รฟม.ไม่กังวลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ล่าช้า หลังไจก้า ถุงเงินกู้ขนาดใหญ่ เลื่อนการพิจารณาเงินกู้ มั่นใจงานวางระบบรางมูลค่า 3.6 พันล้าน ยังเป็นไปตามแผนเดิม เพราะยังมีก๊อก 2 จากกระทรวงการคลัง เผยรับเหมา 3 รายใหญ่ พร้อมลุยแบ่งเค้ก
นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้างานวางรางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จและให้บริการได้ตามแผน แม้ว่าองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้หลักของโครงการแจ้งว่าจะขอพิจารณาเงินกู้ในเดือนมีนาคม 2553 ล่าช้าจากเดิมที่ รฟม.คาดว่า จะพิจารณาได้ภายในเดือนกันยายน 2552 นี้
สำหรับแผนงานโครงการดังกล่าว กำหนดระยะเวลาการติดตั้งงานวางรางรวมทดสอบระบบประมาณ 2 ปี ขณะที่งานโยธาใช้เวลาประมาณ 4 ปี และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2557 ทั้งนี้ วงเงินติดตั้งงานวางราง มีมูลค่า 3.6 พันล้านบาท ได้ปรับลดลงจากเดิม 4 พันล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มติวงเงินดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม รฟม.ได้หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อหาทางเลือกในการหันมาใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศ เพราะเห็นว่าการพิจารณาเงินกู้จาก JICA อาจล่าช้าออกไป แต่ทางกระทรวงการคลังยืนยันว่า ต้องการให้ รฟม.ใช้เงินกู้จาก JICA เพื่อให้รวมเป็นแหล่งเดียวกันทั้งโครงการ
ขณะนี้ รฟม.จึงต้องรอดูทั้งทาง JICA และกระทรวงการคลัง เพื่อขอเงินกู้ให้เร็วที่สุด แต่หากจำเป็นกระทรวงการคลังก็พร้อมจะช่วยหาแหล่งเงินให้ เพราะทาง รฟม.คาดการณ์ว่าจะได้รับการพิจารณาเงินกู้จาก JICA เสร็จภายในกันยายน 2552 นี้ และจะเปิดประมูลต่อไป แต่เมื่อแหล่เงินกู้ยังไม่เสร็จสิ้นทำให้การประมูลล่าช้าออกไปด้วย
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ผู้รับเหมาที่แสดงความสนใจในงานวางรางรถไฟฟ้าดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ กลุ่มบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทต่างประเทศที่แสดงความสนใจเข้ามาด้วย
ส่วนการลงนามของสัญญาที่ 2 และ 3 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง นายชูเกียรติ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะได้รับการอนุมัติจาก JICA หลังจากที่ได้สอบถามเพิ่มเติมในรายละเอียดของทั้งสองสัญญา จากนั้นก็จะให้อัยการสูงสุดให้ความเห็น จึงคาดว่าภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ น่าจะลงนามสัญญาได้ทั้งสองสัญญา