วอลเปเปอร์มั่นใจ ก.ต.ช.ยอมตั้ง ผบ.ตร.ตามใจ “มาร์ค” หลังเตือนให้เข้าใจถึงขอบเขตอำนาจหน้าที่ อัดยับ “สมาคม ตร.” ฟาดหัวฟาดหาง ชี้ “พัชรวาท” สมควรถูกเด้ง เหตุ 3 คดีจ่อฟัน จี้ “สุเทพ” ตั้ง กก.ลากคอคนซื้อขายตำแหน่ง หลังอนุ ก.ตร.ชี้มีมูล
วันนี้ (10 ก.ย.) นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการตำรวจแห่งชาติ (อนุ ก.ตร.) มีมติว่าการซื้อขายตำแหน่งตำรวจมีมูล โดยมี 9 นายพลเกี่ยวข้องว่า ค่อนข้างพอใจกับการทำงานของอนุ ก.ตร.เพราะถือว่าเป็นความพยายามกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีให้ตรง ซึ่งเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเป็นเรื่องคาใจและตำรวจส่วนใหญ่ก็อึดอัดมาตลอด คนที่มีความตั้งใจทำงานเสียสละเพื่อสังคมเพื่อประเทศ ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย ดังนั้น เมื่ออนุ ก.ตร.สรุปออกมาอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯควรมีการตั้งคณะกรรมการสอบต่อหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้มีการวิเคราะห์ว่ากรณีการซื้อขายตำแหน่งมีมูล จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจที่จะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงตามกฎหมาย และคณะกรรมการสืบสวนก็มีอำนาจหน้าที่ในการเรียกพยานทั้งในส่วน ที่เป็นเอกสารและบุคคล มาให้ข้อมูล แต่ส่วนตนถ้าคณะกรรการ ต้องการให้ข้อมูลก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล แต่ส่วนใหญ่ได้ให้ข้อมูลกับอนุ ก.ตร. ไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นการพิสูจน์ได้ว่าอย่างน้อยการโยกย้ายในปี 52 ที่กำลังจะมีขึ้นก็มีทิศทางไปในทางที่โปร่งใสและเป็นธรรม ยอมรับว่าทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น
เมื่อถามว่ามีการมองกันว่าเมื่อรัฐบาลจัดการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พ้นทางไปแล้วเรื่องจะเงียบไป นายศิริโชคกล่าวว่า ไม่ เพราะต้องทำตามกฎหมาย เมื่ออนุ ก.ตร.สรุปว่ามีมูลความจริงก็ต้องเร่งหาคนผิด
ต่อข้อถามว่าจะเป็นการมองว่าการเมืองรุมรังแก พล.ต.อ.พัชรวาท หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการรุมรังแก ซึ่งที่ผ่านมามีการปรามาสตนเยอะว่า ที่สุดแล้วผลสอบจะออกมาว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง แต่ อนุ ก.ตร.ก็เป็นข้าราชการตำรวจ มีจิตวิญญาณ ต้องการให้ตำรวจได้รับความเป็นธรรม จึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับฝ่ายการเมือง ไปรังแกตำรวจเพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจสอบตำรวจเอง
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นการปูทางให้นายฯเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ นายศิริโชคกล่าวว่า เป็นความบังเอิญและมีการผูกโยงกันเองมากกว่า เพราะนายกฯไม่สามารถสั่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติในวันที่ 7 ก.ย.ได้ ทั้งที่มีการเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของกระบวนการของกฎหมาย และในคดีนี้ก็มีนักกากรเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯ จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจดำเนินการให้ พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนที่สมาคมตำรวจออกมาตำหนิการใช้อำนาจของนายกฯ ที่สั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่สำนักนายกฯ นั้น นายศิริโชคกล่าวว่า การจะวิพากษ์วิจารณ์ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกกล่าวหาในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตงบประชาสัมพันธ์ สตช.18 ล้านบาท การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช มีมติว่ามีความผิดวินัย และอาญา การที่อนุ ก.ตร.ชี้มูลว่ามีการซื้อขายตำแหน่งช่วงที่เป็น ผบ.ตร. ดังนั้น ถือว่านายกฯ มีเหตุผลเพียงพอที่ใช้อำนาจให้มาช่วยราชการ โดยการดำเนินการทั้งหมด ตนไม่คิดว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกลียดพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับจะทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ ที่ถูกรังแกมาตลอดได้มีศักดิ์ศรีกลับคืนมา ซึ่งตนได้รับจดหมายและโทรศัพย์ขอบคุณ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อพวกเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่าต่อไปจะทำให้นายกฯ สามารถตั้ง ผบ.ตร.ง่ายขึ้นหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า เชื่อว่าถ้านายกฯ กำหนดวันประชุม ก.ต.ช.เมื่อไหร่ และเสนอชื่อใครนั้นจะได้เป็น ผบ.ตร เพราะได้มีการทำความเข้าใจกับ ก.ต.ช.ทั้งหมด ให้รู้ว่าขอบเขตอำนาจมีอะไรบ้าง เพราะตามกฎหมาย ก.ต.ช.มีหน้าที่เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ แต่ผู้มีอำนาจคัดเลือกคือนายกฯ ถ้าเข้าใจจะรู้ว่าแต่ละคนควรทำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมานายกฯ ได้คุยกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาไทย หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ได้คุยกันตลอดทั้งสองคนจะเข้าใจว่าสถานการ์คืออะไร เพราะอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน แต่ระบอบประชาธิปไตยย่อมมีความเห็นต่างกันได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะมีบทสรุปออกมาชัดเจน คือ ผบ.ตร.จะได้ตามที่นายกฯ เสนอ