xs
xsm
sm
md
lg

“วีระ” เผยเหตุปะทะเกิดจากการจัดตั้งมวลชน หวังทำลายภาพลักษณ์พันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วีระ” แฉ! มีหัวโจกขบวนการจัดตั้งชาวบ้านปะทะ หวังทำลายภาพลักษณ์พันธมิตรฯ ยันรับได้ทหารประกาศกฎอัยการศึก แต่อย่าลืมไล่เขมรตาม ม.8 ด้วย หากละเว้น โทษถึงประหารชีวิต ขณะที่ “พล.อ.ปรีชา” ลั่นเป็นกองโจรจัดตั้ง รบ.อย่าอ่อนหัด หากปล่อยไว้จะเป็นภัยต่อบ้านเมือง เย้ยสิบปีก็เจรจาปัญหาเขาวิหารไม่เสร็จ ซัดคนกล่าวหาคลั่งชาติ เคยทำอะไรเพื่อบ้านเมืองบาง ด้าน“ปานเทพ” เชื่อ ตร.-ทหาร-ปชช.รู้กัน พร้อมปลุกชาวภูมิซรอล ตื่นรับความจริงก่อนหมดโอกาส ชี้เขมรหวังปิดตายทางขึ้นฝั่งไทย



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว”  

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 22 กันยายน 2552 โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจากนายวีระ สมความคิด ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามกรณีเขาวิหาร และพล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก รวมถึงนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยถึง ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังขบวนคนไทยรักชาติ บุกทวงคืนเขาวิหาร

นายวีระกล่าวถึงจุดยืนของขบวนรักชาติ ที่เคลื่อนขบวนไปทวงคืนเขาวิหาร ทุกสิ่งที่ทำไปเพียงต้องการอ่านแถลงการณ์ที่ผามออีแดง เพื่อให้คนไทยและทั่วโลกรับรู้ ว่า บัดนี้คนไทยจำนวนมากรับรู้ข้อมูลแล้วว่า มีชาวกัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ของไทย ขนาดทหารยศพันเอกที่รักษาดินแดนอยู่ที่นั่น ก็พูดยืนยันชัดเจนว่า ที่ใครๆชอบพูดว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนนั้น จริงๆแล้วพื้นที่ตรงนั้นเป็นดินแดนไทย จนถึงป่านนี้ตนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม กระทรวงต่างประเทศ ถึงไปยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน

นายวีระกล่าวต่อว่า สำหรับพวกที่บอกว่าพวกตนเป็นพวกคลั่งชาติ ซึ่งหากคลั่งชาติจริง เราต้องตีกับตำรวจ จะไปปะทะกับชาวบ้านที่เหมือนเราทำไม อีกอย่างการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ก็ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญมาตรา 71 อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนขบวนครั้งนี้แทนที่ทหารจะเปิดทาง กลับประกาศใช้กฎอัยการศึก เอาล่ะเมื่อจะประกาศกฎอัยการศึก พวกเราก็เคารพและพร้อมนำไปปฏิบัติ แต่เมื่อประกาศแล้ว ทางทหารเองก็ต้องทำตามมาตรา 8 โดยการขับไล่ศัตรูออกไปด้วย มิฉะนั้นถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีโทษถึงประหารชีวิต และจะอ้างไม่ได้อีกต่อไปว่าต้องฟังนโยบายรัฐบาลก่อน

นายวีระกล่าวว่า ที่สื่อใช้คำว่า “ชาวบ้านภูมิซรอล” นั้น ตนมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นมวลชนจัดตั้ง เหตุมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ แล้วบังคับให้หัวหน้าอุทยานไล่พวกตนออก แต่หัวหน้าอุทยานบอกว่า จะไปไล่ได้อย่างไรเขาเป็นนักท่องเที่ยว เข้าพักถูกต้องตามระเบียบอุทยาน จากนั้นผู้ว่าฯ ได้สั่งปลดหัวหน้าอุทยาน แล้วตั้งรักษาการแทนในทันที รักษาการได้ออกหนังสือถึงตน ให้นำคนออกจากพื้นที่ก่อนสี่โมงเย็น นอกจากนี้ยังมีข่าวอีกว่า หลังจากที่ไล่หัวหน้าอุทยานออกจากที่ประชุม โดยอ้างว่าชอบเอาข่าวมาบอกตน จากนั้นประชุมกันต่อ สั่งให้นายอำเภอเกณฑ์ชาวบ้านหมู่บ้านละ 20 คน โดยเน้นผู้หญิงเป็นหลัก วันรุ่งขึ้นมีผู้ใหญ่บ้านสองคน ที่ตนเคยช่วยหลังมาร้องเรียนเรื่องทุจริตของ อบต. โทรศัพท์มาบอกว่า นายอำเภอเรียกประชุมและเกณฑ์ลูกบ้าน เพื่อมาขับไล่ขบวนทวงคืนเขาวิหาร

“ตอนเช้าวันที่ 19 มีผู้ว่าฯ และตำรวจ ยืนยันว่าจะอำนวยความสะดวกให้ ทำให้เราไว้วางใจ เพราะพ่อเมืองออกมาพูดเอง จึงไม่ได้จัดตั้งแนวทางการป้องกันไว้ อย่างไรก็ตามแม้ตอนขึ้นจะเกิดการปะทะ แต่ขากลับไม่มีเหตุวุ่นว่าย เพราะมีทหารเข้ามาดูแล เนื่องจากมีข้อตกลงกันว่า หากจะให้ขบวนรักชาติลงจากพื้นที่ ทหารต้องเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัย ด้านแม่ทับ ก็ตกลงพร้อมสั่งทหารจับอาวุธเต็มอัตราศึก ยืนหางกันแค่ 5 เมตร เต็มถนน ตรงนี้พิศูจน์ให้เห็นว่า หากเขาจะดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับขบวนรักชาติ เขาสามารถดูแลได้ แต่เขาไม่ทำ” นายวีระกล่าว

นายวีระกล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า สื่อมวลชนที่ขึ้นไปทำข่าวถูกจัดตั้งมา ดูได้จากการพยายามยัดเยียดคำถาม เช่น ผูกขาดการคลั่งชาติบ้าง ทำอย่างนี้จะนำไปสู่สงครามบ้าง ตนก็ตอบกลับไปว่า แล้วกัมพูชาเขาเข้ามายึดพื้นที่แผ่นดินไทย มองเขาเป็นเพียงนักท่องเที่ยวหรือ นอกจากนี้ยังมีทหาร และสื่อบางคนบอกว่า สงครามมันดีตรงไหน ทำให้เศรษฐกิจ สังคมเสียหาย ซึ่งตนก็ได้ให้เหตุผลว่า จริงอยู่เศรษฐกิจมันอาจเสียหาย แต่มันจะสะดุดเพียงชั่วครู่ หลังจากที่ผลักดันชาวกัมพูชาออกไปเสร็จ จากนั้นจะกลับมาสูสภาพเดิม ดีกว่าปล่อยให้เขมรเข้ามาบุกรุกอธิปไตยอยู่อย่างนี้ อีกหน่อยก็คงครอบครองโดยปริยาย

นายวีระกล่าวว่า มีชาวบ้านที่ถูกให้ไปร่วมต่อต้านขบวนทวงคืนเขาวิหาร ติดต่อมาถึงตนว่า คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้ง มีผลประโยชน์ในพื้นที่ช่องสงำ มีข้าราชการที่ติดการพนัน และมีคนในรัฐบาลชื่อ “หน่อย” เข้ามาเกี่ยวข้อง นายปานเทพกล่าวเสริมว่า คนชื่อ “หน่อย” น่าจะเป็นคนที่เคยแฝงตัวเข้ามาเป็นการ์ดของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นคนของประชาธิปัตย์

พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ที่ตนไปร่วมเคลื่อนขบวนทวงคืนอธิปไตยรอบเขาวิหาร ไม่ได้ประสานใครก่อน แต่ไปด้วยใจ ไปกับพี่น้องผู้รักชาติ ด้วยนิสัยส่วนตัวเห็นประชาชนผู้รักชาติอยู่ที่ไหน ตนก็อยากเข้าไปร่วม เพราะความเป็นห่วง ซึ่งตลอดเวลาที่รับราชการเบื้องหลังตนยึดติดกับประชาชน และทุกครั้งที่ตนอยู่ตามแนวชายแดน ก็จะเปิดให้ประชาชนผู้รักชาติ เข้าเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับทหาร เพราะพลังรักชาติเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มีค่ามากกว่าอาวุธ

“เคียดแค้นอยู่เหมือนกันกับท่าทีรัฐบาลที่นิ่งเฉยไม่ผลักดันให้ชาวกัมพูชาออกไป แถมยังปล่อยให้กองโจรเขมรโจมตีขบวนผู้รักชาติขณะทวงคืนเขาวิหาร แล้วรัฐบาลมัวแต่แสดงความรักชาติ ด้วยการร้องเพลงอยู่ในทำเนียบฯ ตอนนี้ประเทศชาติมันเกิดอะไรขึ้น” พล.อ.ปรีชา กล่าว

พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ต่อไปหากมีการสู้รบกับประเทศกัมพูชา เส้นทางกันทรลักษ์ถึงภูมิซรอล กองทัพภาค2 จะถูกกองโจรที่เขมรมาจัดตั้งไว้โจมตีอย่างแน่นอน หากไม่รีบไปเครียร์ให้เรียบร้อยเสียแต่ตอนนี้ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและกระทรวงกลาโหม อย่าอ่อนหัด ไม่รู้ว่ามีผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ถึงไม่กระตือลือล้น การปะทะที่ผ่านมามีสิ่งบอกเหตุ และพฤติกรรมได้อย่างดี ประเทศกำลังตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้สำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้มีกองโจรจัดตั้งในประเทศไทย

พล.อ.ปรีชา กล่าวอีกว่า ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน แม้กระทั่งปราสาทก็เป็นของเรา แต่มาถูกพิพากษาที่ผิดอคติ จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้ตนจะต้องทวงกลับคืนมา โดยขั้นแรกจะต้องไล่ชาวกัมพูชาออกไปก่อน อย่าไปเจรจา เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ จะเจรจายังไงก็ไม่สำเร็จ เพราะที่ผ่านมาใช้เวลานานเท่าไรแล้ว ส่วนใครที่กล่าวหาว่าเป็นพวกคลั่งชาติ คนที่พูดเป็นคนสถุลมาก ตลอดชีวิตตนทำงานรับใช้ประเทศชาติ แล้วคนที่พูดว่าคลั่งชาติได้ทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง

“ฮุนเซนเป็นคนฉลาดและรักชาติ รุกคืบตลอดเวลา ทำทุกอย่างเพื่อชาติ แต่น่าเศร้าใจแทนประเทศไทย ที่คนไทยคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ซื้อเวลาเพื่อให้ตัวเองเสวยสุข ไม่แคร์ความทุกข์ของคนในชาติ คนชั่วในแผ่นดินทั้งหลาย คุณแพ้แน่หากเจอกับตน” พล.อ.ปรีชา กล่าว

นายปานเทพกล่าวถึงความผิดปกติหลังเกิดการปะทะกันระหว่างขบวนรักชาติทวงคืนเขาวิหารกับชาวบ้านภูมิซรอลว่า ปกติในพื้นที่ชายแดน ที่มีกับระเบิด คนหนุ่มสาวมักจะออกมาทำงานนอกเมือง แต่การปะทะจะเห็นวัยรุ่นเต็มไปหมด และที่น่าสนใจ วันที่ 17 ก.ย. มีการพูดดักไว้ล่วงหน้าว่าไม่รู้จะคุมได้หรือไม่ที่ภูมิซรอล โดยนายสมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ให้สัมภาษณ์ อุทยานเขาวิหารปิดให้บริการชั่วคราว..ไม่สามารถอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ดังนั้นจึงอนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นมาสูงสุดได้เพียงด่านหน้าวัดภูมิซรอล และจะใช้กำลังตำรวจเข้าผลักดันสกัดกั้น จึงไม่แปลกที่จะมีขบวนจัดต้งมาต่อต้าน ซึ่งดูเหมือนมีการประสานกันมาแล้ว ระหว่างตำรวจ ประชาชน และผู้ว่าฯ จึงทำให้เห็นภาพของวัยรุ่นขว้างก้อนหิน ยิงหนังสติ๊ก อย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าตำรวจ

วีระกล่าวเสริมว่า สื่อต่างๆ พยายามยัดเยียดว่า พวกตนทำร้ายชาวบ้าน ที่จริงแล้วเราถูกซุ่มโจมตีต่างหาก เพราะพวกเราไปตามถนนหลวงซึ่งเป็นทางสาธารณะ ถ้าหากพวกนั้นไม่มาโจมตีเรา ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องได้ ส่วนภาพปะทะเกิดจากการตอบโต้ เหตุไม่อยากปล่อยให้เป็นเป้านิ่งอย่างเดียว อย่างไรหากตนเป็นคนคลั่งจริงๆ วันนั้นจะเกิดการสูญเสียมากกว่านี้ เพราะคนเรามีมากกว่ากลุ่มชาวบ้านจัดตั้ง

นายปานเทพ กล่าวว่า สื่อตีความผิดว่าเราทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน โดยได้ยกตัวอย่างกรณีที่ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้สัมภาษณ์ “เมื่อมีเหตุการณ์สูรบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ทำให้ชาวบ้านทำมาหากินไม่สะดวก..ขณะนี้กำลังมีการเรียกร้องให้เปิดเขาวิหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพื่อประโยชน์ทางการค้าและท่องเที่ยว” ตรงนี้เป็นข้อมูลจูงใจให้ชาวบ้านเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง แล้วเรื่องนี้ก็บังเอิญไปสอดคล้องกับ ที่นายกษิต พูดว่า “รัฐบาลพูดเรื่องจริง..เราอยากให้กลับไปสู่วันที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมมรดกโลก..เป็นสิ่งที่รัฐบาลทั้งสองประเทศรออยู่”

ทั้งนี้ หากปล่อยให้เกิดการเข้าใจผิดอยู่อย่างนี้ จะทำให้ชาวบ้านอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขึ้นปราสาทเขาวิหารได้ตลอดการ ตอนนี้กัมพูชายึดพื้นที่บ้านโกมุย และมีการสร้างถนนมาถึงวัดแก้วสิขคีรีศวร ต่อไปหากจะขึ้นเที่ยวชมปราสาท ก็ต้องเข้าทางฝั่งกัมพูชา และจากสถานการณ์ที่มีทหารตรึงกำลังในพื้นที่ตลอดเวลา จะทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้แต่ชาวบ้านภูมิซรอล ที่หวังขายของให้กับนักท่องเที่ยว ก็จะไม่มีโอกาสหวังอีกเลย

“น่าจะมีกระบวนการจัดตั้งให้มีการปะทะกัน เพื่อดึงภาพพจน์ของพันธมิตรฯ ว่าเป็นพวกชอบความรุนแรง และแกนนำกับพันธมิตรฯแตกแยกกัน ทั้งหมดนี้เพื่อ จงใจทำลายบั่นทอนกำลังของพันธมิตรฯ” นายปานเทพ กล่าว

นายวีระเสริมว่า ขณะนี้กัมพูชาได้สร้างกระเช้าที่ช่องบันไดหัก เขาไม่แคร์ว่าไทยจะเปิดทางหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบหากนักท่องเที่ยวจะเข้าชมเขาวิหาร ต้องเข้าทางเดียวคือช่องตาเฒ่า และขณะนี้บริเวณช่องตาเฒ่าชาวกัมพูชาก็มีการเตรียมสร้างหมู่บ้านเปิดเป็นพื้นที่ไว้บริการนักท่องเที่ยว ดังนั้นหากรัฐบาลไทยมัวแต่เจรจา อย่างนี้เป็นการตั้งใจโง่หรือว่าโง่จริง ๆ

นายปานเทพกล่าวต่อว่า คำสัมภาษณ์หลายคนมีความสอดคล้องกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งทวิตเตอร์ “รูไหมเขาวิหารเป็นของเขมร เพราะเราแพ้ที่ศาลโลก” ขณะที่นายสุเทพ “เขาวิหารเป็นของเขมรมาตั้งนานแล้ว อย่าไปคิดว่าเขาวิหารต้องมีอะไรโต้แย้งกับฝ่ายกัมพูชา เพราะศาลโลกตัดสินว่าเขาวิหารเป็นของกัมพูชา” ด้านนายกษิต บอกว่า “อยากให้เป็นมรดกโลก ที่ทั้งสองประเทศรออยู่” เป็นข้อมูลที่บิดเบือน พยายามให้ประชาชนเข้าใจว่า หากมีการเคลื่อนไหวทวงคืนเขาวิหาร จะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
นายวีระ สมความคิด
พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น