xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : เชื่อ "แดงถ่อย" นัดชุมนุม ไม่รุนแรง "แก๊งหัวขวด" ไม่กล้าป่วน กลัวถูกถอนประกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง : เชื่อ "แดงถ่อย" นัดชุมนุม ไม่รุนแรง "แก๊งหัวขวด" ไม่กล้าป่วน กลัวถูกถอนประกัน เผย "นช.แม้ว" กระวนกระวายอยากกลับประเทศ นัดโฟนอินเป่าหูเสื้อแดงพรุ่งนี้ แจง สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร น่าห่วง หลังผู้ว่าฯศรีษะเกษ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เบรก "มวลชนผู้รักชาติ" เลิกทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตร.กม. จวก รบ.เกียร์ว่าง ปล่อยเขมรรุกล้ำที่ไทย


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันศุกร์ที่ 18 ก.ย. มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.เอเอสทีวีรายวัน มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ เพื่อมาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์เกาะติดสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) รวมทั้งเปิดสกู๊ปแฉวิธีการเอาตัวรอดคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อตีแผ่ความจริงให้สาวกที่นิยมชมชอบในตัวอดีตนายกรัฐมนตรีขายชาติ ที่เคยบอกว่ารวยแล้วไม่โกง วันนี้จะได้รู้ว่า รวยและยิ่งโกงเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ออกมาเรียกร้องให้ พันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ ยุติการเดินทางลงพื้นที่เพื่อปกป้องพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่ทหารและประชาชนชาวกัมพูชา ยึดครองอยู่ เนื่องจากถือเป็นการทำร้ายชาวศรีษะเกษ ทั้งที่ความเป็นจริง คนกลุ่มนั้น ต้องการทวงสิทธิ์บนพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ให้กลับคืนเป็นของไทยอย่างสมบูรณ์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังมีการเจรจาเรื่องปักปันเขตแดนระหว่างทั้งสองประเทศไม่เสร็จสิ้น

น.ส.อัญชะลี เปิดประเด็นด้วยกรณี สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรง จนนำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งกรณีนี้ นายชัชวาลย์ ได้กล่าวเสริมว่า วันนี้มีสื่อมวลชนจำนวนมากเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของทหารว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ ซึ่งบรรดาผู้นำเหล่าทัพ ได้ปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่มีการปฏิวัติ แต่ตนไม่อยากให้นิ่งนอนใจ เพราะปฏิวัติครั้งที่ผ่านๆมา ไม่เคยมีทหารออกมายอมรับก่อนเลยว่าจะทำการปฏิวัติ

นายประพันธ์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ปฏิวัติแต่ละครั้ง เหตุผลไม่หนีกันมาก ถ้าทหารไม่กลัวถูกปลด ก็เพราะทหารกลัวติดคุก ยิ่งตอนนี้ ทหารเข้าไปมีส่วนพัวพันหลายคดี ก็อาจมีทหารบางกลุ่มคิดจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดก็ได้ ประกอบกับมีกลุ่มคนบางกลุ่ม ต้องการทวงเงินคืนก็อาจใช้เป็นประเด็นปลุกเร้าสถานการณ์ ทำให้เกิดการปฏิวัติ เพราะทุกอย่างดูเป็นใจหมด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้อยู่ในประเทศ เพราะต้องเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐฯ ดังนั้น การฝากอำนาจไว้กับคนอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ก็ยิ่งน่าคิด

นายโสภณ กล่าวประเด็นเดียวกัน ว่า พรุ่งนี้ (19 ก.ย.) คาดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะสามารถเกณฑ์คนมาได้แค่ประมาณ 15,000 คน ไม่เยอะมากอย่างที่คิด เพราะส่วนหนึ่งทางแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน คงไม่อยากทำอะไรมาก เพราะไปรับเงินมาจริง แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง เผาบ้านเผาเมือง ก็อาจถูกถอนประกัน และติดคุกได้ ซึ่งนั่นไม่คุ้มกับเงินที่รับเอามาเคลื่อนไหว ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้ก็มีความเคลื่อนไหวสอดรับกับกลุ่มคนเสื้อแดง คือ ดูจะมีความมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถกลับประเทศได้แน่ และพรุ่งนี้จะโฟนอินมาที่เวทีคนเสื้อแดงในเวลา 20.30 น. โดยกระพือความน่าสนใจว่า จะพูดในสิ่งที่ไม่พูดมาก่อนเป็นการเปิดเผยถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับการปฏิวัติเมื่อปี 2549 ที่ทำให้ต้องระหกระเหเร่ร่อนอาศัยอยู่ต่างประเทศ

น.ส.อัญชะลี ยิงคำถามว่า มีสื่อบางสำนัก บอกว่าเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรรุนแรง แต่ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา น่าเป็นห่วง ตรงจุดนี้ จากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผลต่างๆ มีความเป็นไปได้เพียงใด นายประพันธ์ กล่าวตอบประเด็นนี้ ว่า ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ร.5 ก่อนเคลื่อนขบวนไปหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งนี้ บริเวณลานพระรูปทรงม้า ร.5 ถือเป็นเขตพระราชทาน เนื่องจากใกล้กับพระราชวังสวนจิตรลดา ทำให้ต้องมีกำลังทหารคุ้มกันอย่างหนาแน่น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนั้น เหตุร้ายต่างๆ น่าจะปะทุความรุนแรงในพื้นที่อื่น แต่สิ่งที่น่าตำหนิ คือ พฤติกรรมของรัฐบาล ที่เพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ดีแต่สร้างภาพร้องเพลงปลุกความสามัคคีของคนในชาติ แต่ไม่ได้ลงมือแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

นายประพันธ์ วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดง วันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) ว่า อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า คนเสื้อแดงสู้อย่างไรก็ไม่ชนะ แต่จะออกมาสู้จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหมดเงิน ไม่ปัญญาเคลื่อนไหว แต่ตอนนี้ มีคนพยายามไปสร้างกระแสข่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พันธมิตรฯ กับเสื้อแดง ทางพันธมิตรฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะคนพวกนั้น สู้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดพ้นจากคดีต่างๆ และสามารถกลับประเทศได้ ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นับเป็นศัตรูต่อกระบวนการยุติธรรม และเป็นศัตรูของประเทศอย่างแท้จริง

นายตุลย์ กล่าวเสริมว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาเตือนว่า บ้านพระอาทิตย์ และบ้านเจ้าพระยา ที่ทำการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี เป็นจุดเสี่ยงอันตรายในวันพรุ่งนี้ แต่ตนคิดว่าไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรง จนนำไปสู่การปฏิวัติได้ เพราะไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงจะพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงก็ตาม

นายโสภณ กล่าวเสริม ว่า ทหารต้องไปจัดการคนที่ก่อความวุ่นวาย เพราะไม่มีเหตุผลใดๆ ต้องปฏิวัติเพื่อล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังนั้น พรุ่งนี้ปัญหาหรือมีการสร้างความรุนแรงที่ไหน ก็สมควรไปจัดการที่นั่น

นายตุลย์ กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณี นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ออกมาเรียกร้องให้ พันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ ยุติการเดินทางลงพื้นที่เพื่อปกป้องพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่ทหารและประชาชนชาวกัมพูชา ยึดครองอยู่ เนื่องจากถือเป็นการทำร้ายชาวศรีษะเกษ ว่า การที่ผู้ว่าฯ ศรีษะเกษ พูดเช่นนี้ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะการที่พันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ เดินทางไปปกป้องพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของไทย แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี ที่อยากให้คนไทยทุกคนที่เคยเพิกเฉยต่อเรื่องนี้รู้สึกตื่นตัว กลับมาร่วมปกป้องแผ่นดินบ้านเกิดของประเทศตัวเอง

นายโสภณ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า ผู้ว่าฯศรีษะเกษ ออกมาโจมตีว่าการกระทำของ พันธมิตรฯและประชาชนผู้รักชาติ ถือเป็นการซ้ำเติมคนจังหวัดศรีษะเกษ ตนอยากถามว่ากลุ่มคนพวกนั้น ทำผิดตรงไหน ที่ไปทวงสิทธิ์ให้แก่ส่วนรวม ไปเอาแผ่นดินของประเทศตัวเองที่ถูกรุกล้ำอยู่ ให้คืนกลับมาเป็นของคนไทยอย่างสมบูรณ์แบบ

นายชัชวาลย์ กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและกัมพูชา ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ พันธมิตรฯและประชาชนผู้รักชาติ เดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศ แสดงท่าทียอมรับแผนที่ของกัมพูชา และมีการแอบตกลงจะเซ็นสัญญาร่วมกัน ดังนั้น ปัญหาอยู่ตรงที่ ทำไมในเมื่อยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องปักปันเขตแดน แต่รัฐบาลไทยกลับยอมให้ทหารและประชาชนชาวกัมพูชาไปตั้งชุมนุม สร้างวัด ในพื้นที่ดังกล่าว การที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งไม่ยอมเสียพื้นที่ประเทศตัวเอง ถือเป็นเรื่องผิดด้วยหรือ แต่สิ่งที่ตนสังเกตมานานแล้วคือ ทำไมกลุ่มคนเสื้อแดง ถึงไม่เคยหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีรัฐบาล ทั้งๆที่เป็นจุดอ่อน ก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ พ่อของกลุ่มคนเสื้อแดงได้รับผลประโยชน์จากการที่ไทยเสียดินแดนครั้งนี้ ส่วนสิ่งที่ผิดหวังมากที่สุด คือ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ชอบใส่เกียร์ว่าง ไม่ยอมดำเนินการใดๆเรื่องนี้ แทนที่จะสั่งการให้เด็ดขาด ยังมีหน้าปล่อยให้ผู้ว่าฯ ศรีษะเกษ บอกว่าจะเกณฑ์คนมาสู้คนไทยที่ปกป้องพื้นที่ดังกล่าว นั่นถือเป็นการกระทำที่มีแต่เสียกับเสีย เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาก็จะสบาย ที่ไม่ต้องทำอะไร แต่ได้เห็นคนไทยตีกันเอง

นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ตนไม่เข้าใจ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เรื่องนี้ ว่าทำไมถึงไม่สนใจเรื่องสิทธิอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่วิธีคิดและวิธีแก้ไขปัญหาของรัฐบาลกลับทำได้แค่ร้องเพลงรณรงค์ เรียกร้องให้คนไทยสามัคคีกัน แทนที่รัฐบาลจะเอาเวลาไปพูดความจริงกับประชาชน ว่าขณะนี้ เรื่องราวเป็นอย่างไร จะได้มาช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหา กลับต้องให้คนไทยกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาทวงคืนพื้นที่ดังกล่าวแทน การที่พันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ เดินทางลงพื้นที่ ไม่ได้ต้องไปเหยียบหัวผู้ว่าฯ หรือไปซ้ำเติมพี่น้องชาวศรีษะเกษ แต่ไปเพื่อไม่ยอมให้ไทยต้องเสียดินแดนเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่เสียปราสาทเขาพระวิหารให้กัมพูชาไปในอดีต

น.ส.อัญชะลี เอ่ยถึง อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดี กล่าวในงานสัมมนางานหนึ่ง โดยต่อว่าต่อขานรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ ที่นิ่งเฉยต่อการเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้แก่กัมพูชา พร้อมทั้งระบุว่า การที่ พันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ เดินทางลงพื้นที่ไปปกป้องดินแดนประเทศตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะการแก้ไขปัญหากรณีนี้เบื้องต้นต้องทำการประชิดพื้นที่ แสดงความชัดเจนให้รู้ว่า คนไทยไม่ต้องการมาทวงปราสาทเขาพระวิหาร แต่ต้องเอาพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของไทยคืนมาเท่านั้น นอกจากนั้น อ.ศรีศักดิ์ ยังแสดงความผิดหวังถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นพรรคการเมืองที่คิดเป็น แต่ทำไม่เป็น รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้ต่างชาติมาหลอกคนไทย เอาพื้นที่ไปถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 ล่าสุดนี้ มีคนไทยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการนำไปสู่การเสียพื้นที่ด้วย

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า ตนเห็นด้วยกับ อ.ศรีศักดิ์ แต่นอกเหนือกว่านั้น การที่รัฐบาลจะแสดงท่าทีว่าต้องการใช้วิธีการเจรจากับกัมพูชาอย่างสันติ ไม่ใช่วิธีการสู้รบ ซึ่งตนเห็นว่าหากรัฐบาลยืนยันเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่นอกเหนือกว่านั้น คือ รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจน กำหนดระยะเวลาการเจรจา ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเช่นนี้ เพราะหากเปลี่ยนรัฐบาลต่อไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ก็ตกค้างอยู่ที่ขั้นตอนการเจรจาอยู่ทั้งปีทั้งชาติ และฝ่ายที่จะเสียประโยชน์ คือ ไทย ส่วนฝ่ายที่ได้ประโยชน์ รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นกัมพูชา

ช่วงต่อมา ได้มีการนำสกู๊ปตีแผ่ธาตุแท้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้อำนาจมิชอบในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระทำการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ โดยเอื้อประโยชน์ให้แก่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาตัวเอง ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการชมสกู๊ปดังกล่าว นายโสภณ กล่าวว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนน่ารังเกียจและเป็นคนโลภมาก ตนอยากยกตัวอย่างให้เห็นถึงความจริงเรื่องนี้ หาก นางมิเชล โอบามา ภรรยาผู้นำสหรัฐฯ อยากซื้อที่ดินหน้าทำเนียบขาว แล้ว นายบารัค โอบามา ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ยอมเซ็นยินยอม ตนอยากถามว่า คนอเมริกันจะให้ผู้นำประเทศทำแบบนี้หรือไม่

น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงค์ชาติ จะดำเนินการยึดที่ดินรัชดาฯ จากคุณหญิงพจมานคืน แต่อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่ยอม โดยยืนข้อแลกเปลี่ยนว่า หากจะเอาที่ดินคืนต้องเอาดอกเบี้ยจำนวน 28 ล้านบาท ที่เสียไปแล้วคืนกลับมาให้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ นายประพันธ์ ท้าวความถึงที่มาที่ไปคดีนี้ ว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาตลอดว่า คดีที่ดินรัชดาฯ คุณหญิงพจมานเป็นผู้ซื้อ ในฐานะสามี (ตอนนั้น) พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เซ็นยินยอมด้วยสาเหตุที่เป็นคู่สมรส ดังนั้น เมื่อศาลตัดสินแล้วว่า คุณหญิงพจมานไม่มีความผิด แต่ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงผิด ก็เพราะว่า กฏหมายของป.ป.ช. ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เอาผิดแค่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ฉะนั้น คุณหญิงพจมาน ไม่มีตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง ก็ย่อมไม่มีความผิดคดีนี้ ผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนั้นเป็นถึงนายกรัฐมนตรี แต่กลับใช้อำนาจไม่ชอบ รวมทั้งมีส่วนสมคบคิดกับอดีตภรรยาจนทำให้ได้ที่ดินแปลงดังกล่าว

"เดิมทีที่ดินรัชดาฯ เป็นของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นองค์กรในกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแลอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวตอนที่จะมีการเปิดประมูล มีวิธีสกปรกหลายวิธีที่สกัดไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นๆ เข้าประมูลครั้งนั้นได้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจในการเป็นนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้แก่ คุณหญิงพจมาน ซึ่งที่ดินดังกล่าว มีจำนวน 33 ไร่ มูลค่านับพันล้านบาท แต่คุณหญิงพจมานกลับประมูลมาได้แค่ราคา 772 ล้านบาท แทนที่รัฐจะได้เงินมากกว่านั้น ฝ่ายที่รับผลประโยชน์กลับเป็นคนในตระกูลชินวัตร" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น หลังจากได้ที่ดินมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ด้วยการออกมติ ครม. ให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันทำการ เพราะรู้ว่า หากพ้นจากวันที่ 31 ธันวามคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนขึ้นสู่ศักราชใหม่ จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเกือบถึง 10 ล้านบาท ดังนั้น จึงการจัดการเรื่องกรรมสิทธิ์ให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ไม่หนำซ้ำ หลังจากนั้น เมื่อได้ที่ดินมาแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตที่ไม่สามารถสร้างตึกสูงได้ ก็เลยมีแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์ เปลี่ยนมาเป็นให้สร้างสูงเท่าไหร่ก็ได้

"การที่แบงค์ชาติ จะดำเนินการเอาคืนที่ดินรัชดาฯ คืน ถือเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะศาลตัดสินแล้ว ทำให้สัญญากรรมสิทธิ์ต่างๆ ที่ทำไว้ ถือเป็นโมฆะในการครองทรัพย์สิน ไม่ว่าคุณหญิงพจมานหรือครอบครัวจะบีบน้ำตาว่าซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาด้วยความสุจริตแค่ไหน ก็ถือว่าขั้นตอนไม่เป็นไปตามกฏหมายตั้งแต่ต้น ซึ่งถ้าหากผู้ว่าแบงค์ชาติ ไม่ดำเนินการเรื่องนี้ ก็อาจโดนความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะคุณหญิงพจมานได้ที่ดินแปลงนี้มาด้วยความไม่ชอบ ฉะนั้น ก็ต้องเอาคืนเป็นของรัฐ เพื่อที่จำเอาไปใช้ทำประโยชน์อื่นๆ โดยตามกรอบระยะเวลาแล้ว จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี หลังจากที่ศาลตัดสิน ซึ่งจะครบกำหนดเวลาดังกล่าวในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และถ้าหากคุญหญิงพจมาน ยังไม่ยอมคืน ก็ต้องฟ้องร้องเพื่อเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและเอาโฉนดคืน ส่วนถ้าหากคุณหญิงพจมาน อยากได้ดอกเบี้ยที่เสียไปแล้วคืน ก็ต้องฟ้องร้องหรือไปเอาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ" นายประพันธ์ กล่าว

นายโสภณ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า เมื่อวานชมภาพ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีอายัดทรัพย์สินมูลค่า 76,000 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตนรู้สึกทึ่งมากที่เด็กอายุ 27 ปี มีเงินตั้งมากมาย โดยไปให้ข้อมูลว่า อ้างเรื่องการลงทุน โดยมีที่ปรึกษาทางธุรกิจ คือ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน แต่ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยแต่อย่างใด ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ลูกสาวตัวเองทำอะไรแล้วพ่อจะไม่รู้ คดีนี้ มันตลกอยู่ที่การร่ำรวยของเด็กสาวคนนี้เกิดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกชาย ในราคาหุ้นละ 1 บาท ต่อจากนั้น นายพานทองแท้ ได้ขายหุ้นในราคา 1 บาทเช่นกัน ให้แก่ น.ส.พิณทองทา ที่เป็นน้องสาว แล้วมาอ้างว่าทำผิดอะไร ในเมื่อพ่อต้องการขายหุ้นให้ลูก ส่วนพี่ชายก็ต้องการขายหุ้นให้น้องสาว เพื่อการลงทุนในการทำธุรกิจ

นายประพันธ์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า คดีนี้ ผิดปกติตรงที่ความร่ำรวยของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการที่บรรดาลูกๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูด เพราะตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการชี้แจงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ วันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว กลับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าหลายเท่าตัว ทำให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าว ที่มีจำนวนถึง 76,000 ล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นว่า เงินที่เพิ่มขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการควบคุมองค์กรของรัฐ เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเอง ผลที่ได้ตอนนี้ คือ คนไทยได้เห็นคนในตระกูลชินวัตร ต้องมาแต่งนิยายสร้างเรื่องให้ยุ่งยาก

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า ครอบครัวชินวัตร ถือว่ามีความแปลก เพราะทีกับลูกชายและลูกสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นให้ในราคาหุ้นละ 1 บาท แต่ทีกับคนใช้หรือคนสวน กลับมีการถ่ายโอนหุ้นให้ถือครองฟรีๆ นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใจมาก ตนอยากบอกว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมาเก่งจริง ป่านนี้คนในตระกูลชินวัตร ได้ติดคุกกันหมดแล้ว เพราะมีความพยายามเล่นแร่แปรธาตุ ถ่ายโอนทรัพย์สินกันอยู่ตลอด

นายโสภณ กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจอยู่ได้ในแวดวงการเมือง ว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่ามีลิ่วล้อคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ทั้งครอบครัว เครือข่ายนักการเมือง ทหาร และตำรวจบางส่วน ซึ่งได้ใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง สยบได้แม้กระทั่งสื่อมวลชน ให้หันไปทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้แก่ตัวเอง โดยการใช้หว่านเงิน ใครๆก็ชอบ เพราะเป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ตราบใด พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเงินอยู่ เครือข่ายสนับสนุนก็ยังคงดำเนินต่อไป

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นอันตรายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะถ้าใครไม่ใช่พวกตนเอง ก็จะไม่ได้รับการเหลียวแลให้ลืมตาอ้าปาก นอกจากนี้ ยังถือเป็นของภัยต่อชาติ และเป็นภัยต่อความมั่นคง ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงขึ้นชื่อว่าเป็นภัยและเป็นอันตรายอันดับหนึ่งของประเทศไทยในทุกๆด้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น