xs
xsm
sm
md
lg

ร่วมค้านฎีกาทักษิณดีกว่า

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

การที่กลุ่มคน “เสื้อแดง” พยายามที่จะถวายฎีกาโดยกระทำเพื่อให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นจากความผิดในคดีต่างๆ ทั้งๆ ที่กลุ่มเสื้อแดงก็ทราบโดยนัยว่า นอกจากจะไม่บังควรและระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาทแล้ว

คนพวกนี้ก็หาได้สำนึกไม่

อีกทั้งตัวคุณทักษิณและบริวารใกล้ชิดก็เป็นที่รู้กันดีว่า มิได้เคยมีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใดทั้งสิ้น เคยกล่าวบิดเบือนให้ร้ายราชวงศ์ และมีคดีความ บริวารจำนวนหนึ่งต้องหนีออกนอกประเทศอย่างชนิดหัวซุกหัวซุน

ทำไมคนเสื้อแดงจึงเอาบุคคลที่ป้ายสีสถาบันมาถวายฎีกาเป็นสิ่งที่คนไทยต้องตั้งคำถาม

โจทย์มีอยู่ว่า การถวายฎีกาเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งในการทำลายสถาบันหรือไม่ ในเมื่อพวกเขารู้ว่าอย่างไรเสียฎีกาก็จะไม่ผ่าน

เหตุผลง่ายๆ คือฎีกานั้น เจ้าตัวต้องการกระทำด้วยตนเอง ให้ทำแทนไม่ได้

และไม่ใช่เรื่องคนหมู่มาก แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวเท่านั้น

การนำคนหมู่มากเข้ามาเช่นนี้ เท่ากับเป็นการระดมข่มขู่สถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่?

ประการสุดท้าย ถ้าคนพวกนี้รู้ว่าฎีกาไม่ผ่านเขาหวังผลอะไร

ก็ต้องดูว่าเขาเกณฑ์คนหลายล้านให้รับรู้ว่าไม่มีความหวังต่อสถาบันใช่หรือไม่

อาชญากรเยี่ยงทักษิณ คนที่หนีคดี คนที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนแบบนี้หรือสมควรได้รับการอภัยโทษ

ก็เพราะเหตุนี้แหละประชาชนและข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ปัญญาชนและคนรากหญ้า เขาจึงต้องรวมตัวกัน

ค้านการถวายฎีกา

และใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ

คือมีลายเซ็นเสนอการค้านอย่างเป็นระบบ

ไม่กี่วันเท่านั้น มีคนร่วมลงชื่อแล้วเกือบ 4 ล้านคน

และคาดว่าไม่ถึงเดือน ก็จะมีคนประมาณ 10 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ


ทุกวันนี้ ขบวนการรวมตัวลงไปถึงรากหญ้าในระดับรากหญ้า แม้แต่ในโรงงานต่างๆ ก็เช่นกัน

ทุกจังหวัดมีโต๊ะให้ประชาชนได้รับความสะดวกที่จะเดินทางมาร่วมลงชื่อเหมือนคนไทยที่รักในหลวงทั่วประเทศในทุกจังหวัด

นี่คือการเคลื่อนไหวที่มาจากใจของคนและทำเพื่อสถาบัน

ไม่ได้ทำเพื่อคนคนเดียว ที่เป็นอาชญากรหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินได้ชี้แจงเรื่องที่มีการถวายฎีกาขออภัยโทษให้อดีตนายกฯ ทักษิณ โดยกล่าวว่า ข้าราชการคนใดที่ไม่เห็นด้วยสามารถลงชื่อคัดค้านได้เลย และจะเก็บรวมรายชื่อให้ได้ก่อนวันที่ 16 สิงหา ศกนี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจขัดต่อกฎหมายได้ ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมก็น่าที่จะเข้ามาดูแลด้วย

เรื่องเกี่ยวกับการถวายฎีกาและการคัดค้านจากประชาชนก็มีเท่านี้แหละครับ

ผมเองเห็นว่าการไปกำหนดจะรวมชื่อแค่วันที่ 16 ส.ค. นั้นมันเร็วเกินไป เพราะยังมีประชาชนอีกมากที่ไม่ทราบว่าจะเดินทางไปลงชื่อที่ไหน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ นี่แหละ

สำหรับรัฐบาลนั้น ผลงานก็ไม่ได้เข้าตาประชาชนเท่าไรนักโดยเฉพาะเศรษฐกิจ นี่ก็ว่าจะเอาใจข้าราชการ โดยเกิดจะมีการแจกโบนัสกันอีก ไม่รู้ว่าเป็นความคิดใคร

การแจกโบนัสนั้นถือว่าเป็นเงินรางวัลครับ

ธุรกิจเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ เขาทำกันให้เป็นขวัญกำลังใจโดยดูจากผลประกอบการ และเป็นการผลักดันให้เป็นการทำงานให้ดีขึ้น

ส่วนใหญ่บริษัทจะตั้งเป้าผลดำเนินการ

การที่ทำเกินเป้าหมาย และเงินโบนัสก็เกิดจากเงินที่ทำได้เกินเป้านี่แหละ

รัฐวิสาหกิจนำมาใช้ก็เนื่องจากมีการตั้งเป้าหมายเช่นกัน โดยตั้งยอดขายไว้ ซึ่งการตลาดมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้ยอดขายขยายตัว เพราะมีการส่งเสริมการตลาดที่ดี พวกฝ่ายขายก็ส่งเสริมการขาย เช่น การลดราคา และแจกแถมผลิตภัณฑ์เป็นแรงกระตุ้นให้คนมาซื้อสินค้าของตนแทนที่จะไปซื้อของคู่แข่ง

สำหรับข้าราชการนั้น ผมยังนึกไม่ออกว่าจะตั้งเป้าอะไรไว้ เพราะข้าราชการนั้นทำงานในระบบรูทีน (routine) หรืองานประจำซึ่งเป็นงานในระบบปกติ และก็ไม่ได้ทำแบบคนเดียวเสียที่ไหน มีคนทำส่งเป็นทอดๆ บางงานนั้นแค่อ่านแล้วเซ็นชื่อส่งต่อกันเท่านั้น

อย่างนี้ให้โบนัสไม่ได้หรอก

การที่ผลงานไม่เข้าตาประชาชน แทนที่จะหาโครงการดีๆ ทำ รัฐบาลนี่พิลึก

คิดว่าประชาสัมพันธ์ไม่ดีก็เลยจะเปลี่ยนโฆษกขึ้นมางั้นแหละ

เป็นการ “เกาไม่ถูกที่คันนะครับ”

เพราะถ้างานไม่ดีจริงๆ ต่อให้ประชาสัมพันธ์ปากเปียกปากแฉะอย่างไร มันช่วยไม่ได้

สิ่งที่รัฐบาลต้องทำก็คือ ต้องรู้จักตัวเอง เมื่อรู้จักตัวเอง ก็ต้องดูว่าผลงานที่ทำมานั้นมันมีผลได้ผลเสียอย่างไร และข้าราชการเขาร่วมมือด้วยดีหรือไม่

ของอย่างนี้มันไม่ต้องให้มีใครมาสอนหรอก

มันต้องรู้ๆ กันอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ตั้งมาเก่าแก่ และเคยบริหารประเทศมาแล้วก็หลายสมัยมีคนเก่งก็แยะ

แต่เก่ง ทำงานไม่เป็นก็แย่นะ
กำลังโหลดความคิดเห็น