“ยะใส” ชี้สถานะ รบ. ส่อแตกหัก-เปลี่ยนขั้ว “น.ช.แม้ว” ดิ้นป้องทรัพย์ 7 หมื่นล้าน เพราะอาจลามทำตระกูลชินวัตรล่มในพริบตา แนะจับตาเสื้อแดง ลับ ลวง พราง หลอกจับตาในกรุงฯ แต่โจมตีรอบนอก ขณะที่ “สุทิน” ระบุรัฐบาลนำ รธน. เข้าสภาแค่เกมซื้อเวลา เตือน“เทพเทือก” ป้องโกงที่วัด ระวังมีอันเป็นไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2552 โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) และนายสุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโส มาร่วมวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทย
นายสุริยะใส กล่าวว่าสถานะของรัฐบาลตอนนี้เปราะบางมาก ถ้ารัฐบาลผ่านเดือนนี้ไปได้ก็จะบริหารประเทศได้อีกยาว ในขณะเดียวกันฝ่ายที่ต้องการโค่นรัฐบาลหากทำไม่สำเร็จในเดือนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว ตอนนี้มีคนอยากให้เกิดการพลิกขั้วทางการเมือง พยายามทำทุกวิธีทาง เพื่อให้เกิดรัฐบาลใหม่ เพราะเขารู้ว่านายกรัฐมนตรีต่อลองไม่ได้ หากปล่อยให้ผ่านเดือนนี้ไป หลายคดีจะขึ้นสู่ศาล อาจมีการยึดทรัพย์ก้อนใหญ่ 76,000 ล้าน ซึ่งจะลามไปยังก้อนอื่นในตระกูลชินวัตรทั้งหมด จนอาจทำให้ตระกูลชินวัตร ล่มสลายในพริบตา ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเบรกได้ คือหยุดคดีนี้ไว้ให้เร็วที่สุด แล้วล้มกระดาน จัดตั้งรัฐบาลที่ตัวเองสั่งได้
ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนขั้วขึ้นจริง ก็ต้องมาดูว่า ใครบ้างจะได้รับประโยชน์ หากมีการเลือกตั้ง ตรงนี้มีการสำรวจมาแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทย จะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน เว้นแต่ว่าจะไปจับมือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้แล้ว และแม้เสื้อน้ำเงินจะพยายามสร้างขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมา ก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น ไม่มีพลังมากพอที่จะคิดการใหญ่
อย่างไรก็ตามถือเป็นความโชคดีของรัฐบาลด้วยในระดับหนึ่ง ที่เศรษฐกิจในระดับสากลมีทิศทางที่ดีขึ้น จีดีพี ในหลายๆประเทศดีขึ้น ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าหากปล่อยให้รัฐบาลบริหารงานผ่านไปถึงสิ้นปี แล้วได้เงินไตรมาสแรกมา จะทำให้พรรคร่วมเลิกทะเลาะกัน ด้วยเหตุนี้ตนอยากให้จับตาการชุมนุมวันที่ 19 นี้ เชื่อว่ากลุ่มเสื้อแดงไม่น่าจะชุมนุมวันเดียว ที่สำคัญต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ปฏิบัติการณ์รอบนอกในชนบท หัวเมืองใหญ่ หรือบุคคลสำคัญ เพราะอาจ ลับ ลวง พราง จัดชุมนุมในเมืองหลวงเพื่อล่อเป้าเท่านั้น
“ป.ป.ช. ชี้มูล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ไม่มีแรงจูงใจมากพอให้อีกฝ่ายปฏิวัติ อย่างไรก็ตามถ้าการแข็งขืนต่อคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ขยายความไปมากกว่านี้ กำลังทำลายระบบ หากตนเป็นนายกฯ จะไม่ยอมให้เกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่คำครหา ซึ่งในทางเป็นจริง ก็มีข้อเท็จจริงที่มีมูลให้วินิจฉัยได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในตอนนี้คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นตัวการในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย เสื้อแดง”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวถึงประเด็นที่ ป.ป.ช.ชี้มูล “ตำรวจควรต้องรู้ว่าอาวุธที่ใช้ทำให้เกิดการเสียชีวิต และตอนเช้าควรต้องรู้แล้วว่ามีคนเจ็บ ตอนบ่ายทำไมไม่หยุด” แต่ “วิหคเหิรฟ้า” ในมติชน แก้ข่าวให้ตำรวจ ว่า ตำรวจจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้นสื่อที่ไปทำข่าวเองก็ยังสับสนเลยว่าคนเขนขาด ขาขาด เพราะอะไร เพราะอาวุธของพันธมิตรฯหรือป่าว ซึ่งตรงนี้ประเด็นมันไม่ใช่ไปหาสาเหตุว่าอะไรทำให้ แขน-ขาขาด สิ่งที่สมควรทำอันดับแรกต้องระงับเหตุก่อน และคำชี้มูลที่ “วิหคเหิรฟ้า”ตัดตอนมานี้ไม่พูดถึง “รู้ทั้งรู้ว่าตอนเช้ามีคนเจ็บ คนตาย ยังปล่อยให้เหตุการณ์เลยเถิดไป 2-3 ทุ่มได้อย่างไร” ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจเลือกบางตอนมาโต้แย้ง เพื่อทำลายน้ำหนัก ป.ป.ช.
นายสุริยะใส กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มองการไกลที่เห็น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ มีค่ามากกว่านายตำรวจที่กำลังเกษียณอายุ จึงแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นการวางแผนก้าวแรกก่อนเกษียณอายุราชการ โดยหวังให้มาช่วยราชการ เพราะในประวัติ พล.ต.อ.ธานี เป็นคนทำงานซื่อตรง ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ซึ่งอาจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกแทนนายสุเทพ ก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่ พล.ต.อ.ธานี ก็เป็นคนที่นายกฯสามารถควบคุมได้ อย่างน้อยก็มีส่วนช่วยในการโหวต เลือก ผบ.ตร. อีกทั้งยังเป็นการเรียกคืนภาวะผู้นำ ได้คนที่ไว้วางใจมาสางคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนแถวหน้าของประเทศ เพราะหากปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเฉยๆ จะเป็นภาพลบการเมืองไทย และจะเป็นตราบาปของนายกฯ ไปตลอดชีวิต
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า การเอา พล.ต.อ.ธานี เข้ารับหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถึงแม้นายกฯ ต้องการความมั่นใจสั่งได้ไม่เกียร์ว่างเหมือนช่วงประชุมอาเซียน ที่พัทยา หรือปล่อยให้เหิมเกริมทุบรถนายกฯ หน้ากระทรวงมหาดไทย แต่ในอีกทิศทางหนึ่งก็อาจเป็นการบีบตำรวจ ส่วนหนึ่งใส่เกียร์ว่าง หรือที่กำลังลังแลว่าจะเลือกข้างไหนก็อาจไปเลือกฝ่ายตรงข้าม ส่วนกรณีที่ตำรวจ อ้างเหตุไม่พอใจคำชี้มูลของ ป.ป.ช. จนอาจนำไปสู่เกียร์ว่างในวันที่ 19 ก.ย. ก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้ข้อต่อรองนี้เป็นเงื่อนไข ในการดื้อแพงต่ออำนาจรัฐ
นายสุทิน กล่าวถึงกรณีที่ให้ ส.ส. กับ ส.ว. เปิดสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประเดิมวันแรกในวันที่ 16 ก.ย. นี้ เป็นเพียงแค่การซื้อเวลาของรัฐบาล เพราะเท่าที่ตนอยู่ในวงการข่าวมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีสภาชุดไหนแก้รัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาคุยแก้รัฐธรรมนูญแค่ 3 วัน ต่อให้คุยกัน 3 ปีก็หาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ที่เข้าเป็นพรรครวมจัดตั้งรัฐบาล มีการต่อรองกับประชาธิปัตย์ ในหลายๆประเด็นเช่น รถเมล์ 4,000 คัน รถไฟสายสีม่วง ตั้งปลัดกระทรวงสำคัญๆ แต่นายกฯเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วเบรกไว้ ด้วยเหตุนี้ตนเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดการแก้ไข ที่มีผลประโยชน์ซ้อนเร้นอยู่
นายสุทิน กล่าวว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. เป็นปกติที่นายกฯจะต้องเลือกคนที่ไว้ใจมากที่สุด ไม่มีรัฐบาลชุดไหนแต่งตั้งแบบพอใช้งานได้ เพราะจะทำให้ควบคุมยาก ยิ่งในภาวะปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีว่า ตำรวจ 90% ยังจมปรักอยู่กับระบอบ ทักษิณ สังเกตได้จากวันที่ 9 ที่ผ่านมา ในพิธีเฉลิมพระเกียรติ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ยืนอยู่ทางด้านขวาของนายกฯ ขณะที่พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ยืนอยู่ข้างหลัง แต่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น กลับไปนั่งข้าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ข้างพระบรมรูปทรงม้า ภาพตรงนี้สะท้อนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
นายสุทิน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาดไปตั้งแต่เลือก ผบ.ตร. ดูได้จากคนหนึ่งทำงานที่ ตึกนารีสโมสร อีกคนที่นั่งอยู่ในตึกบัญชาการ ซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆกัน แต่ต้องพูดฝากข้อความผ่านสื่อ และที่แปลกที่สุดนายกฯ ต้องเดินทางไปปรึกษาเลขาถึงบ้าน และขณะนี้ นายสุเทพ กำลังสับสนกับตัวเอง ว่า เป็นเลขาพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคภูมิใจ ที่ผ่านมารัฐบาลได้หยิบเรื่องสนามกอล์ฟ มาพิจารณาหลายครั้ง แต่ก็ถูกเบรกโดยนายสุเทพ ตลอด เป็นไปได้ว่าอาจไปจับมือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วเพราะดูจากการแสดงออกที่สวนทางกับนายกฯตลอดเวลา เช่นพูดว่า จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดเวลา แต่นายฯ สวนว่าไม่เจรจา ต้องกลับมาติดคุกก่อน
“ตนอยากเตือน นายสุเทพ ที่ไปตำหนิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปเคลื่อนไหวเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตำหนิแรงมากว่า “สงสัยเป็นฝ่ายค้านซะจนชิน ล่อพวกเดียวกันเอง” คนที่เกี่ยวข้องกับการโกงที่ดินของวัด มีอันเป็นไปทุกคน ดังนั้นถ้านายสุเทพ คิดจะไปปกป้อง ไม่ไห้ยึดที่ดินนั้นคืนมา ก็อาจมีอันเป็นไปด้วย” นายสุทิน กล่าว