะนั้นคดีที่มีปัญหาว่าควรฟ้องไม่ควรฟ้องต้องศาล เพื่อให้ศาลตัดสิน เราไปตัดสินเอง บางทีเราอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่เราไปชี้ความผิดถูกของบ้านเมือง”


เมื่อถามว่า ในฐานะทนายที่ช่วย คตส.ฟ้องคดีทุจริตโครงการหวยบนดิน เห็นด้วยกับประเด็นที่อัยการชี้ข้อบกพร่องของสำนวนคดีทุจริตหวยบนดินหรือไม่ นายสิทธิโชค บอกว่า ตอนที่เข้าไปช่วย ได้ผ่านจุดนั้นไปแล้ว เพราะเข้าไปตอนที่ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ควรฟ้องต่อศาล แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ควรฟ้อง ซึ่งทนายในฐานะคนกลาง เมื่อมีการเถียงกันว่า คดีควรฟ้องหรือไม่ ต้องยุติด้วยการฟ้อง เพื่อให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย เพราะถ้าฟ้องไป แล้วศาลยกฟ้อง ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ฟ้อง แล้วเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง ใครจะรับผิดชอบ!!
 นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.(เสื้อขาวคนกลาง) พร้อมด้วยกรรมการ คตส.ส่วนหนึ่ง เปิดแถลงข่าวชี้แจงตอบโต้โฆษก สนง.อัยการสูงสุด(23 ก.ย.)
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ได้เลื่อนชั้นจากอธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ โดยที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 23 ก.ย.
 องค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางฯ (21 ก.ย.)
นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ 1 ในจำเลยคดีทุจริตกล้ายางฯ ดีใจที่ศาลฯ  ยกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น