xs
xsm
sm
md
lg

“วีระ” แฉ ! ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งปิดปั๊ม- โรงแรม ต้าน ปชช.ทวงอธิปไตยรอบเขาวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วีระ” ระบุไทยอ่อนข้อเขมร เพราะผู้นำเอี่ยวผลประโยชน์ เย้ยทหารไทยไร้น้ำยา ปล่อยเขมรขู่ยิงเครื่องบินสำรวจเขตุเขาวิหาร ทั้งที่อยู่ในแดนไทย ท้านายกฯ ถกข้อเท็จจริงเขาวิหารผ่านช่อง 11 เผยผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งปิดปั๊มน้ำมัน โรงแรม ต้านปชช.ทวงอธิปไตย ขณะที่ “ปานเทพ” ซัด “กษิต” ไม่ควรว่าใครเป็นคนคลั่งชาติ และอย่าหนีความจริงไทยยังไม่เสียดินแดนจริงหรือ เผยท่าทีเขมรไม่เคยยึดสันติวิธี วางแผนฮุบพื้นที่โดยรอบเขาวิหาร


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว”

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 15 กันยายน 2552 โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยถึงจุดยืนพันธมิตรฯ ต่อกรณีทวงคืนอธิปไตยรอบเขาวิหาร

นายวีระ กล่าวว่าจากการประกาศให้ประชาชนผู้มีอุดมการณ์รักชาติ ร่วมชุมนุมประท้วงให้กัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตุแดนไทยออกไป โดยนัดรวมตัวกันในวันที่ 19 ก.ย. 2552 ขณะนี้มีข่าวออกมาว่า นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ มีคำสั่งปิดปั๊มน้ำมันและโรงแรม ทุกแห่งใน อ.กันทรลักษ์ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า จะปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งมาทำร้ายผู้ชุมนุมด้วย แท้จริงพวกนี้ต่างหากที่เป็นตัวการซ้ำเติมปัญหาความวุ่นวาย ซึ่งแทนที่จะหามาตรการที่ชัดแจนผลักดันให้กัมพูชาออกไป แต่กลับกระทำการอันมีลักษณะเป็นการปิดกั้นสิทธิประชาชน ไม่ต่างอะไรจากการ เอาน้ำมันไปราดไฟ

ทั้งนี้หากทุกฝ่ายไม่อยากให้ประชาชนไปร่วมชุมนุมกดดัน ให้ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บริเวณปราสาทเขาวิหารที่รุกล้ำเข้ามาในเขตุแดนประเทศไทย ในวันที่ 19 ก.ย. ทำไมไม่ช่วยกันบอกรัฐบาล หรือกองทัพให้ทำหน้าที่ก่อน วันที่ 19 ก.ย. ทั้งที่เรานำความจริงมาบอกกล่าวหลายครั้งแล้ว แต่รัฐบาลและกองทัพ ไม่ได้ทำหน้าที่ได้แต่โยนกันไปมา แล้วที่ทหารอ้างต้องทำตามนโยบายขอบรัฐบาล ตรงนี้ทหารมีอำนาจเต็มที่ ไม่จำต้องฟังรัฐบาลก่อน เมื่อเขาบุกรุกเข้ามาต้องขับไล่ออกไปก่อน ต่อจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ก.ต่างประเทศเข้าเจรจา

“ไทยเสียอธิปไตยบริเวณเขาวิหารมานาน เพราะรัฐบาลและกองทัพไม่ทำหน้าที่ พอพวกเราออกมาทำหน้าที่ ก็หาว่าเป็นพวกเราคลั่งชาติบ้าง อยากให้เกิดสงครามบ้าง แล้วทำไมไม่ย้อนถามไปบ้าง ว่า เวลามีคนรุกรานถืออาวุธเข้ามา ขนคนเข้ามาอยู่ ตรงนี้ทำได้หรือ ด้วยเหตุนี้เราจึงพยายามบอกให้รัฐบาล ทหาร ทำหน้าที่ เมื่อไม่ทำเราจำเป็นต้องออกมาใช้สิทธิป้องกันประเทศตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราทวงสิทธิ ให้ออกไปได้แล้ว” นายวีระ กล่าว

นายวีระ ยืนยันว่าแนวคิดขับไล่เขมรออกนอกพื้นที่นั้นไม่ได้มีความขัดแย้งกันระหว่างแกนนำพันธมิตรฯ เหมือนกับที่หลายคนพยายามเสี้ยม ทั้งนี้ในที่ประชุมกองทัพบก เขาจะพยายามทำทุกวิธีทางให้เกิดความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พันธมิตรฯ และล่าสุดที่ประชุมทหารกองทัพภาค 2 ว่า ไอ้พวกนี้หากมันอยากไปเหยียบกับระเบิด อยากไปให้ชาวกัมพูชายิงตาย ก็ช่างมัน โดยไม่สำนึกว่าทำไม่ประชาชนต้องไปทำหน้าที่แทนเขา ซึ่งจากความเป็นจริง คงไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสียง แต่เหตุที่ตนทำเรื่องนี้ มาตั้งแต่ 15 มิ.ย. 2551 จะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเด็ดขาด ตราบใดที่ยังไม่ได้พื้นที่กลับคืนมา

“ตั้งแต่พ.ศ. 2551 ทหารกลุ่มหนึ่งได้ชักศึกเข้าบ้าน ด้วยการสร้างห้องแถวให้ชาวกัมพูชาซื้ออยู่อาศัย จนเป็นเหตุให้ชาวกัมพูชารุกคืบขยายอาณาเขตุออกไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกวันนี้กองทัพ ก็ไม่เคยยอมรับ แถมยังปิดบังความจริงอีก แต่พอเราเอาข้อมูลต่างๆ มาเปิดเผย ก็เพิ่งจะปรากฏตัวออกมายอมรับว่าไทยเสียอธิปไตย ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่า หากรอให้รัฐบาล เปิดเผย ถามว่าอีกกี่ชาติ ถึงจะเอาข้อมูลความจริงมาบอกประชาชน” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวถึงคำพูดที่นายกฯ พูดว่า “รู้อะไรขอให้มาบอก” ตนอยากจะบอกชนิดแฉระเอียดยิบถึงขั้นมีทหารยศใดเข้าไปมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ถ้านายกฯว่างเมื่อใดก็ประสานมาเลย แต่จะไม่บอกสองต่อสอง ต้องบอกฝ่านทีวีสาธารณะช่อง 11 เท่านั้น อย่างไรก็ตามก่อนวันที่ 19 ก.ย.นี้ หากนายกฯ ให้คำมั่นจะให้กัมพูชาออกไปภายใน 7 วัน พวกตนก็จะไม่ไปชุมนุม อย่างไรก็ตามหากไม่มีการตอบรับจากนายกฯ พวกเราจะเคลื่อนขบวนไปชุมนุม และไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด


“กองทัพภาค 2 กำลังทำผิดกฎหมาย เพราะไม่เคยประกาศกฎอัยการศึก ถือเป็นการละเลยหน้าที่ มีส่วนทำให้ไทยต้องเสียอธิปไตย ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต เพราะหากประกาศ จะทำให้องค์กรยูเนสโก ยุติการจดทะเบียนให้กัมพูชาทันที เพราะถือเป็นพื้นที่อันตราย เข้าลักษณะต้องห้ามการขอจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ดันนั้นหากยังปิดกั้นสิทธิประชาชนอีก ตนจะไม่ไว้หน้า โดยจะยื่นฟ้องร้องต่อศาลให้ถึงที่สุด” นายวีระ กล่าว

เท่าที่ตนทราบมา ที่ผู้นำของไทยต้องยอมปฏิบัติตาม คำขอของกัมพูชา เพราะว่า ก่อน 1 ก.พ. 2553 กัมพูชาต้องทำทุกวิถีทางที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทเขาวิหารเป็นมรกดโลกให้สำเร็จ ถ้าเลยจากนี้จะถูกถอนสิทธิจะทะเบียน ดังนั้นรัฐบาลไทยจึงต้องเป็นเด็กดีของกัมพูชา พยายามไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะหากเกิดการปะทะเมื่อได จะสิทธิในการจะทะเบียนเขาวิหารถูกถอนออกไปโดยปริยาย ซึ่งหากทำให้ สมเด็จฮุนเซน โกรธเขาจะยกเลิกสัมปทานที่แอบทำให้กับผู้นำประเทศ ด้วยเหตุนี้ไทยถึงต้องยอมถนอมน้ำใจกัมพูชา รอให้ถึงวันที่ 1 ก.พ.

นายปานเทพ กล่าวว่า ดีใจที่ นายกษิต ลงพื้นคงได้เห็นสภาพทหารและชุมชน ว่าอยู่กันอย่างไร เมื่อไปสำรวจพื้นที่มาแล้ว นายกษิต มาบอกว่า ไม่มีปัญหาอะไร ไทยยังไม่เสียอธิปไตย ดังนั้นใครอย่าไปยุแหย่ จากคำพูดนี้ทำให้ตน อดแปลกใจไม่ได้ว่า นายกษิต ไม่แปลกใจบ้างหรือ ว่า ไม่มีชุมชนคนไทยหลงเหลืออยู่เลย และไม่เอะใจบ้างหรือว่าไทยถูกรุกล้ำอธิปไตย หลังที่ไปเห็น ทหาร วัด และชุมชนของกัมพูชา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ นายกษิต พูดว่า “การรักชาตินั้นมันก็รักกันทุกคนแหละ แต่คุณไม่มีสิทธิ์จะไปคลั่งชาติ แล้วประณามคนอื่นว่าไม่รักชาติ” เมื่อย้อนกลับไปดูจุดยืนของพันธมิตรฯ ที่ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 18/2551 ที่ประกาศให้ 1.พันธมิตรฯประณามกัมพูชา 2.เรียกร้องให้รัฐบาลทำหนังสือประท้วงและประณามกัมพูชา 3.ให้ทหารไทยผลักดันให้ทหารกัมพูชาออกไปจากดินแดนไทย ดังนั้นจึงไม่ใช่จุดยืนใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา และจุดยืนนี้นายกษิต ไม่เคยคัดค้านแถมได้เข้าร่วมขบวนการด้วยอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ นายกษิต จึงไม่สมควรที่จะไปว่า คนที่เคยมีจุดร่วมเดียวกัน ว่าเป็นคนคลั่งชาติ แล้วมองว่าตนเองเป็นคนรักชาติ

นายปานเทพ ยกตัวอย่างให้เห็นถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเขาวิหาร ที่รัฐบาลบอกว่าจะแก้ไขด้วยแนวทางสันติวิธี แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เช่น ในวันที่ 3 ต.ค. 2551 ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ เพราะมีการปะทะกับทหารกัมพูชา 6 ต.ค. 2551 ทหารไทยบาดเจ็บอีก เพราะเหยียบกับระเบิดบริเวณภูมะเขือซึ่งเป็นดินแดนไทย 15 ต.ค. ทหารกัมพูชายิงจรวดอาร์พีจี และอาวุธปืนสงคราม ใส่ทหารไทยอย่างหนัก 2 เม.ย. ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในจุดตรวจการของฝ่ายไทยจนขาขาด ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เหตุปกติ ที่เป็นการรุกล้ำแบบธรรมชาติของชาวกัมพูชา แต่เป็นการเจตนารุกล้ำอธิปไตยไทย

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมทหารไทยได้แต่ตรึงกำลังในพื้นที่ ตนเพิ่งมากระจ่างชัดหลัง นายกษิต ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นนโยบายของผู้นำประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับผู้นำประเทศที่ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ เมื่อเป็นอย่างนี่นายกฯ จะจัดการอย่างไร ที่จะทำให้ชาวกัมพูชา ถอยออกไปได้ เพราะขณะนี้เขามีการวางลำดับขั้นอย่าเป็นขั้นตอน และมีแผนการอย่างแยบยล ในการรุกพื้นที่ของไทย

นายวีระ กล่าวเสริม คำพูดของ นายกษิต ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 13 ที่ผ่านมา บอกว่าการแก้ไขบริเวณโดยรอบเขาวิหารไม่รู้จะใช้เวลาอีกกี่สิบปี เพราะตอนนี้ยังไม่เริ่มเจรจาเลย อ้างรัฐสภายังไม่ผ่านร่างข้อตกลง ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผู้บัญชาการทหารบกไทย ไปพบผู้นำกองทัพกัมพูชา เตือนให้ไทยระวังเครื่องบินไทยที่รุกล้ำน่านฟ้าเขา อาจทำให้ทหารกัมพูชาจะขาดความอดกลั้นยิงเครื่องบินเอาได้ ตรงนี้เครื่องบินตรวจแนวชายแดนซึ่งก็ไม่ได้รุกล้ำอะไร ทหารกัมพูชายังขู่เลยว่าจะยิง แต่เวลาที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามา เราปล่อยให้เขาข่มขู่ไม่มีน้ำยาไปทำอะไรเขา แล้วอย่างนี้รัฐบาล จะให้ประชาชนยอมรับว่าทหารทำหน้าที่อย่างเข้มแข้ง และดีที่สุดแล้วได้อย่างไร

นายปานเทพ กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ นายกษิต หลังจากเดินทางเข้าไปดูพื้นที่ ว่า รัฐบาลนี้พูดเรืองจริง ไม่มีอะไรปิดบัง ผู้นำสองประเทศไม่ประสงค์ให้มีการสู้รบ เราอยากให้กลับไปสู่วันที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมมรดกโลก ซึ่งเป็นที่มาของวัฒนธรรม...ที่เราภูมิใจ เป็นสิ่งที่คิดว่าประชาชนสองประเทศรออยู่ ซึ่งเมื่อได้ฟังประโยคนี้ทำให้ตน รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเวลา นายกษิต พูดคำว่า มรดกโลก คงไม่ได้หมายถึง สิ่งที่กัมพูชากำลังขึ้นทะเบียนอยู่ฝ่ายเดียว จะเป็นสิ่งที่คนทั้งสองประเทศรอคอย ทั้งนี้ตนคิดว่า คนที่รอคอยไม่ใช่ฝั่งไทย แต่เป็นของกัมพูชาฝ่ายเดียว

นายปานเทพ กล่าวว่าหลังจาก นายวีระ นำประชาชนไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง ได้ข้อมูลที่มีน้ำหนักอย่างมาก ว่าไทยเสียดินแดน เพราะหากรัฐบาลยืนยันว่าไทยยังไม่เสียดินแดน วันที่ 19 ก.ย.นี้ นายวีระต้องไปได้ในทุกพื้นที่ ที่เป็นดินแดนไทย อย่างไรก็ตามการที่ประชาชนขึ้นไปแบบนี้ย่อมมีความเสียงอย่างยิ่ง ดังนั้นรัฐบาล ต้องการหยุดยังให้ประชาชนขึ้นไป จะต้อง 1.ผลักดันชาวกัมพูชา ให้ออกไปก่อนวันที่ 19 ก.ย. 2.รัฐบาลสามรถทำได้หากมีความชัดเจนแม้จะทำไม่ได้ก่อนวันที่ 19 แต่ต้องประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้เวลาเท่าใด 3.หากกล่าวหาว่า นายวีระ คลั่งชาติ ไร้สติ ซึ่งหากเป็นดังกล่าว คงไม่กางรัฐธรรมนูญแล้วใช้สิทธิ์ตามนั้น และจะออกทีวีตอบข้อเท็จจริง กับ นายอภิสิทธิ์หรือนายกษิต ก็ได้ ซึ่งนายวีระ ก็พร้อมอยู่แล้ว
นายวีระ สมความคิด
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น