"สมศักดิ์" ระบุใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เท่ากับยอมจำนนควบคุมรัฐตำรวจไม่ได้ เชื่ออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองเดือนหน้า ย้ำพี่น้องพันธมิตรฯอย่าเคลื่อนไหว ขณะที่ "ปานเทพ" ชี้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ส่งสัญญาณอาจมีมือที่สามล้มกระดาน ระบุ"ทักษิณ" ชูประเด็นอาจเกิดความรุนแรง เพื่อปัดความรับผิด-ระแวงกันเอง ป้อง"กษิต"ยังหวงแหนแผ่นดิน แต่บางเรื่องเกินอำนาจ รมว.ต่างประเทศ เผยนักการเมืองป่วนพิสูจน์เขตุแดนเขาวิหาร นัดเปลี่ยนสถานที่รวมตัวเป็นหน้าอุทยานปราสาทพระวิหาร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 26 สิงหาคม 2552 โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมประเมินสถานการณ์บ้านเมืองหลังออก พ.ร.บ.ความมั่นคง และจุดยืนเขาวิหาร
นายสมศักดิ์ วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองทั่วๆไป ว่า อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงเดือน กันยายน ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง อาทิ ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล ในประเด็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร. พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และภายใต้การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยให้อำนาจ ผบ.ทบ. ควบคุม แต่ ผบ.ทบ. กลับไปต่างประเทศ ร่วมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่แตกแยกเป็นหลายกลุ่มในขณะนี้ ซึ่งยากแก่การควบคุม อันอาจนำไปสู่ความวุ่นวายได้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าการเมืองจะเปลี่ยนได้ ต้องมีเงื่อนไข การออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ตามปกติจะต้องมีเหตุเกิดขึ้นก่อน แต่รัฐบาลออกประกาศโดยไม่มีเหตุ ตรงนี้ถือเป็นเงื่อนไขขั้นแรกที่จะนำไปสู่เหตุวุ่นวาย อย่างไรก็ตามหากออกลักษณะนี้ สื่อของรัฐต้องประกาศให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลถูกหลอกจนตกเป็นเครื่องมือให้ออกมาต่อต้าน และด้วยเหตุที่สื่อของรัฐไม่ทำงาน ทำให้ขณะนี้ก็มีบางกลุ่มนัดรวมตัวกันบ้างแล้ว ดังนั้นตนฝากบอกพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้อยู่เฉยๆ เพราะสถานการณ์อย่างนี้ หากออกไปอาจมีมือที่สามเข้าสร้างสถานการณ์ได้
“การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เสมือนเป็นการยอมจำนน ว่า ไม่สามรถไม่สามรถควบคุมสำนักงานตำรวจได้แล้ว ดังนั้นเมื้อไม่สามารถควบคุมได้ ทำไมถึงไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทั้งที่รู้ว่าตำรวจไม่มีประสิทธิภาพ สามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้ ท่านก็ไม่ทำ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ มองว่า ระบอบทักษิณ กำลังล่มสลาย เพราะจากเคยโฟนอินเปิดเวทีใหญ่โต ล่าสุดโฟนอินในร้านก๋วยเตี๋ยว และการที่สื่อประโคมข่าวจะมีการยึดอำนาจเพื่อจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนไม่อยากให้มองในประเด็นนี้ เพราะเรื่องเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มันจบแล้ว เมื่อเข้ามาประเทศไทยเมื่อไร ก็ตกอยู่ในฐานะนักโทษต้องจับตัวมาดำเนินคดี ส่วนประเด็นเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ตนเชื่อว่านายกฯ ไม่เปลี่ยนความคิดที่จะเสนอ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ แน่ เพราะหากเปลี่ยนก็จะจบอนาคตทางการเมืองเร็วกว่าที่คิด
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีเขาวิหาร ปัญหาตอนนี้ ตนอยากถามว่า ทหารและรัฐบาล รู้หรือไม่อาณาเขตุประเทศไทยอยู่ตรงไหน เพราะถ้ารู้จะต้องขับไล่ชาวกัมพูชาให้ออกไป และอย่ามาอ้างวาศาลโลกตัดสินไปแล้ว เพราะที่ศาลโลกตัดสินไปนั้นมันเฉพาะแค่ตัวเขาวิหาร ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ 4.6 ตร.กม ดังนั้น ก.ต่างประเทศต้องบอกไปยังกัมพูชา ให้ถอยออกไป
นายปานเทพ กล่าวถึงกลุ่มคนที่น่าจะมีแรงจูงใจอย่างมากในการปฏิวัติ คือ 1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะหากล้มกระดานได้ จะมีโอกาสต่อรอง ในเรื่องทรัพย์สินที่ถูกอายัด อิสรภาพ รวมถึงอำนาจทางการเมือง 2.พรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มอำนาจใหม่ ที่ล้วนแต่มีตำหนิติดตัวทั้งนั้น ถ้าล้มกระดานได้ คดีที่เป็นปัญหาคาใจทั้งคดีกล้ายาง คดี7 ต.ค. คดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีโอกาสสูญสลายได้ 3.อำมาตย์ โดยส่วนนี้ ตนเชื่อว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่เป็นแรงจูงใจมากพอที่จะปฏิวัติ
นายปานเทพ กล่าวว่าการออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งที่ยังไม่เกิดเหตุ และไม่ใช้ตำรวจก่อน แสดงว่า รัฐบาลไม่มั่นใจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะไม่สามารถควบคุมได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อมอบอำนาจให้ฝ่ายทหาร ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึง การขาดความกล้าหาญในการปรับโครงสร้างข้าราชการตำรวจ หรืออาจเป็นเพราะ เกรงใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จนทำให้ไม่มีความชัดเจนอย่างนี้
นายปานเทพ กล่าวว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชูเรื่องว่าอาจเกิดเหตุรุนแรง มีนัยยะซ้อนเร้น คือ หากเกิดความรุนแรงขึ้นจริง จะได้เป็นข้ออ้างได้ว่าตนเองไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือไม่ไว้ใจอำนาจใหม่ หรืออีกประเด็นกำลังสับสน เริ่มระแวงท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงที่แตกแยกเป็น 4 กลุ่ม คือพวก 1.แดงสู้แล้วรวย 2.แดงปฏิวัติ พวกที่เพ้อฝันว่าตนกุมมวลชนหลัก เลยคิดการใหญ่ปฏิวัติประเทศไทยได้ 3.แดงรักทักษิณ เพราะหากพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีอำนาจจะทำให้ตนได้ผลประโยชน์ไปด้วย และกลุ่มที่ 4.แดงหลงข้อมูล หรือพวกที่เข้าไม่ถึงข้อมูลเพราะความล้มเหลวในการปฏิรูปสื่อของรัฐ จนทำให้ล่าสุด นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้คลั่งไคล้ระบอบทักษิณทนไม่ไหวออกมาแสดงความไม่พอใจกับพวกสามเกลอ อย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นเขียนไว้ในบทความ ว่า “ถ้าเร่งให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาตอนนี้ ก็เหมือนเอาพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาฆ่า”
นายปานเทพ กล่าวว่าการที่นายกฯ ตัดสินใจใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แล้วโยนอำนาจให้ ผบ.ทบ. ตรงนี้น่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ดังนั้นสถานการณ์แบบนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ อาจมีมือที่สามล้มกระดานยกตัวเองกุมอำนาจการเมือง โดยทุกฝ่ายที่ออกเคลื่อนไหวจะถูกกำจัดหมด แต่ติดที่พันธมิตรฯ เพราะพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่หลงกลออกมาเคลื่อนไหว ฉะนั้นความคิดที่จะกวาดทุกกลุ่มได้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนี้พันธมิตรฯจึงเป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุดในการล้มกระดาน และนั่นเป็นคำตอบที่ทำไมต้องลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะต่อรอง เจรจายาก
“การที่สื่อบางสำนัก ฟันธงว่า ผบ.ตร. คนใหม่ต้องเป็น พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแตกหักในพรรคร่วม ประเด็นนี้การลงข้อมูลของสื่อไม่ได้ลงข้อมูลแบบนาทีต่อนาที่ เพราะสถานการณ์ล่าสุด ได้เปลี่ยนไปแล้ว นายกสามารถกุมสถานการณ์ได้ ถึงขนาด ก.ช.ต. ส่งสัญญาณมาแล้วว่าเสียงจะเปลี่ยน” นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวถึงนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า เป็นรัฐมนตรีที่เพิกถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ คนแรกที่ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ และตามล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการทำงานอย่างหนักมาก จุดยืนตรงนี้ทำให้เราตระหนักว่ากล้าเผชิญหน้ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนกรณีเขาวิหาร นายกษิต ก็ทำในระดับหนึ่ง เช่น การสร้างถนนทางขึ้นเขาวิหารมาจนถึงวัดแก้วสิขาคีรีศวร ที่เป็นการสร้างต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้วมาเสร็จในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนายกษิต ก็ได้ประท้วงถึงสามครั้ง อย่างไรก็ตามในบางครั้งอาจดูเหมือนมีท่าทีนิ่งเฉย เพราะมีบางเรื่องที่มันพ้นขีดความสามารถ ก.ต่างประเทศไปแล้ว ซึ่งต้องการการตัดสินใจที่มากขึ้น เช่น จะยกเลิกแถลงการณ์หรือไม่
สำหรับตนยอมรับ ว่า มีพื้นที่ถูกรุกล้ำจริง ในเขตุแดนไทยหลายพื่นที่บนเขาวิหาร มีประชาชน กำลังทหารของกัมพูชาเขามาอยู่มากขึ้น กรณีอย่างนี้เรียกได้ว่าไทยปกป้องอธิปไตยไม่ได้ จึงมีคนอย่างนายวีระ สมความคิด ที่จะเดินทางพามวลชนไปพิสูจน์ ทั้งนี้ตนถือโอกาสประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพราะมีนักการเมือง พยายามกีดขวางทุกวิธีทางเพื่อต้องการปะทะ ไม่ให้ขึ้นไปสำรวจความจริง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่จากที่ศาลหลักเมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มาเป็นที่ อุทยานปราสาทเขาวิหารเลย ในเวลา 10.00 น.
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ประกาศว่า เนื่องจากติดขัด พ.ร.บ.ความมั่นคง ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามกรณีปราสาทพระวิหาร ประกาศเลื่อนวันยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อถอนวาระการนำร่างบันทึกการประชุมของกรรมาธิการเขตุแดนร่วมระหว่างไทยกัมพูชาเข้าสู่สภา จากเดิมนัดวันจันทร์ ที่ 31 มาเป็น วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2552 ที่ทำเนียบฯ ในเวลา 11.30 น.