“ประสงค์” แฉเบื้องลึก “มาร์ค” โดนขวางตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ สะท้อนอิทธิพลใน สตช.ต้องการรักษาระบบพวกพ้อง รักษาประโยชน์ตัวเอง จวกพวกอ้างข้อมูลพิเศษดันก้น “จุมพล” ยืนยันเบื้องสูงไม่เคยลงมาก้าวก่าย หรือทำนอกเหนือพระราชอำนาจ เชื่อ ถ้านายกฯ กล้าหาญยุติปัญหาได้ แนะฟันคนในพรรคที่สร้างความไม่เป็นเอกภาพ คาด “ธานี” คุมม็อบ 19 ก.ย.อยู่ แต่เตือนระวังกองกำลังพิเศษ ก่อวินาศกรรม-สังหารบุคคล สร้างเงื่อนไขชุมนุมยืดเยื้อ ชี้ “แม้ว” บอกพร้อมหย่าศึก ยิ่งต้องระวัง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ให้สัมภาษณ์
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ News Hour ทางเอเอสทีวี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ที่มีการเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ว่า เมื่อดูจากคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า ต้องการให้มีความเป็นเอกภาพกันก่อนนั้น แสดงว่า ไม่เฉพาะในคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ไม่เป็นเอกภาพ แต่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันก็ไม่เป็นเอกภาพด้วย ทำให้มองเห็นว่า การบริหารงานในภาวะวิกฤตของนายกรัฐมนตรียังเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งที่การตั้ง ผบ.ตร.ไม่ใช่งานใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นของสังคมต่อตัวนายกฯ ลดลงไป
น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังสะท้อนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยังมีอิทธิพลต่อฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินและเสถียรภาพของรัฐบาล ที่ผ่านมา หน่วยราชการแห่งนี้ ถือว่าทำงานล้มเหลว เต็มไปด้วยการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีแต่ข่าวเสียหาย โดยเฉพาะการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง สาเหตุที่ยังตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ไม่ได้ เพราะตำรวจส่าวนใหญ่เขาต้องการคนที่สามารถเป็นพวกของเขาได้ ซึ่งไม่ใช่คนดี เมื่อเป็นอย่างนี้ก็เสียหายหมด เพราะเราต้องการตำรวจมาดูแลประชาชน ไม่ใช่ดูแลพวกเดียวกันเอง ฉะนั้น การที่นายกฯ ยังแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้สะท้อนถึงอิทธิพลภายใน สตช.ที่ยังมีอยู่สูง และไม่ต้องการคนใดคนหนึ่งนอกจากคนที่เขาต้องการ
น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า ทำไมต้องเจาะจงเอา พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ทั้งที่สังคมรู้จักดีว่าเป็นนายตำรวจที่มีพื้นฐานเป็นมาอย่างไร มีสัมพันธ์สนิทแนบแน่นอย่างไร เส้นสายอย่างไร สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ และที่บอกว่า ถ้าไม่ใช่ พล.ต.อ.จุมพล ปัญหามันจะเกิด ยิ่งทำให้ตนรู้สึกว่า สตช.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้กับประชาชน นอกจากทำเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ทั้งที่ สตช.ไม่ควรจะเป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นหน่วยงานของราชการที่มีหน้าที่อำนวยความสงบสุขปลอดภัยให้ประชาชน
อดีต เลขาฯ สมช.กล่าวต่อว่า ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นมีครั้งไหนที่มีการตั้งผู้บัญชาการตำรวจหลังวันที่ 30 ก.ย.ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก และแม้จะเห็นใจนายอภิสิทธ์ที่ตกอยู่ในฐานะลำบาก แต่อยากบอกว่า ท่านเป็นนายกฯ ต้องคงสภาวะการนำ การตัดสินใจ ท่านต้องกล้าหาญและเด็ดขาด จุดไหนที่ไม่เป็นเอกภาพ ท่านต้องตรวจสอบให้ได้ เป็นต้นว่า ในวงการเมือง ใครที่ไม่เป็นเอกภาพ และไม่มีเหตุผลสมควร หรือไม่เป็นเอกภาพเพื่อรักษาประโยชน์ของพวกเขา ต้องมองให้ชัด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นเอกภาพไปทุกเรื่อง นอกจากการแต่งตั้ง ผบ.ตร.แล้ว โดยเฉพาะใน ครม.ของพรรคท่าน ท่านเป็นหัวหน้าต้องพูดให้เขาเข้าใจ ถ้าเขาไม่เข้าใจอีก ท่านต้องตัดสินใจทางการเมือง เพื่อรักษาพรรค รักษาเกียรติภูมิของท่านในวันข้างหน้า มิฉะนั้นท่านก็จะจบลงเพียงเท่านี้
ส่วนกรณีที่มีการอ้างเรื่องข้อมูลพิเศษที่ต้องการให้ พล.ต.อ.จุมพล เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คนพวกนี้ชอบแอบอ้างเบื้องสูงตลอดเวลา ที่ผ่านมา ตนพอทราบว่า เบื้องสูงไม่เคยลงมาก้าวก่าย หรือว่าทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในพระราชอำนาจของท่าน การแอบอ้างก็แอบอ้างไปได้ทั้งนั้น แต่ว่า ถ้าเราย้อนไปตรวจสอบจากพระราชดำรัสในหลวงบางครั้งบางคราว ในครั้งหนึ่ง ท่านเคยตรัสเรื่องการที่มีบุคคลไปแอบอ้างเบื้องบนอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นข้าราชการ นักการเมือง ประชาชนก็ดี อย่าดึงเบื้องสูงมากเกี่ยวข้องเลย แต่เรื่องนี้ถ้านายกฯ ใช้อำนาจจริงๆ ดำเนินการจะยุติปัญหาได้ เว้นแต่ว่า จะกล้าหรือไม่
การตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ยังไม่ได้จะส่งผลต่อการดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 ก.ย.นี้หรือไม่นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คงไม่ส่งผล นอกจากคนบางพวกที่เราเรียกว่าอำนาจใหม่ อาจจะคบคิดกัน ซึ่งก็จินตนาการกันไปได้ แต่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ขณะนี้ มี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการอยู่ ก็น่าจะดูแลได้ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า ถ้ามีการตั้ง ผบ.ตร.ขึ้นมาใหม่ เป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ไม่ใช่ พล.ต.อ.จุมพล ตามที่เขาต้องการ ก็อาจจะนำไปปลุกระดมคนของตัวเองในวงการตำรวจ ทำให้การปฏิบัติงานสับสนวุ่นวาย ทำให้เกียร์ว่างในบางจุด ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าผู้นำเข้มแข็งจริงๆ แล้วมีนายตำรวจอย่าง พล.ต.อ.ธานี รักษาการอยู่ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร
ส่วนการยึดอำนาจเพื่อล้มกระดานโดยใช้เหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย.นี้ เป็นเงื่อนไขจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า มีความต้องการของคนบางกลุ่มที่จะใช้เงื่อนไขความวุ่นวายในวันที่ 19 ก.ย.ให้ส่งผลกระทบจนรัฐบาลบริหารงานไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบดูคนที่มาชุมนุม 2-3 หมื่นนั้น ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไร แต่พวกที่จัดตั้งไว้ข้างนอก ซึ่งตนรู้จากการข่าวว่าจะมีการก่อความวุ่นวายจากข้างนอก ซึ่งคนที่จะก่อความวุ่นวายมันมี เพราะหวังลมๆ แล้งๆ ว่า จะล้มรัฐบาลด้วยวิธีการนอกระบบ
“แต่คนที่คิดอย่างนี้ เท่ากับฆ่าตัวตาย แม้จะมีคนถืออาวุธบางกลุ่มที่คิดอย่างนี้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่เอาด้วย ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า หรือหน้ามืดขึ้นมา ต้องการให้บางคนแก้ผ้าออกจากทำเนียบ ทำกันขึ้นมา ก็คงไม่สำเร็จ นอกจากทำให้บ้านเมืองต้องวุ่นวาย
“คนที่อยู่ในฝ่ายรักษาความมั่นคงส่วนใหญ่เขาไม่เออออห่อหมกด้วย มีแต่ส่วนน้อยที่รับอามิสสินจ้างเอาไว้ แต่ให้ระวังการก่อเหตุวุ่นวายทางสังคม เช่น ก่อวินาศกรรม หรือการลอบฆ่าต่างๆ ทำให้การชุมนุมยืดเยื้อออกไป ในสภาพรัฐบาลที่ไม่เป็นเอกภาพ นักการเมืองบางกลุ่มบางพวก เขาไม่ได้ซื่อสัตย์มั่นคงอะไร ทางไหนที่เขาจะได้ประโยชน์ ให้เขาเอาตัวรอดได้ เขาก็จะไปทางนั้น นี่เป็นคำเตือนด้วยความห่วงใยจากผม ในฐานะที่ผมติดตามข้อมูลข่าวสารมา” น.ต.ประสงค์ กล่าว และว่า โดยเฉพาะสถานที่ราชการที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องเดินออกจากตำแหน่งหน้าที่ หรือทำให้เขาต้องไปขึ้นศาล สถานที่เหล่านี้ต้องระวังให้ดี
กรณที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตเมื่อคืนวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยบอกว่า พร้อมที่จะขอหย่าศึกนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ที่พูดอย่างนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะเป็นการพูดเพื่อเปิดทางหนี แต่คนๆ นี้ สิ่งใดที่เขาพูดออกมาต้องคิดในมุมตรงข้ามเสมอ ถ้าเขาบอกว่าไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรง นั่นแหละเป็นจุดประสงค์ของเขา เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาเขาก็ตจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่เช่นนั้นจะให้มีการชุมนุมทำไม จะมีกองกำลังพิเศษขึ้นมา 3-4 หน่วยทำไม