“เด็จพี่” ยื่น ป.ป.ช.สอบ “ปู่จิ้น” พ่วง “มาร์ค” มีเอี่ยวผลประโยชน์ทับซ้อนบริษัท ซิโน-ไทย สร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ด้าน “ชวรัตน์” ไม่หวั่นถูกยื่นสอบ ชี้เป็นบริษัทมหาชน ยืนยันไม่เคยใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ มั่นใจแจง ป.ป.ช.ได้
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ให้ทำการสอบสวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และฝ่ายบริหาร รวมถึงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ประกอบมาตรา 265(2) ซึ่งเป็นผลให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182(7) และฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปี2542 มาตรา 100 (3) (4) กรณีที่บริษัท ซิโน-ไทย ซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวนายชวรัตน์เป็นผู้ถือหุ้น ในขณะที่นายชวรัตน์ดำรงตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองนายกฯ เมื่อปี 2551 จนถึงตำแหน่งปัจจุบัน ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินการเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐในหลายโครงการ ดังนั้นกรณีของนายชวรัตน์จึงเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ซิโน-ไทย
นายชวรัตน์กล่าวถึงกรณีนี้ว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่ทราบว่าตนได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะตนถูกปรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง ประมาณ 7 ครั้ง ส่วนที่พรรคอ้างว่ามีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนในตระกูลชาญวีรกูลนั้น บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทมหาชน ใครๆ ก็สามารถซื้อหุ้นได้ มันไม่เกี่ยวข้องกับตน ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทมานาน
เมื่อถามย้ำว่า สรุปว่าการดำรงตำแหน่งในรัฐบาล นายชวรัตน์ไม่มีการให้คุณให้โทษกับ บ.ซิโน-ไทย ใช่หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ไม่มี เพราะตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทมานานแล้ว ส่วนที่จะมองประเด็นว่าบุตรของตนเข้าไปเกี่ยวนั้น ความจริงแล้วบุตรที่บรรลุนิติภาวะสามารถซื้อหุ้นที่ไหนก็ได้ ส่วนที่ว่าซิโน-ไทยได้รับผลประโยชน์จากการประมูลโครงการของรัฐหลายโครงการนั้น ตนมองว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับตน และเชื่อว่าถ้ายื่น ป.ป.ช.สามารถชี้แจงได้ ยิ่งเรื่องบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถซื้อหุ้นที่ไหนก็ได้ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ การที่พรรคเพื่อไทยเอาเรื่องนี้ออกมาตีเป็นประเด็นนั้น ตนมองว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องมีการตรวจสอบตามธรรมดา