ASTVผู้จัดการรายวัน-“สุเทพ”เห็นชอบตั้งสถานีตำรวจย่อยในสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ “Police Airport” ดูแลความปลอดภัยแก้ปัญหาในพื้นที่สนามบิน เพื่อความคล่องตัว โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวให้ดำเนินการในพื้นที่สนามบินแบบเบ็ดเสร็จ พอใจมาตรการเข้มงวด ปราบไกด์ผีแท็กซี่เถื่อนให้ 9.5 จากเต็ม 10
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรรมการ และผู้บริหาร บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อติดตามแนวทางการแก้ปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมอบหมายวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกับแนวทางที่ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอให้มีการยกฐานะสถานีตำรวจภูธรย่อย ราชาเทวะ ที่ทำการในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ มีอัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจของตัวเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาคดีความที่อาจเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถดำเนินการได้จบภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะก็จะไปดูแลงานพื้นที่นอกท่าอากาศยานแทน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ทอท. ร่วมกันดำเนินการ โดย ทอท.เป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ และช่วยเหลือด้านงบประมาณส่วนหนึ่ง แต่ในขณะนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าสถานีตำรวจดังกล่าวจะขึ้นกับส่วนกลาง หรือตำรวจภูธรภาค 1
นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา 4 ข้อ เช่นการจับกุมไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน การแก้ไขปัญหาลักขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสาร และป้ายร้านค้าบอกขอบเขตพื้นที่ของคิง เพาเวอร์ ซึ่งมาตรการเหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.ขณะนี้มีผลดำเนินการน่าพอใจ ถือว่าได้คะแนน 9 ครึ่ง เต็มสิบ
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ ซึ่งมีอัตรากำลังพล 200 นาย แต่ต้องดูแลพื้นที่กว้างใหญ่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ โดยตำรวจต้องพลัดเปลี่ยนตรวจตรา มีกำลังพล เพียงพลัดละ 50 นาย ซึ่งบางครั้งไม่เพียงพอที่จะดูแลงานทั้งภายในภายนอกอาคารผู้โดยสาร ซึ่งการจัดตั้งสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิขึ้นมา จะช่วยให้มีอัตรากำลังเพียงพอ ในขณะเดียวกันก็จะสามารถกำหนดคุณสมบัติของตำรวจที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ที่สุวรรณภูมิ เช่น เป็นกำลังพลที่มีความสามารถเรื่องภาษาต่างชาติ ที่จะเกิดประโยชน์ต่อการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวด้วย
ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ จะมีลักษณะการทำงานแบบตำรวจประจำท่าอากาศยาน หรือ “Police Airport” ซึ่งที่ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องการกำลังพลที่มาทำหน้าที่ดังกล่าวนานแล้ว เนื่องจากปัญหาส่วนหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ด้านความปลอดภัย คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ทอท.ที่สุวรรณภูมิไม่มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายพิเศษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีอำนาจดังกล่าว แต่หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉพาะเข้ามาดูแลในพื้นที่ ก็ถือว่าตรงกับความต้องการของ ทอท.มากที่สุด
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า หลังจากดีเดย์ตามแผนปฎิบัติการปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่มาให้บริการโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.52 จนถึงวันนี้ มีแท็กซี่ผีจำนวน 601 ราย ไกด์ผีจำนวน 300 ราย นอกจากนี้ จะเตรียมรายงานการแก้ปัญหาอื่นๆ อาทิ ปัญหากรีดกระเป๋าผู้โดยสาร กระเป๋าสัมภาระสูญหาย เป็นต้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรรมการ และผู้บริหาร บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อติดตามแนวทางการแก้ปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมอบหมายวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกับแนวทางที่ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอให้มีการยกฐานะสถานีตำรวจภูธรย่อย ราชาเทวะ ที่ทำการในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ มีอัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจของตัวเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาคดีความที่อาจเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถดำเนินการได้จบภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะก็จะไปดูแลงานพื้นที่นอกท่าอากาศยานแทน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ทอท. ร่วมกันดำเนินการ โดย ทอท.เป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ และช่วยเหลือด้านงบประมาณส่วนหนึ่ง แต่ในขณะนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าสถานีตำรวจดังกล่าวจะขึ้นกับส่วนกลาง หรือตำรวจภูธรภาค 1
นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา 4 ข้อ เช่นการจับกุมไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน การแก้ไขปัญหาลักขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสาร และป้ายร้านค้าบอกขอบเขตพื้นที่ของคิง เพาเวอร์ ซึ่งมาตรการเหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.ขณะนี้มีผลดำเนินการน่าพอใจ ถือว่าได้คะแนน 9 ครึ่ง เต็มสิบ
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ ซึ่งมีอัตรากำลังพล 200 นาย แต่ต้องดูแลพื้นที่กว้างใหญ่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ โดยตำรวจต้องพลัดเปลี่ยนตรวจตรา มีกำลังพล เพียงพลัดละ 50 นาย ซึ่งบางครั้งไม่เพียงพอที่จะดูแลงานทั้งภายในภายนอกอาคารผู้โดยสาร ซึ่งการจัดตั้งสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิขึ้นมา จะช่วยให้มีอัตรากำลังเพียงพอ ในขณะเดียวกันก็จะสามารถกำหนดคุณสมบัติของตำรวจที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ที่สุวรรณภูมิ เช่น เป็นกำลังพลที่มีความสามารถเรื่องภาษาต่างชาติ ที่จะเกิดประโยชน์ต่อการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวด้วย
ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ จะมีลักษณะการทำงานแบบตำรวจประจำท่าอากาศยาน หรือ “Police Airport” ซึ่งที่ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องการกำลังพลที่มาทำหน้าที่ดังกล่าวนานแล้ว เนื่องจากปัญหาส่วนหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ด้านความปลอดภัย คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ทอท.ที่สุวรรณภูมิไม่มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายพิเศษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีอำนาจดังกล่าว แต่หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉพาะเข้ามาดูแลในพื้นที่ ก็ถือว่าตรงกับความต้องการของ ทอท.มากที่สุด
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า หลังจากดีเดย์ตามแผนปฎิบัติการปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่มาให้บริการโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.52 จนถึงวันนี้ มีแท็กซี่ผีจำนวน 601 ราย ไกด์ผีจำนวน 300 ราย นอกจากนี้ จะเตรียมรายงานการแก้ปัญหาอื่นๆ อาทิ ปัญหากรีดกระเป๋าผู้โดยสาร กระเป๋าสัมภาระสูญหาย เป็นต้น