xs
xsm
sm
md
lg

ดรีมทีมที่กระทรวงการคลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย โชกุน


ปีนี้ กระทรวงการคลัง มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้าย ข้าราชการระดับสูง หลายตำแหน่ง เพราะว่า ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง มีอันเป็นไป หลุดจากตำแหน่ง ก่อนเวลาอันสมควร ถูกไล่ออกจากราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงทำให้ต้องมีการขยับตำแหน่งกัน ก่อนจะถึงฤดูกาลโยกย้าย มารอบหนึ่งแล้ว

ประกอบกับ มีผู้ที่อยู่ ในตำแหน่งใหญ่ๆที่ถึงวาระเกษียณอายุกันหลายคน การโยกย้ายในกระทรวงการคลัง จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ “ยกแผง – ผลัดแผ่นดิน”

แม้กระทรวงการคลัง จะเป็นกระทรวงหนึ่งในหลายกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องแบ่งอำนาจ ร่วมบริหารกับพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมใจไทย ชาติพัฒนา แต่ การโยกย้ายครั้งนี้ เป็นสิ่งสะท้อนว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใหญ่จริง เพราะตำแหน่งสำคัญๆ ล้วนมาจากการตัดสินใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว

ตำแหน่งสำคัญตำแหน่งแรก คือ อธิบดี กรมศุลกากร นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้รับการแต่งตั้งแทนนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ที่เกษียณอายุ กรมนี้ จัดอยู่ในเกรด ดีหนึ่งประเภทหนึ่ง ในระนาบเดียวกับ กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต เพราะเป็นกรมจัดเก็บรายได้ มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีนำเข้า และส่งออก

ที่ผ่านมา ใครจะมาเป็นใหญ่ที่นี่ต้อง “ เขี้ยว” พอตัว เพราะเป็นกรมที่มีผลประโยชน์มหาศาล ลายเซ็นของอธิบดี จัดว่ามีค่า มหาศาล การตัดสินใจของอธิบดีบางเรื่อง มีผลอย่างยิ่ง ต่อการตัดสินใจลงทุนของของอุตสาหกรรมใหญ่ๆ บางอุตสาหกรรม

อย่างเช่น รถปิกอัพ คอมมอนเรล ที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกในเวลานี้ แจ้งเกิดได้ก็เพราะว่า อดีตอธิบดีคนหนึ่ง ตัดสินใจลดภาษีชิ้นส่วนสำคัญของรถคอมมอนเรล ลงมา

บทบาทของอธิบดีกรมศุลกากรจึงมิใช่เพียงแค่ตั้งด่านเก็บภาษีสินค้านำเข้า และส่งออก ปราบของเถื่อน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องมี ความสามารถในการบริหารจัดการ ระบบภาษี ให้เป็นกลไกในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของชาติด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคของการค้าเสรี ที่จะต้องมีการลดกำแพงภาษีกันในเร็วๆ นี้

นายสมชัย อายุเพียง 48 ปี เป็นนักเรียนทุนรัฐบาล จบดอกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

นอกเหนือจาก ความสามารถ และอาวุโสถึงแล้ว เขาถูกส่งไปคุมกรมที่มีกิตติศัพท์ในเรื่องการคอร์รัปชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะคุณสมบัติ ในเรื่อง ใจซื่อ มือสะอาด ที่ผ่านมา ไม่เคยรู้จักกับพ่อค้าวาณิชคนไหน อันจะเป็นช่องให้มีข้อครหาในเรื่อง การต่อรองกันในเรื่องภาษี เพราะเติบโตมาในสายวิชาการคือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาโดยตลอด

กรมสรรพสามิต เป็นอีกกรมหนึ่ง ที่ใครๆก็อยากมานั่งเป็นใหญ่ เพราะเกี่ยวข้องกับ การจัดเก็บภาษีสุรา บุหรี่ น้ำมัน การพนัน มหรสพ และสินค้าอุปโภค บริโภคมากมาย ปีหนึ่งๆ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท

นายกรณ์เลือกเอา ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม มาแทนนางศิรินุช พิศัลยบุตร ที่เกษียณอายุราชการ

นายอารีพงษ์ ก็เป็นดอกเตอร์เหมือนกัน จบปริญญาเอกและโท ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย มีสซีสซิปปี้ และปริญญาตรีด้านการจัดการระหว่างประเทศจาก มหาวิทยาลัย บอสตัน สหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์ด้านงานวิชาการเกี่ยวกับ รัฐวิสาหกิจมาตลอดระยะเวลาท่ำงานในกระทรวงการคลัง จนถึงปัจจุบัน

สมัยที่ นายธารินทร์ นิมมาณเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขาได้รับมอบหมายจาก ม.ร.ว. จตุมงคล โสณกุล ปลัดกระทรวงการคลัง ให้ไปนั่งเป็นทีมงานหน้าห้อง รัฐมนตรี

คนที่ 3 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง แทนนายปิยะพันธ์ นิมมานเหมินท์ อายุ 50 ปี จบปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย นอร์ธ เวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา เติบโตในหน้าทีการเงิน ในสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาโดยตลอด เหมือนนายสมชัย

ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า จะได้เป็นอธิบดีไม่กรมศุลกากร ก็กรมสรรพสามิต แต่อาจจะเป็นด้วยบุคลิกที่คล่องแคล่วมาเกินไป หรือเปล่า นายกรณ์จึงจับให้มานั่ง ในกรมที่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับภาคธุรกิจเอกชน

คนที่ 4 นายสาธิต รังคสิริ อายุประมาณ 50 ปี จบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา รับราชการในกรมสรรพากร จนได้เป็นรองอธิบดี ตั้งแต่ปี 2547 และขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง ในปี 2552

เที่ยวนี้ ถูกโยกมาทำงานด้านวิชาการ เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แทนนายสมชัย

ทั้งสี่คนนี้ ถือว่า เป็น “เด็กสร้าง” ของกระทรวงการคลัง ในยุคนายพนัส สิมะเสถียร และนายอรัญ ธรรมโน เป็นปลัด ที่มีนโยบายสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ ที่มีแววดี ให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารในอนาคต ทั้งสี่คนนี้ เป็นคนยุคใหม่ มีการศึกษาดี แต่ละคนได้เห็น การตัดสินใจทางด้านนโยบาย ในช่วงที่เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกมีวิกฤติการณ์อย่างรุนแรง ได้เห็นบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของนโยบายการคลัง จากยุคที่นโยบายการคลังชี้นำเศรษฐกิจ มาสู่ยุคที่ให้กลไกตลาดเสรีเป็นผู้ขับเคลื่อน และกลับมา สู่ยุคที่ ต้องพึ่งการแทรกแซงของรัฐ อย่างทุกวันนี้ ได้เห็นความเสื่อมของระบบราชการ และความเห็นแก่ตัวของนักการเมือง จึงน่าจะเป็นที่คาดหวังได้ว่า จะนำประสบการณ์ และความรู้ มาสร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม ให้นักการเมืองนำไปใช้ ไม่ใช่รับนโยบายจากนักการเมืองมาปฏิบัติ เหมือนรุ่นพี่ๆ

ถ้าจะมีคนที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ น่าจะเป็น นายนริศ ชัยสูตร ซึ่งอาศัยบารมีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อนร่วมรุ่นธรรมศาสตร์ ข้ามฟากจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการ นายนริศ มีความหวังว่า จะได้เป็นอธิบดี กรมใหญ่สักกรมหนึ่ง โดยหวังพึ่งสายสัมพันธ์กับทีมงานหน้าห้องนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่สุดท้ายก็ได้เป็นแค่รองปลัดกระทรวงการคลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น