CONTRACTOR Sector คำแนะนำ : Neutral
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ระดับราคาปรับเพิ่มยกกลุ่ม คาดหมายการฟื้นตัวของผลประกอบการ ซึ่งมาพร้อมกับแนวโน้มการรับงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
- มองความคืบหน้าที่ภาครัฐผลักดันส่งผลดีต่ออนาคตระยะยาว โดยคาดหวังมีงานต่อเนื่องจากรถไฟฟ้าสายมีม่วง เป็นสีอื่น เช่น สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว ฯลฯ ระยะสั้นผลประกอบการยังได้รับผลกระทบจากงานที่ชะลอลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ชัดเจน แนะนำ ทยอยซื้อ ราคาที่เหมาะสมเป็นปี 53 อ้างอิง (APBV 1.35X) ITD = 4.42 CK= 5.76 และ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวสำหรับ STEC ราคาที่เหมาะสม 5.62 บาท โดยให้น้ำหนักของกลุ่ม เท่ากับตลาด
คำแนะนำ : Neutral
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ระดับราคาปรับเพิ่มยกกลุ่ม คาดหมายการฟื้นตัวของผลประกอบการซึ่งมาพร้อมกับแนวโน้มการรับงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
จากการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะรายใหญ่ทั้ง ITD ,CK ,STEC รวมถึง บริษัทฐานรากเช่น SEAFCO โดยระดับราคาทยอยปรับขึ้น โดยในวันศุกร์ 11 กย.52 ระดับราคาหุ้นในกลุ่ม ปรับตัวดีขึ้นกว่าตลาด ITD ปิดที่ราคา 3.32 บาท (+8.5%) CK ปิดที่ราคา 4.44 บาท (+4.72) STEC ปิดที่ราคา5.90 บาท (+10.28%)
คาดว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างดังกล่าว เป็นมุมมองเขิงบวกต่อกลุ่มจาก 2 ประเด็นคือ 1)งบประมาณจากนโยบายภาครัฐที่ใช้เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน จากโครงการไทยเข็มแข็งที่มีเม็ดเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาเฉพาะปี53 ที่ 486ล้านบาท ซึ่งพร้อมสนับสนุนโครงการขนส่งมวลชน รวมถึงแผนการลงทุนระยะยาวของรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่คาดว่าจะเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงินในช่วงปลายปี
2) จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลดีต่อการเติบโตของงานจากภาคเอกชนเช่นจากเส้นทางเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่งผลต่องานก่อสร้างอาคาร และอสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นทำให้ส่งผลดีต่อการรับงานที่ต่อเนื่อง
การลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมจากตัวเลข การลงทุนของโครงการไทยเข็มแข็ง(แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 Stimulus Package 2)
จากแผนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล หลังจากมีโครงการต่างๆ พร้อมทั้งการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปกติของปี 53 เรามองว่า หลังผ่านวิกฤตการณ์ ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยภาครัฐให้ความสนใจในการพัฒนาระระบบขนส่งและโลจิสติกส์ค่อนข้างมากจากโครงการไทยเข็มแข็ง โดยมีงบลงทุน ในระยะเวลา 3ปี อยู่ที่ 676.25 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วนถึง 43% ของเม็ดเงินลงทุนโดยรวมที่ 1,566 ล้านบาท
งานในมือของ STEC และ CK เพิ่มขึ้นหลังได้รับงานจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
หลังจาก STEC และ CK ได้รับงานรถฟ้าสายสีม่วงโดย STEC ได้รับงานประมูลสัญญาที่ 2 มูลค่าโครงการโดยรวม 13,100 ล้านบาท และ CK ได้งานสัญญาที่ 1 และเซ็นสัญญาแล้ว มูลค่าโครงการที่CKได้รับหลังแบ่งงานกับTC อยู่ที่ 10,004 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของงานนอกเหนือจากงานรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ยังคงมีงานเอกชนที่มาจากงานโรงไฟฟ้าจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิต นอกจากนั้นจากความชำนาญ ที่แต่ละบริษัทจะได้รับ
CK: มีโอกาสรับงานต่อเนื่องจากเขื่อนน้ำบาก1-2 มูลค่าโครงการกว่า 17,000ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่ามีความชัดเจนในช่วง 4Q52-1Q53
STEC: คาดมีโอกาสรับงานต่อเนื่องจากโครงการ PLUTO LNG Plant Module โดยจะทราบผลใน 4Q53
ITD: มีโอกาสรับงาน กรณี รถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงิน เห็นความชัดเจน และ เห็นเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งมีโอกาสรับงานจากภาครัฐ หลังจากงบประมาณภาครัฐเริ่มใช้จริง โดยยังคงเป็นบริษัทที่มี งานในมือสูงสุด ที่ 96,990 ล้านบาท (รวมงานต่างประเทศ)
ความเห็น : ภาพรวมของกลุ่มรับเหมามีความน่าสนใจยังคงมีความต่อเนื่องหลังจากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วเสร็จ โดยมุมมองเชิงบวกในระยะยาวจาก 1) งานภาครัฐที่มาจากงบประมาณ 2) งานภาคเอกชนที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนั้นแต่ละบริษัทยังมีความเด่นจากความชำนาญที่แตกต่างในการรับงานจากต่างประเทศ โดยความน่าสนใจในช่วง 3-6เดือนคือเรื่องความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงินที่จะเริ่มเห็นความชัดเจน ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการใน 2H52 ของกลุ่มผู้รับเหมา คาดว่ายังไม่น่าประทับใจ เนื่องจากรับผลกระทบจาก งานที่ลดลงในช่วง 1-2 ปีจากประเด็นการเมือง พร้อมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงจากราคาวัสดุก่อสร้างเช่นเหล็ก ฯที่มีความผันผวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยลบต่อผลประกอบการ แนะนำ ทยอยซื้อสำหรับ ITD และ CK เนื่องจากมีส่วนต่างราคาตลาดและราคาเชิงพื้นฐานที่เหลืออยู่ในขณะที่ STEC ราคาตลาดสูงกว่าราคาพื้นฐาน ราคาที่เหมาะสมเป็นปี 53 อ้างอิง (APBV 1.35X) ITD = 4.42 CK= 5.76 และ STEC 5.62 บาท
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ระดับราคาปรับเพิ่มยกกลุ่ม คาดหมายการฟื้นตัวของผลประกอบการ ซึ่งมาพร้อมกับแนวโน้มการรับงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
- มองความคืบหน้าที่ภาครัฐผลักดันส่งผลดีต่ออนาคตระยะยาว โดยคาดหวังมีงานต่อเนื่องจากรถไฟฟ้าสายมีม่วง เป็นสีอื่น เช่น สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว ฯลฯ ระยะสั้นผลประกอบการยังได้รับผลกระทบจากงานที่ชะลอลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ชัดเจน แนะนำ ทยอยซื้อ ราคาที่เหมาะสมเป็นปี 53 อ้างอิง (APBV 1.35X) ITD = 4.42 CK= 5.76 และ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวสำหรับ STEC ราคาที่เหมาะสม 5.62 บาท โดยให้น้ำหนักของกลุ่ม เท่ากับตลาด
คำแนะนำ : Neutral
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ระดับราคาปรับเพิ่มยกกลุ่ม คาดหมายการฟื้นตัวของผลประกอบการซึ่งมาพร้อมกับแนวโน้มการรับงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
จากการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะรายใหญ่ทั้ง ITD ,CK ,STEC รวมถึง บริษัทฐานรากเช่น SEAFCO โดยระดับราคาทยอยปรับขึ้น โดยในวันศุกร์ 11 กย.52 ระดับราคาหุ้นในกลุ่ม ปรับตัวดีขึ้นกว่าตลาด ITD ปิดที่ราคา 3.32 บาท (+8.5%) CK ปิดที่ราคา 4.44 บาท (+4.72) STEC ปิดที่ราคา5.90 บาท (+10.28%)
คาดว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างดังกล่าว เป็นมุมมองเขิงบวกต่อกลุ่มจาก 2 ประเด็นคือ 1)งบประมาณจากนโยบายภาครัฐที่ใช้เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน จากโครงการไทยเข็มแข็งที่มีเม็ดเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาเฉพาะปี53 ที่ 486ล้านบาท ซึ่งพร้อมสนับสนุนโครงการขนส่งมวลชน รวมถึงแผนการลงทุนระยะยาวของรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่คาดว่าจะเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงินในช่วงปลายปี
2) จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลดีต่อการเติบโตของงานจากภาคเอกชนเช่นจากเส้นทางเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่งผลต่องานก่อสร้างอาคาร และอสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นทำให้ส่งผลดีต่อการรับงานที่ต่อเนื่อง
การลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมจากตัวเลข การลงทุนของโครงการไทยเข็มแข็ง(แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 Stimulus Package 2)
จากแผนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล หลังจากมีโครงการต่างๆ พร้อมทั้งการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปกติของปี 53 เรามองว่า หลังผ่านวิกฤตการณ์ ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยภาครัฐให้ความสนใจในการพัฒนาระระบบขนส่งและโลจิสติกส์ค่อนข้างมากจากโครงการไทยเข็มแข็ง โดยมีงบลงทุน ในระยะเวลา 3ปี อยู่ที่ 676.25 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วนถึง 43% ของเม็ดเงินลงทุนโดยรวมที่ 1,566 ล้านบาท
งานในมือของ STEC และ CK เพิ่มขึ้นหลังได้รับงานจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
หลังจาก STEC และ CK ได้รับงานรถฟ้าสายสีม่วงโดย STEC ได้รับงานประมูลสัญญาที่ 2 มูลค่าโครงการโดยรวม 13,100 ล้านบาท และ CK ได้งานสัญญาที่ 1 และเซ็นสัญญาแล้ว มูลค่าโครงการที่CKได้รับหลังแบ่งงานกับTC อยู่ที่ 10,004 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของงานนอกเหนือจากงานรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ยังคงมีงานเอกชนที่มาจากงานโรงไฟฟ้าจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิต นอกจากนั้นจากความชำนาญ ที่แต่ละบริษัทจะได้รับ
CK: มีโอกาสรับงานต่อเนื่องจากเขื่อนน้ำบาก1-2 มูลค่าโครงการกว่า 17,000ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่ามีความชัดเจนในช่วง 4Q52-1Q53
STEC: คาดมีโอกาสรับงานต่อเนื่องจากโครงการ PLUTO LNG Plant Module โดยจะทราบผลใน 4Q53
ITD: มีโอกาสรับงาน กรณี รถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงิน เห็นความชัดเจน และ เห็นเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งมีโอกาสรับงานจากภาครัฐ หลังจากงบประมาณภาครัฐเริ่มใช้จริง โดยยังคงเป็นบริษัทที่มี งานในมือสูงสุด ที่ 96,990 ล้านบาท (รวมงานต่างประเทศ)
ความเห็น : ภาพรวมของกลุ่มรับเหมามีความน่าสนใจยังคงมีความต่อเนื่องหลังจากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วเสร็จ โดยมุมมองเชิงบวกในระยะยาวจาก 1) งานภาครัฐที่มาจากงบประมาณ 2) งานภาคเอกชนที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนั้นแต่ละบริษัทยังมีความเด่นจากความชำนาญที่แตกต่างในการรับงานจากต่างประเทศ โดยความน่าสนใจในช่วง 3-6เดือนคือเรื่องความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสีน้ำเงินที่จะเริ่มเห็นความชัดเจน ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการใน 2H52 ของกลุ่มผู้รับเหมา คาดว่ายังไม่น่าประทับใจ เนื่องจากรับผลกระทบจาก งานที่ลดลงในช่วง 1-2 ปีจากประเด็นการเมือง พร้อมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงจากราคาวัสดุก่อสร้างเช่นเหล็ก ฯที่มีความผันผวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยลบต่อผลประกอบการ แนะนำ ทยอยซื้อสำหรับ ITD และ CK เนื่องจากมีส่วนต่างราคาตลาดและราคาเชิงพื้นฐานที่เหลืออยู่ในขณะที่ STEC ราคาตลาดสูงกว่าราคาพื้นฐาน ราคาที่เหมาะสมเป็นปี 53 อ้างอิง (APBV 1.35X) ITD = 4.42 CK= 5.76 และ STEC 5.62 บาท