“ปฐมพงษ์” แนะปัญหาไฟใต้เอาเหตุร้ายเป็นบทเรียน ระบุอย่าแบไพ่ในมือหมดจนคนร้ายจับทางได้ ชี้ปัญหาแท้จริงต้นตอมาจากรัฐ แจงไม่เห็นด้วยเอาทหารต่างพื้นที่ลงใต้ ด้าน “ส.ว.ปัตตานี” วอนรัฐใช้ปัญญาแทนกำลังแก้ไข เชื่อ ศอ.บต. เอาอยู่เหตุรุนแรงภาคใต้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 11 มิถุนายน โดยนางสาวรัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการร่วมวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับเกียรติจากพล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษา บก.กองทัพไทย และที่ปรึกษาแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และนายวรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี มาร่วมพูดคุย
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ อย่างน้อยเราต้องได้บทเรียนจากความเสียหายบ้าง โดยควรจดทำบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ แล้วนำมาหารือ เพื่อหาแนวทางแก้ไข แต่อย่ายึดติดกับการเมืองเก่าให้มากนัก เพราะเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มันไม่เหมือนเก่าแล้ว ต้องอาศัยการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านในพื้นที่ ว่ายังขาดเหลือหรือต้องการอะไร ชาวบ้านจะได้รู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเชื่อว่าปัญหาภาคใต้เกิดจากข้าราชการใช้อำนาจกดขี่ ซึ่งตรงนี้นายกฯ ต้องออกคำสั่งให้เกิดโครงสร้างที่เป็นรูปธรรมในการรับผิดที่ชัดเจน สำหรับประเด็นการจะให้การเมืองนำการทหารหรือทหารนำการเมืองนั้น มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นมากว่าว่าเป็นอย่างไร จะใช้การเจรจาหรือถึงขั้นใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม แต่ตนไม่อยากให้ นายกฯ ทำแบบเหมือนโยนกันไปโยนกันมา เพราะต้องการปัดความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้
นอกจากนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังได้กล่าวว่า ตนอยากแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้เน้นการเข้าไปศึกษาข้อมูล ทำสถิติ ว่าเหตุการณ์เกิดตรงไหน แล้วนำข้อมูลมาจัดระเบียบใหม่ อาทิ ไปสำรวจว่าคนร้ายมักนำจักรยานมาวางระเบิดตรงนี้ ก็จัดโซนนิ่งอย่าให้นำรถไปจอด เสร็จแล้วก็เพิ่มความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้นก็อาจจะเป็นการติดกล้องวงจรปิดเข้าไปเสีย
ส่วนประเด็นการนำทหารกว่าหกหมื่นลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเข้าแก้ไขปัญหาไฟใต้นั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเอาคนไม่เหมาะกับสถานที่มาปฏิบัติงาน เนื่องจากทหารส่วนใหญ่มาจาก ภาคเหนือ อีสาน เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่จริงย่อมมีข้อผิดพลาด อย่างเรื่องของพื้นที่ ทหารมักจะเรียนรู้เส้นทางจากในแผนที่เท่านั้น ซึ่งที่จริงยังมีทางเล็กทางน้อยที่ไม่มีในแผนที่ โดยตรงนี้ถือเป็นจุดอ่อน และเป็นข้อเสียเปรียบหากคนร้ายใช้เส้นทางเหล่านี้กระทำผิด ดังนั้นควรจัดกำลังพลใหม่ และที่สำคัญที่สุดต้องรู้จักให้ข่าว ไม่ใช่เปิดเผยข้อมูล แผนการซะทุกอย่าง จนคนร้ายจับไต๋ได้ว่าจะทำอะไร
ด้าน นายวรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาทางการปกครอง และต้องแก้ด้วยการปกครอง อย่าคิดว่าการนำกำลังทหารหรืออาวุธ จำนวนมากกว่าลงพื้นที่ จะแก้ไขปัญหาได้ รัฐบาลต้องใช้ปัญญาให้มาก อย่าใช้กำลังเข้าแก้ไข แนะรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการจัดตัง ศอ.บต. เพราะเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นตัวช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับคนในพื้นที่ และหลายฝ่ายต่างก็เชื่อว่าการจัดตั้ง ศอ.บต. จะช่วยแก้ปัญหาได้
นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวสนับสนุนให้มีโครงการ ศอ.บต. เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการมีส่วนร่วมอย่างน้อยเข้าจะได้ไม่รู้สึกเดียวดายเพราะยังมีที่พึ่งอยู่ และจากที่ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ต่างก็เห็นด้วยที่จะให้มีโครงการ ศอ.บต.
"ปัญหาอีกอย่างที่เกิดให้เห็นประจำ เจ้าหน้าที่มักตังด่านตรวจ หรือลาดตระเวน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ตามกรอบเวลา และคนร้ายมักอาศัยช่วงเวลารอยต่อแฝงตัวก่อการร้าย ตรงนี้ จะต้องตามให้ทัน ที่สำคัญอย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าขนาดทหารยังตกเป็นเป้านิ่ง ดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนพึ่งได้อย่างไร" นายวรวิทย์ กล่าว
ส่วนกรณีออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายวรวิทย์ กล่าวว่า เป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ อย่าเอาข้ออ้างหากปราบไม่ได้แล้วออกประกาศ การอออกจะต้องออกเพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่าปลอดภัย และไม่กระทบกับการดำเนินชีวิต และพรรคประชาธิปัตย์ จะประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้หรือไม่ ประชาชนจะเป็นตัวชี้วัด ตรงนี้ ปชป.ต้องตอบให้ได้ว่า นโยบายของเขาสามารถนำเข้าไปปฏิบัติได้เพียงใด