"เทพไท" เชื่อ "นช.แม้ว"มีส่วนให้เพื่อนบ้านยิงถล่มไทย ย้ำรัฐคุมเกมอยู่ ไม่ยุบสภาแน่ ด้าน"ประทีป" ระบุแผนตากสิน 2 ไม่น่ากลัว แค่ข่มขู่- ชิงพื้นที่ข่าว ยันเครื่อข่าย"แม้ว" ผุดแผน
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 25 มิถุนายน โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการร่วมวิเคราะห์ถึงที่ไปที่มาและความเป็นไปได้ของแผนการตากสิน 2 ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากที่ติดตามดูความเคลื่อนไหวของแผนตากสิน 1 ตั้งแต่ 8 เม.ย. จนถึงเหตุการณ์วันที่ 13 เม.ย. ที่ออกมาตามสื่อ ตรงกับแผนความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงหลายเรื่อง เช่น ยุทธศาสตร์ข้อ 3 ในแผนตากสิน ได้พูดถึงบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่เพียงสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งตรงกับปฏิณญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ที่ 5 ล้มลางรัฐธรรมนูญฉบับ 50 ผลักดันเอารัฐธรรมนูญ 40 คืนมา และยุทธวิธีที่ 7 แก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรค์ต่อการกลับมาของ นช.แม้ว เพื่อให้เข้าสู้การเมืองอีกครั้ง ตรงนี้สอดคล้องกับ กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยปราศรัยว่าหากเป็นนายกรัฐมนตรีซัก 6 เดือนจะแก้กฎหมายให้ ทักษิณ กลับมาเป็นนายกต่อ และในอีกหลายๆ เรื่องที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้จากที่ดูแล้วเนื้อหาในแผนตากสิน 1 และตากสิน 2 มีเนื้อหา วัตถุประสงค์ไม่ต่างกัน เชื่อคนทำเป็นคนๆ เดียวกัน
"แผนตากสิน 2 เป็นการโหมโรงในการเรียกคนให้เข้าร่วมชุมนุม โดยส่วนตัวเชื่องานนี้มีคนเข้าร่วมน้อย เพราะเป้าหมายในการขับเคลื่อนไม่ชัดเจน คาดแผนนี้ไม่ต้องการให้ประสบความสำเร็จ เป็นแค่การลองชิมราง แล้วจะมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ต่อไปอีก พร้อมยืนยันรัฐบาลไม่มีเหตุผลในการปล่อยข่าว เพราะปกติหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยก็เป็นหน้าที่ของรัฐอยู่แล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐจะไปทำเช่นนั้น" นายเทพไทย กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่าเป็นไปได้ยากที่จะสร้างกองกำลังเพื่อก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในยุคนี้ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เปลี่ยนไปแล้วซึ่งจะเรียกใช้กำลังพลในระดับเบื้องล่างไม่ได้เหมือนเก่า และปัจจุบันอดีตกองกำลังกลับใจก็สูงวัยกันแล้วทั้งสิ้น ส่วนการร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อต่อลองเรื่องผลประโยชน์ ตรงนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องจากอดีตผู้นำ (นช.แม้ว) มีพฤติกรรมเอื้อผลประโยชน์กับประเทศเพื่อนบ้าน และการที่ทหารของประเทศเพื่อนบ้านยิงแล้วถอยร่นกลับไป จริงๆแล้วทำนาจทางกำลังพล ไม่ว่าจะเป็น ทางบก เรือ อากาศ เปรียบเทียบกับไทยไม่ได้เลย
ส่วนในเป้าหมายในการไล่ล่าตามแผนตากสิน คิดว่าไม่เป็นจริง แต่ก็ไม่ประมาท เพราะบุคคลที่มีชื่อแล้วถูกไล่ล่าตามแผนตากสินทั้งหมด เป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดงจริง ดูได้จากองคมนตรีโดนรอบสังหาร นายกฯ เองยังโดนมาแล้วในกรณีโดนทุบรถ
นายเทพไท กล่าวว่าเงื่อนไขของรัฐบาลที่จะเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้มี 3 กรณี คือ การทุจริต ตรงนี้จุดแข็งของนายกฯ จะพยายามให้ตรวจสอบ ชะลอเรื่อง เพื่อให้โปร่งใส ทุกอย่างต้องมีคำตอบให้สังคม ซึ่งต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทำงานเหมือนซีโอ ถ้าทุบโต๊ะอนุมัติให้ผ่านก็จบ ประเด็นที่สอง ปัญหาความแตกแยกในหมู่รัฐบาล ยอมรับว่ามีความเห็นตรงหรือไม่ตรงกันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องยุบสภา ส่วน ส.ส. ถือหุ้นจน กกต. สั่งยุติบทบาท ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผล เพราะเสียงของรัฐบาลยังเกินครึ่งอยู่ ประเด็นสุดท้ายเศรษฐกิจ ตรงนี้รัฐบาลกำลังแก้ เม็ดเงินกำลังเข้าสู่ระบบ นักธุรกิจต้องการความมั่นคง ซึ่งพวกเขาเห็นแสงสว่าง ถ้ารับประคับประคอง ช่วงนี้ไปได้ทุกอย่างจะดีขึ้น
พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงความเป็นไปได้ของผู้จัดทำแผนตากสิน โดยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ 1. ฝ่ายของระบอบทักษิณเป็นคนทำขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำที่แกนนำรับรู้หรือไม่รับรู้ และ 2. ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ตรงนี้อาจจะเป็น อำนาจรัฐ ทหาร ลักษณะแผนตากสิน1 และแผนตากสิน 2 มีการกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ที่เหมือนกัน คือ สร้างความวุ่นวาย เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันสูงสุดทั้งสิ้น เพียงแต่แผนตากสิน 2 มีการยกระดับความรุนแรงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดีน้ำหนักความเป็นไปได้น่าจะอยู่ที่ฝ่ายของทักษิณ รายระเอียดสื่อถึงแผนระยะยาว เพราะดูแล้วแผนระยะใกล้ไม่น่าที่จะประสบความสำเร็จได้ การชุมนุมแดงทั้งแผ่นดินเมื่อ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา กับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 นี้ มีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการล้มรัฐบาล ล้มรัฐธรรมนูญ ทำให้สถาบันสั่นคลอน แล้วให้ ทักษิณ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง เมื่อวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงที่ผ่านมา เป็นที่รับรู้ของแกนนำในระบอบทักษิณทั้งสิ้น ดูได้จากการปรากฏตัวของอดีตแกนนำ เช่น จักรภพ จตุพร ตลอดจนนายสมชาย ทั้งหมดเป็นคนในพรรคเพื่อไทย ดังนี้เมื่อนำมาวิเคราะห์แล้วการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง น่าจะอยู่ภายใต้การรับรู้แกนนำในระบอบทักษิณมากกว่าไม่รับรู้
“แผนตากสิน 2 เป็นเพียงแค่กลยุทธต้องการแย่งชิงพื้นที่ข่าว เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของกลุ่มเสื้อแดงที่มีต่อระบอบทักษิณว่าอย่าสิ้นหวัง ทักษิณ ยังเป็นฮีโร่ ซึ่งก็สอดคล้องกับความสำเร็จในการเลือกตั้งที่สกลนคร และการประกาศใช้ยุทธวิธีที่รุนแรง เป็นแค่การข่มขู่ ดูได้จากการใช้ความรุนแรงที่ผ่านมา ถูกกระแสสังคมต่อต้าน ตรงนี้สามารถเป็นบทเรียนได้อย่างดี เหตุผลที่ทำอย่างน้อยก็ทำให้กองทับต้องสิ้นเปลืองพลัง ความคิด รัฐต้องมีภาระมากขึ้น” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว
พล.ร.ท.ประทีปกล่าวอีกว่า การตั้งทีมไล่ล่าคนที่เป็นปฎิปักษ์ต่อคนเสื้อแดง อยู่ในขีดความสามารถที่จะกระทำได้ ดูจากการกระทำหลายๆ อย่างที่ผ่านมา เช่นทุบรถนายกฯ ทั้งๆที่มีกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ แผนนี้ถึงแม้ไม่ปฏิบัติก็ได้ผลในระดับหนึ่งอย่างน้อยก็ข่มขู่ ทำให้จิตใจของผู้ที่ถูกระบุชื่อ เกิดความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันแผนตากสินใน ส่วนการจัดตั้งสื่อเขียนบทความทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง มีความเป็นไปได้ เพราะเรื่องดังกล่าวในอดีตเคยมีมาแล้ว ทำไมปัจจุบันจะมีไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันอำนาจเงินมีพลังมหาศาล โดยเฉพาะใช้สื่อต่างประเทศกดดันประเทศไทย แล้วให้สื่อไทยขยายผลอีกที โดยใช้ลอบบี้ยิสเป็นกระบอกเสียง
“เหตุรุนแรงตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เป็นส่วนหนึ่งจากการเอื้อผลประโยชน์ เพราะอดีตนายกฯ(นช.แม้ว) ที่เคยก่อนิติสัมพันธ์ เช่น ลงทุนในโครงการโทรคมนาคม เขาพระวิหาร เมื่อเข้าตาจน ก็อาจทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้” พล.ร.ท.ประทีป กล่าว
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า ความขัดแย้งภายในรัฐบาลเป็นปัจจัยหนึ่งในการล้มรัฐบาล ซึ่งก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์หนึ่งในการล้มรัฐบาล ถ้าดูจากความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ตามระบอบความคิด อย่างในการจัดงบประมาณขาดดุล ก่อหนี้สาธารณะ ตรงนี้ก็เกิดความขัดแย้งภายในรัฐบาลถึงความไม่ลงตัว เช่นโครงการณ์รถเมล์ 4 พันคัน และระบอบการปฎิบัติ หลังจากงบขาดดุล พ.ร.ก.4 แสนล้าน ผ่านรัฐสภาไปแล้ว ซึ่งเมื่อผ่านไปแล้วการนำเงินงบประมาณมาใช้จ่ายในโครงการต่างๆ อาทิโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะโปร่งใสหรือไม่ ก็คงไม่แตกต่างจากทุจริต ลำใย ยูโรทู 500 คัน ดังนี้ ถ้าไม่สามารถบริหารความขัดแย้งได้ลงตัว อาจนำไปสู่การยุบสภาได้ และถ้ามีการยุบสภา ก็จะมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์ หรือนี่เป็นกลยุทธหนึ่งของ ปชป.ที่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใหม่เตรียมตัวทัน จะได้ไม่ต้องแย่งชิง ส.ส. ในพื้นที่ก็เป็นได้