xs
xsm
sm
md
lg

ศอ.รส.ประกาศปิด 3 เส้นทางรอบทำเนียบ-สี่เสาเทเวศร์ ห้ามม็อบแดงเฉียด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศอ.รส.ออกประกาศปิด 3 เส้นทางห้ามม็อบเฉียดใกล้ “ทำเนียบ-บ้านสี่เสาเทเวศร์” มอบดาบเจ้าหน้าที่มีอำนาจคลี่คลายสถานการณ์ได้ เมื่อมีความรุนแรงเกินกว่าที่ประกาศ ย้ำยึดหลักสากลจากหนักไปหาเบา พร้อมขอแรงทุกฝ่ายช่วยสอดส่องมือที่สามก่อเหตุ ลั่นไม่กระทบสิทธิขั้นพื้นฐาน

วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ นำโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.รวมทั้งในส่วนของตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.และหน่วยงานด้านความมั่นคงร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้นเวลา 17.30 น.ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม และได้มีการเผยแพร่เอกสารสรุปผลการประชุมที่ระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประกาศพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.2552 ในเขตพื้นที่ดุสิตนั้น ศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ขอเรียนยืนยันว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะไม่กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป และพี่น้องประชาชนที่จะมาเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ทั้งนี้ จะมีการใช้กฎหมาย 13 ฉบับ ร่วมกับกฎหมายที่ใช้อยู่ในสถานการณ์ปกติเป็นข้อกำหนดในการปฏิบัติงาน

ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้อนุมัติโครงสร้างอัตรากำลังของศอ.รส.และแผนการปฏิบัติงาน โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังต่อไปนี้ 1.โครงสร้างอัตรากำลังของ ศอ.รส.แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนควบคุมอำนวยการ และส่วนกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย โดยส่วนควบคุมอำนวยการประกอบด้วยผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจากหน่วยงานในสายงาน กอ.รมน.ทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปตามนโยบาย กล่าวคือ รอบคอบ เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามขอบเขตของกฎหมายและหลักการประชาธิปไตย ซึ่งการสั่งการในการปฏิบัติขั้นตอนต่างๆ จะมีฝ่ายกฎหมายร่วมให้ข้อพิจารณาในทุกประเด็น สำหรับส่วนกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นการบูรณาการกำลังจากพลเรือน ตำรวจ ทหาร “ทั้งนี้ เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านนอกสถานที่ราชการจะมีเพียงโล่กระบอง และอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนเท่านั้น ไม่พกพาอาวุธอื่นใดเพิ่มเติม”

2.แผนการปฏิบัติงานที่ 2 ขั้นตอน คือ ขั้นการป้องกันเหตุรุนแรงและขั้นการคลี่คลายสถานการณ์โดยขั้นการป้องกัน จะครอบคลุมภารกิจการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจและสายตรวจป้องกันการพกพาอาวุธมีการตรวจสอบพื้นที่และเส้นทางที่คาดหมายว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชั้นต้น รวมถึงจัดกำลังดูแลสถานที่ราชการสำคัญ ป้องกันการเผชิญหน้าของกลุ่มมวลชนต่างๆ พร้อมที่จะเข้ายับยั้งเหตุความรุนแรงในทุกรูปแบบ

“ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ศอ.รส.จึงขอประกาศกำหนดในการห้ามใช้เส้นทาง 3 เส้นทาง 1.บริเวณทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ ถนนนครปฐม (แยกเทวกรรม-สะพานชมัยมรุเชฐ) ถนนลูกหลวง (แยกเทวกรรม-จุดตัดกับถนนราชดำเนินนอก) และเส้นทางคู่ขนานของถนนราชดำเนิน ฝั่งติดรั้วทำเนียบรัฐบาล และประกาศกำหนดห้ามใช้เส้นทาง 2.เส้นทางบริเวณสโมสรทหารบก ได้แก่ เส้นทางคู่ขนานถนนศรีอยุธยา ฝั่งติดกับสโมสรทหารบก (แยกสี่เสาเทเวศร์-แยกหอประชุมกองทัพบก) และ 3.ซอยสามเสน 12 (ปากซอยด้านถนนสามเสน-สุดซอยด้านถนนราชสีมา) เพื่อสงวนเส้นทางดังกล่าวไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน”

สำหรับขั้นตอนการคลี่คลายสถานการณ์นั้น จะกระทำต่อเมื่อมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น หรือมีความพยายามที่จะฝ่าฝืนข้อห้ามต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศกำหนดไว้ โดยจะใช้มาตรการตามหลักสากลจากเบาไปหาหนักควบคู่ไปกับการชี้แจง การปฏิบัติในทุกขั้นตอนโดยคำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ

จากการประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับรายงานว่า การชุมนุมครั้งนี้จะมีการเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่บ้านพักของบุคคลสำคัญ สถานที่ราชการ ที่ทำการของรัฐ ที่ตั้งหน่วยทหาร ดังนั้น อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉกฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ปล่อยข่าวลือ-ข่าวลวง ที่นำไปสู่ความรุนแรงได้ ศอ.รส.จึงขอความกรุณาจากทุกฝ่ายทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปร่วมกันสอดส่องดูแลสังเกตสิ่งผิดปกติ รวมถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่อาจก่อให้เกิดเหตุร้ายความรุนแรงขึ้น หากพบเห็นกรุณาแจ้งเจ้าพนักงานใกล้ตัวท่านทราบ ตลอดจนขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกแขนงเข้ามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่และสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในการชุมนุม นำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและป้องกันความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ศอ.รส.ขอเรียนยืนยันว่า แม้จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในเขตพื้นที่ดุสิต แต่การชุมนุมโดนสันติปราศจากอาวุธยังคงกระทำได้ตามสิทธิเสรีภาพในรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไม่เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่เกินขอบเขตและขัดต่อข้อบังคับที่ประกาศไว้ อีกทั้งจะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่จะเป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงและสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่า การชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ทุกฝ่ายยังมีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองและจะไม่ทำสิ่งใดๆ ที่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ”
กำลังโหลดความคิดเห็น