“ชวรัตน์” เร่งสร้างกระแส “ปกป้องสถาบันเบื้องสูง” โชว์ผลงานรอบ 6 เดือน กร้าวสั่งการผู้ว่าฯ ลากคอคนหมิ่นเบื้องสูงมาลงโทษ เตรียมตั้งศูนย์ ฉก.แก้ไขปัญหาอุทกภัย จี้ผู้ว่าฯ สำรวจเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ขณะเดียวกัน ย้ำกรมที่ดินรีเชปแผนที่ให้เสร็จ สกัดคนรุกป่า พร้อมให้ทุกฝ่ายเร่งแจงประชาชนเรื่องแผนเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ขณะที่ “ถาวร” ชมผู้ว่าฯ ยึดแนวทางในหลวงแก้ปัญหาชายแดนใต้ สั่งผู้ว่าฯ ศึกษาโครงการพัฒนา ลั่นตรวจเข้มด้วยตัวเอง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย เวลา 10.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมกระทรวงครั้งที่ 5/2552 เพื่อมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังทุกจังหวัด
โดยนายชวรัตน์กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบ้านเมืองให้กลับสู่สภาวะปกติ ให้เกิดความสงบ สันติ สามัคคี ให้ประเทศไทยของเราเกิดความเข้มแข็ง และสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา ซึ่งคิดว่าเราทำได้ดีพอสมควร เพราะด้วยการสนับสนุนจากข้าราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ ช่วยกันผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงจัดทำรายงานผลงานกระทรวงมหาดไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของกระทรวงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
“เรื่องที่ต้องเน้นย้ำ คือ เรื่องโครงการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ ที่ผ่านมาทุกจังหวัดได้ให้การสนับสนุนและมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เป็นการสร้างกระแสที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เหมือนการกวนน้ำในตุ่ม ต่อให้ตุ่มใหญ่ขนาดไหนถ้าเรากวนไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง น้ำในตุ่มก็จะเกิดเป็นกระแสไหลเวียนตามทิศทางที่เรากำหนดได้ ผมต้องฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นจังหวัดเป้าหมายต่อๆ ไปด้วย ให้เอาใจใส่ในเรื่องนี้” นายชวรัตน์ กล่าว
นายชวรัตน์กล่าวว่า นอกจากนี้สิ่งที่ต้องสั่งการเป็นพิเศษมีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ การกระทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องติดตามสอดส่องดูแลไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารดังกล่าว แต่ทั้งนี้หากมีกรณีการกระทำผิดขึ้นถือว่าเป็นหน้าที่ผู้ว่าฯ โดยตรงที่จะต้องรับผิดชอบ เพื่อเอาตัวมาลงโทษให้ได้ ส่วนเรื่องที่สอง คือ การขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพราะพวกเราในฐานะข้าฯ ในพระองค์ ควรให้ความสำคัญต่อการขยายผลโครงการออกไป เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแพร่หลาย จึงขอให้ผู้ว่าฯ ใส่ใจในกระบวนงานเพื่อขยายผลโครงการ ทั้งในกระบวนงานสำรวจปัญหาและจัดทำฐานข้อมูล กระบวนงานสร้างกลไกขับเคลื่อนและถ่ายทอดสู่ประชาชน และกระบวนงานขยายผล และดำรงความยั่งยืน
นายชวรัตน์กล่าวถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มปี 2552 ว่า ในปีนี้คาดว่าฝนจะมาเร็ว เพราะมีดัชนีบ่งชี้ถึงภาวะลานีญาซึ่งจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุก หรือฝนตกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ ซึ่งขณะกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มปี 2552 ขึ้นแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร กำชับผู้ปฏิบัติให้สำรวจเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ ศึกษามาตรการและแนวทางปฏิบัติ แจ้งระวังป้องกันแก่พี่น้องประชาชน พร้อมกับตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะหากเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นสามารถบรรเทาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
นายชวรัตน์กล่าวถึงเรื่องการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ หรือตรวจสอบแนวแผนที่ (รีเชป) ว่า เป็นนโยบายที่สำคัญที่ได้มอบไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งแรก เพราะจะเป็นการก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งประชาชน และรัฐ และตอบคำถามให้ชัดเจนว่าป่ารุกคน หรือคนรุกป่า เรื่องนี้ต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน รวมทั้ง 68 จังหวัด ทราบว่าแล้วเสร็จเพียง 5 จังหวัด ดังนั้น ขอฝากกรมที่ดินช่วยเร่งรัดติดตาม หากมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องดำเนินการเชิงนโยบายก็ขอให้รายงานเข้ามาเพื่อจะได้ช่วยแก้ไขต่อไป
ด้าน นายถาวรกล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานเจ้าพนักงานที่ดินในจังหวัดเรื่องการจัดการออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.1 ให้แก่ประชาชนภายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 6 ก.พ.นี้ เพราะหากดำเนินการล่าช้า ประชาชนที่ยังไม่ได้ถือเอกสารสิทธิ ส.ค.1 จะต้องยื่นเรื่องให้ศาลตีความ เสียทั้งเงินและเวลา
นอกจากนี้ ให้ไปชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่ไม่ให้บุกรุกที่ดินสาธารณะของรัฐ โดยยึดระเบียบกระทรวงมหาดไทย ปี 2547 เป็นแนวทางดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนบุกรุกที่ดินรัฐมากขึ้น และยังกำชับให้อีก 12 จังหวัดที่ไม่ได้ส่งผลการรีเชปแผนที่ที่ดินให้เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว
นายถาวรยังกล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เห็นชัด คือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ แม้เรื่องนี้ไม่ใช่งานของกระทรวงมหาดไทยโดยตรง แต่ผู้ว่าฯ ก็ต้องลงไปสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะแผนเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีงบประมาณถึงปี พ.ศ.2555 โดยใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท
นายถาวรกล่าวระหว่างการประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขอชื่นชมผู้ว่าฯ ทั้ง 5 จังหวัด ที่ยึดแนวพระราชดำรัสของในหลวง ในเรื่องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา มาใช้อย่างจริงจังและจริงใจ ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดแม้มีบางคนทักท้วงว่าไม่ให้ตนลงไปตรวจพื้นที่เพราะอันตราย แต่ตนกลับมองว่าถ้ารัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่แล้วใครจะลงไป อย่างไรก็ตาม ให้ผู้ว่าฯ ไปศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนจะลงไปตรวจเข้มด้วยตัวเอง