ส.ว.สรรหา ที่ร่วมลงชื่อขอแก้ไข รธน.เรียงหน้าโต้สมชาย ปฏิเสธถูกข่มขู่ อ้างวุฒิภาวะชั้นยอด เชื่อไม่มีผลย้อนหลัง ขู่ฟ้องกลับเอาผิดตาม พ.ร.บ.ปปช.ม.65-66 ย้อนศรแสร้งไม่สบายเสียวหลังถูกยื่นถอดถอน
วันนี้ (9 ก.ย.) นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี แกนนำผู้รวบรวมรายชื่อ ส.ว.เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.ออกมาขู่จะยื่นถอดถอน ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า คิดว่าไม่น่าจะทำได้ เมื่อเรายื่นไปแล้ว ก็ถือว่าจบ รอการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมเท่านั้น ส่วนที่ระบุว่าการพูดจาข่มขู่ให้ ส.ว.สรรหา มาร่วมลงชื่อ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหน้าด้านดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 3 ปีนั้น ยังมองไม่เห็นว่าจะได้อะไรกับการทำเช่นนั้น ทุกคนก็มีวุฒิภาวะสูงด้วยกันทั้งนั้น คงรู้ว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไร และตั้งแต่ตนอยู่มาไม่เคยเห็นการข่มขู่ให้ร่วมลงชื่อ เห็นมีแต่ขู่ให้ถอนชื่อ ในสภานี้มีแต่เรื่องอย่างนี้ จนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่ที่สำนวนโวหารในการพูด ส่วนการขู่จะยื่นถอดถอนนั้น ไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะแค่เริ่มต้นเข้ามาเป็น ส.ว.วันแรก ก็มีการปล่อยข่าวแจกรถเบนซ์ เพื่อแลกตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่นี่ผ่านมาปีครึ่งแล้ว ยังตามรถเบนซ์ไม่เจอ และไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด มีมาถอนชื่อเพียง 2 คน คือ นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ส.ว.สรรหา และ นางเกศินี แขวัฒนะ ส.ว.พระนครศรีอยุธยา แต่พูดตรงๆ ว่า ถึงจะถอนชื่อตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร เพราะชื่อผู้เสนอก็ยังครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และถึงจะมีการถอดถอนคนที่ร่วมลงชื่อแต่แรก ก็ถือว่า ผลดำเนินการสำเร็จแล้ว ถึงจะถอนตอนหลังก็ไม่มีผล แต่ตนไม่ได้ว่าอะไร เป็นสิทธิและความสบายใจของแต่ละคน เมื่อถามว่า ขบวนการปล่อยข่าวที่ออกมามองว่าเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ดำเนินการไม่ได้หวังเครดิตอะไร แต่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้เท่านั้น เป็นธรรมดาใครอยากจะพูดอะไรโดยไม่รับผิดชอบก็ได้ เอาคำเขาเล่าว่ามาพูดแต่ข้อเท็จจริงไม่มี เมื่อถามว่ามีการยื่นเรื่องเป็นผู้รวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นถอดถอน ส.ส. ส.ว.แล้ว นายประสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังให้คนศึกษาข้อกฎหมายและดูว่าคนเสนอตนมีเจตนาไม่สุจริตหรือไม่ หากฟ้องได้ก็จะฟ้อง เรื่องจากผู้เสนอตนเป็นผู้ริเริ่มล่ารายชื่อ เป็นการปลุกปั่นประชาชน เท่าที่ทราบขณะนี้มีอยู่ 3 คนที่เข้าข่าย อาจดำเนินการตาม พ.ร.บ.ปปช.มาตรา 65-66 ต่อไป
ด้าน นางยุวดี นิ่มสมบุญ ส.ว.สรรหา หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 กล่าวถึงกระแสข่าวที่ ส.ว.เลือกตั้ง ขู่ ส.ว.สรรหาให้ลงชื่อในญัตติ ว่า ไม่เป็นความจริง ที่ตนลงชื่อไม่ได้มีการข่มขู่ แต่เห็นสอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากแนวคิดของนายกรัฐมนตรี และรัฐสภาตั้งขึ้น ซึ่งเจตนารมณ์ต้องการให้มีการเดินหน้า เพราะกรรมการสมานฉันท์ก็ได้ข้อสรุปมาแล้ว และการแก้ไขตนไม่ได้คิดเพื่อประโยชน์ของตนเองเลย การมาเป็น ส.ว.ได้ก็ถือว่าเกินความคาดหมายแล้วสำหรับตน ไม่คิดถึงประเด็นว่าอยู่ได้ 3 ปี หรือ 6 ปี แต่เมื่อมีข่าวขึ้นมาว่า ส.ว.ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง หรือถูกต่อว่า ก็รู้สึกไม่สบายใจ รวมทั้งจะมีการยื่นถอดถอนด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น
วันนี้ (9 ก.ย.) นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี แกนนำผู้รวบรวมรายชื่อ ส.ว.เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.ออกมาขู่จะยื่นถอดถอน ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า คิดว่าไม่น่าจะทำได้ เมื่อเรายื่นไปแล้ว ก็ถือว่าจบ รอการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมเท่านั้น ส่วนที่ระบุว่าการพูดจาข่มขู่ให้ ส.ว.สรรหา มาร่วมลงชื่อ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหน้าด้านดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 3 ปีนั้น ยังมองไม่เห็นว่าจะได้อะไรกับการทำเช่นนั้น ทุกคนก็มีวุฒิภาวะสูงด้วยกันทั้งนั้น คงรู้ว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไร และตั้งแต่ตนอยู่มาไม่เคยเห็นการข่มขู่ให้ร่วมลงชื่อ เห็นมีแต่ขู่ให้ถอนชื่อ ในสภานี้มีแต่เรื่องอย่างนี้ จนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่ที่สำนวนโวหารในการพูด ส่วนการขู่จะยื่นถอดถอนนั้น ไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะแค่เริ่มต้นเข้ามาเป็น ส.ว.วันแรก ก็มีการปล่อยข่าวแจกรถเบนซ์ เพื่อแลกตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่นี่ผ่านมาปีครึ่งแล้ว ยังตามรถเบนซ์ไม่เจอ และไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด มีมาถอนชื่อเพียง 2 คน คือ นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ส.ว.สรรหา และ นางเกศินี แขวัฒนะ ส.ว.พระนครศรีอยุธยา แต่พูดตรงๆ ว่า ถึงจะถอนชื่อตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร เพราะชื่อผู้เสนอก็ยังครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และถึงจะมีการถอดถอนคนที่ร่วมลงชื่อแต่แรก ก็ถือว่า ผลดำเนินการสำเร็จแล้ว ถึงจะถอนตอนหลังก็ไม่มีผล แต่ตนไม่ได้ว่าอะไร เป็นสิทธิและความสบายใจของแต่ละคน เมื่อถามว่า ขบวนการปล่อยข่าวที่ออกมามองว่าเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ดำเนินการไม่ได้หวังเครดิตอะไร แต่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้เท่านั้น เป็นธรรมดาใครอยากจะพูดอะไรโดยไม่รับผิดชอบก็ได้ เอาคำเขาเล่าว่ามาพูดแต่ข้อเท็จจริงไม่มี เมื่อถามว่ามีการยื่นเรื่องเป็นผู้รวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นถอดถอน ส.ส. ส.ว.แล้ว นายประสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังให้คนศึกษาข้อกฎหมายและดูว่าคนเสนอตนมีเจตนาไม่สุจริตหรือไม่ หากฟ้องได้ก็จะฟ้อง เรื่องจากผู้เสนอตนเป็นผู้ริเริ่มล่ารายชื่อ เป็นการปลุกปั่นประชาชน เท่าที่ทราบขณะนี้มีอยู่ 3 คนที่เข้าข่าย อาจดำเนินการตาม พ.ร.บ.ปปช.มาตรา 65-66 ต่อไป
ด้าน นางยุวดี นิ่มสมบุญ ส.ว.สรรหา หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 กล่าวถึงกระแสข่าวที่ ส.ว.เลือกตั้ง ขู่ ส.ว.สรรหาให้ลงชื่อในญัตติ ว่า ไม่เป็นความจริง ที่ตนลงชื่อไม่ได้มีการข่มขู่ แต่เห็นสอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากแนวคิดของนายกรัฐมนตรี และรัฐสภาตั้งขึ้น ซึ่งเจตนารมณ์ต้องการให้มีการเดินหน้า เพราะกรรมการสมานฉันท์ก็ได้ข้อสรุปมาแล้ว และการแก้ไขตนไม่ได้คิดเพื่อประโยชน์ของตนเองเลย การมาเป็น ส.ว.ได้ก็ถือว่าเกินความคาดหมายแล้วสำหรับตน ไม่คิดถึงประเด็นว่าอยู่ได้ 3 ปี หรือ 6 ปี แต่เมื่อมีข่าวขึ้นมาว่า ส.ว.ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง หรือถูกต่อว่า ก็รู้สึกไม่สบายใจ รวมทั้งจะมีการยื่นถอดถอนด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น