xs
xsm
sm
md
lg

เฉิน สุ่ยเปียน โกงทั้งตระกูล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฉิน สุ่ยเปียน
"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย โชกุน


เรื่องเกิดที่ไทเป แต่สะท้านไปถึงหัวใจของคนที่อยู่ดูไบ เพราะว่าพฤติกรรมนั้นคล้ายกัน ชะตากรรมก็เหมือนกันคือ ถูกศาลพิพากษาจำคุก ข้อหาคอร์รัปชั่น ต่างกันตรงที่ คนที่ดูไบ ไม่ยอมติดคุก หนีออกนอกประเทศไปเสียก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ส่วนคนที่อยู่ไทเปหนีไม่ได้ เพราะถูกขังระหว่างการพิจารณาคดี

ในคำร้องคัดค้าน การปล่อยตัวชั่วคราว นายเฉิน สุ่ย เปียน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ซึ่งต้องข้อหารับสินบน ฟอกเงิน ปลอมแปลงเอกสาร โดยไม่มีหลักประกัน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2008 อัยการไต้หวันอ้างว่า เกรงว่า นายเฉิน จะหนีออกนอกประเทศ เหมือนผู้นำชาติอื่นที่ถูกดำเนินคดีคอร์รัปชั่น โดยยกตัวอย่าง นายอัลแบร์โต้ ฟูจิโมริ ผู้นำเปรู นายพาฟโล ลาซาเรนโกของยูเครน ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ และทักษิณ ชินวัตร แห่งประเทศไทย

สุดท้าย หลังจากที่มีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาเจ้าของคดีที่ให้ปล่อยตัวนายเฉินในตอนแรก ผู้พิพากษาคนใหม่ ก็กลับคำชี้ขาด ให้ขังนายเฉินไว้ในระหว่างดำเนินคดี

บ่ายวันศุกร์ ที่ 11 กันยายน 2552 ศาลไทเป อ่านคำพิพากษา ตัดสินว่า นาย เฉิน สุยเปี่ยน มีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาของอัยการคือ ยักยอกเงินของรัฐ ใช้ตำแหน่งหน้าที่กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัว, ปลอมแปลงเอกสาร, รับสินบน, และฟอกเงิน

ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 200 ล้านเหรียญไต้หวัน (6.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ริบสิทธิสาธารณะตลอดชีวิต

ศาลยังลงโทษนาง อู๋ ซูเจิน ภรรยาผู้พิการของนายเฉิน ในความผิดข้อหาเดียวกัน ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 300 ล้านเหรียญไต้หวัน (9.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) และริบสิทธิสาธารณะตลอดชีวิตเช่นกัน

โฆษกศาล แถลงเหตุผลที่ลงโทษหนักถึงจำคุกตลอดชีวิตว่า เพราะนายเฉินได้ใช้ภูมิหลัง และตำแหน่งหน้าที่ สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ

นายเฉินซึ่งประท้วงไม่มาฟังคำพิพากษา อ้างมาโดยตลอดนับตั้งแต่ถูกจับเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วว่า เขาถูกแก้แค้นทางการเมือง จากการดำเนินนโยบายเรียกร้องให้ไต้หวันแยกเป็นอิสระจากจีน ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีจาดปี 2000-2008

น่าจะเป็นเพียง ข้อแก้ตัวของคนโกงที่ไม่ยอมรับกรรม เพราะอัยการจะเล่นงานเขามาตั้งแต่นายเฉินอยู่ในอำนาจแล้ว แต่รัฐธรรมนูญไต้หวัน คุ้มครองไม่ให้ประธานาธิบดีต้องถูกดำเนินคดีอาญาระหว่างดำรงตำแหน่ง จึงต้องรอจนเขาลุกจากเก้าอี้เสียก่อน

ในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีอยู่นั้น ลูกเขาของนายเฉิน ถูกจับด้วยข้อหาใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 ภรรยาของเขาซึ่งเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงมาจากอุบัติเหตุถูกรถชน ถูกกล่าวหาว่า รับเช็คของขวัญจากห้างสรรพสินค่าโซโก้ เป็นค่าตอบแทนในการช่วยเจรจาปัญหาระหว่างผู้ถือหุ้น

นายเฉินและภรรยายังถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของไต้หวัน จับได้ว่า ปลอมแปลงเอกสาร ในการเบิกจ่ายจากกองทุนลับสำหรับภารกิจด้านต่างประเทศของประธานาธิบดี นอกจากนั้นแล้ว ยังมีหลักฐานการโอนเงินออกไปต่างประเทศด้วย

พรรคฝ่ายค้านคือ พรรคก๊กมินตั๋ง และภาคประชาชนของไต้หวัน รับไม่ได้กับผู้นำแบบมือถือสากปากถือศีล จึงออกมาเคลื่อนไหว กดดันให้นายเฉินลาออก เมื่อเสียงขับไล่ ดังขึ้นๆ นายเฉินแก้ปัญหาแบบเดียวกับอดีตนายกประเทศไทยเลยคือ โอนอำนาจการบริหารงาส่วนใหญ่ให้กับ นายกรัฐมนตรี เหมือนที่ นช.ทักษิณ เคยประกาศพักหน้าที่ นายกฯ เพื่ออ้างว่า ได้รับผิดชอบแล้วนะ แต่ยังยืนยันว่าไม่ยอมลาออก

ช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ เสียง “ ท้ากษิณออกไป” ดังก้องไปทั่วแผ่นดินไทยในปี 2549 นั้น ที่ไทเป ก็มีเสียง “ เฉินออกไป ๆๆๆๆ” ดังลั่นไปทั่วเกาะด้วย เมื่อคนไต้หวันนับล้านคน นัดกันใส่ “เสื้อแดง” มาชุมนุมขับไล่นายเฉิน แบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่ยืดเยื้อข้ามเดือนเหมือนการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

คนทำผิดแล้วพูดโกหกนั้น จับได้ไม่ยาก เพราะพูดทุกครั้งจะไม่เหมือนกัน นายเฉิน แรกๆก็ปฏิเสธ ต่อมาก็บอกว่า เป็นเรื่องของเมีย ตัวเองไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเมื่อจำนนต่อหลักฐานก็ขอโทษประชาชน เหมือนจะยอมรับ แต่พอศาลตัดสินก็บอกว่าถูกกลั่นแกล้ง

อย่างเช่น ข้อหาฟอกเงิน ซึ่งมีหลักฐานว่าภรรยาของเขาโอนเงินไปที่สวิสเซอร์แลนด์ ตอนแรกนายเฉินเล่นลิ้นว่า “ เงินเป็นกระดาษแห้งๆ จะไปล้าง ( ฟอก) ได้อย่างไร เงินไม่ได้สกปรก ไม่จำเป็นต้องฟอก (Money is dry, it cannot be washed (laundered); money is clean, not dirty, it does not need to be washed (laundered))

ในวันที่ 14 สิงหาคม 2008 หลังจากพรรคก๊กมินตั๋ง แถลงข่าวว่า มีจดหมายจากรัฐบาลสวิสขอให้ทางการไต้หวันช่วยสอบสวนการฟอกเงินด้วย ตอนเย็นวันเดียวกัน นายเฉินก็แถลงยอมรับว่า มีการโอนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาไปต่างประเทศ เป็นเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย เขาพูดว่า

“ ผมไม่สามารถโกหกตัวเองและผู้อื่นได้อีกต่อไป ผมตัดสินใจที่จะพูดความจริง ที่ผ่านมา ผมมีการกระทำที่ละเมิดต่อหลักนิติรัฐ และผมเต็มใจขอโทษต่อประชาชน สำหรับการทุจริตในการใช้จ่ายเงินหาเสียงเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาของผม ทั้งการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และการเลือกตั้งประธานาธิบดี”

แต่นายเฉินโทษเมียว่า เป็นคนโอนเงินไป โดยไม่บอกเขา

นายเฉิน ซึ่งตอนนี้อายุ 58 ปี เป็นลูกชาวนาจน จากภาคใต้ของเกาะไต้หวัน อาศัยที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนสูงสุดในจังหวัด จึงได้ทุนเข้ามาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ( Taiwan National University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จนจบกฎหมาย หลังจากนั้น เข้าทำงานในสำนักกฎหมายด้านพาณิชย์นาวีแห่งหนึ่ง และแต่งงานกับนางอู๋ ซูเจิน ลูกสาวนายแพทย์ผู้มั่งคั่ง

จุดเริ่มต้นของชีวิตทางการเมืองของนายเฉิน มาจากที่การเขารับเป็นทนายความให้ หัวหน้ากลุ่มสนับสนุนให้ไต้หวันแยกประเทศออกจากจีน ซึ่งก่อการประท้วงที่ท่าเรือเกาชิง จนถูกจับ เมื่อต้นทศวรรษ 1980 เมื่อคดีจบลงโดยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขากับลูกความก็ยังคงคบหากันและซึมซับเอาความคิดแบบชาตินิยม จนพัฒนาขึ้นเป็นกลุ่มการเมืองที่มีจุดยืน ต้องการให้ไต้หวันแยกเป็นอิสระจากจีน

ตอนนั้น ไต้หวันยังอยู่ภายใต้ กฎอัยการศึก มีพรรคการเมืองพรรคเดียวคือ พรรคก๊กมินตั๋ง ไม่มีพรรคฝ่ายค้าน มีแต่ขบวนการ “ ตังไหว” ซึ่งเป็นขบวนการของผู้ที่ไม่เอาพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งนายเฉินเป็นสมาชิกคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ

นายเฉินได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาเมืองไทเป ซึ่งเป็นเวทีการเมืองท้องถิ่น ในปี 1981 จนถึง ปี 1985 ระหว่างนั้น เขายังทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการนิตยสาร “โปร ฟอร์โมซา” และถูกฟ้องในข้อหมิ่นประมาท จากสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋งคนหนึ่ง ต้องติดคุกอยู่ 8 เดือน ในปี 1985

ปี 1994 นายเฉินชนะการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีไทเป ตอนนั้น ไต้หวันเลิกกฎอัยการศึกแล้ว มีการเมืองแบบประชาธิปไตย ที่มีพรรคการเมืองหลายพรรค นายเฉินสังกัดพรรค ประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ดีพีพี ( DPP- Democratic Progressive Party)

นายกเมืองไทเป คนใหม่ ดำเนินนโยบายอย่างเฉียบขาด ในการปราบปรามคอร์รัปชั่น ปิดซ่องโสเภณี แก้ไขปัญหาจราจร รื้อสลัมเพื่อสร้างสวนสาธารณะ

ด้วยบุคลิกที่เป็นคนโผงผาง เป็นนักพูดที่เข้าใจจิตวิทยามวลชนเป็นอย่างดี การขายภาพลักษณ์ผู้นำที่ติดดิน และ ความเป็นคนคิดนอกกรอบ นายเฉินจึงเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมสูง

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนายกเทศมนตรีครั้งต่อมา นายหม่า หยิง เจียว จากพรรคก๊กมินตั๋งได้รับชัยชนะ นายเฉินจึงเบนเข็มไปที่เวทีการเมืองระดับชาติ

เขาชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีไต้หวันอยู่สองสมัย จากปี 2004 -2008 เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่อำนาจหลุดจากพรรคก๊กมินตั๋ง ในระหว่างดำรงตำแหน่ง นายเฉินชูประเด็น นโยบายสองจีน ไต้หวันต้องเป็นอิสระอย่างแข็งกร้าว ซึ่งทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์จีน-ไต้หวันตึงเครียดขึ้นตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังอุดมการณ์ชาตินิยมก็คือ การทุจริต คอร์รัปชั่น อย่างมโหฬาร นายเฉินเป็นผู้นำคนแรกไต้หวันคนแรกที่ติดคุกในข้อหาคอร์รัปชั่น

นอกจากตัวเขา และภรรยาแล้ว ลูกสะใภ้-ลูกเขย และลูกน้อง ยังถูกพิพากษาลงโทษพร้อมกันด้วย และลูกชายกับลุกสาวของตัวเอง ก็ยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพัวพันกับการทุจริต คดีอื่นๆ ด้วย

โกงกันทั้งโคตร ทั้งตระกูลเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น