นางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประพรรควัานนี้ (1กย.) ว่า ได้มีการพูดถึงประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเห็นชอบใน 2 มาตรา ที่มาจาก 6 ข้อของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงให้วิปของพรรคไปนำเสนอต่อที่ประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 2 ก.ย.นี้ว่าพรรคเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 และประเด็นที่มา ส.ส.ขอให้เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว เพราะหลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ เข้าสู่สภาฯ แล้ว ก็ขอให้เร่งนำประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรานี้เข้าสู่สภาด้วย พร้อมทั้งกำชับให้ส.ส.เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงในวันพุธที่ 2 ก.ย.นี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าหลังจากที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นทวงถามถึงการแก้ปัญหาบ้านเมืองของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯกับรัฐบาลนั้น ล่าสุดได้มีความพยายามเดินเกมของทั้ง 2 สภา ทั้งสภาบน หรือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสภาล่าง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อให้ส.ส.และส.ว.เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตัวแทนของ ส.ส.ที่ทำการล่ารายชื่อคือนายสมเกียติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มพล.ต.อ.ประชา พรมนอก พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นผู้ประสาน ส.ส.เพื่อให้เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าหากแก้ ส.ส.จะได้ประโยชน์ในมาตรา 265 ส.ส.สามารถเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี และเลขานุการรัฐมนตรีได้
ส่วนสภาบน นายประสิทธิ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี เป็นประสานงานล่ารายชื่อ และวิ่งล๊อบบี้ ส.ว.สรรหาโดยระบุว่าหากเห็นด้วยก็จะได้ประโยชน์ในการแก้รัฐธรรมนูญ ในมาตราที่มาของ ส.ว.สรรหาจะได้อยู่ครบ 6 ปีและกับการแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ กลุ่ม 40 ส.ว.ว่า กลุ่ม 40 ส.ว.หารือกันในเรื่องที่มี ส.ว.บางคนเดินสายล่ารายชื่อเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 297 ที่ให้ ส.ว.สรรหามีอายุครบ 6 ปี ซึ่งขณะนี้นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ที่ร่วมเซ็นรายชื่อด้วยพบว่ามี 20 คนแล้ว แต่เท่าที่คุยกันในกลุ่มยังไม่เห็นร่างที่นำมาให้ ส.ว. เซ็น ทั้งนี้กลุ่ม 40 ส.ว.ยืนยันจุดยืนยังชัดเจนและเหมือนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่าถาหากจะแก้ต้องแก้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักเท่านั้น
นายสมชาย กล่าวว่า การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำของส.ว. บางคนเท่านั้น ยังมีกลุ่ม ส.ส.บางกลุ่มโดยให้นายสมเกีรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มนาย ประชา พรมนอก พรรคเพื่อไทย ออกมาล่ารายชื่อ ส.ส.ให้เห็นด้วยกับการแก้รับธรรมนูญเช่นกัน ซึ่งทำให้สอดรับกับการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมาทวงถามการแก้ปัญหาบ้านเมืองของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการสมานฉันท์คืบหน้าไปอย่างไร ซึ่งการกระทำครั้งนี้เป็นเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพื่อจะให้กระแสการแก้รัฐธรรมนูญร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
การทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการสมานฉันท์แต่อย่างใด แต่จะเป็นเพียงการแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2552 ผ่าน กลุ่มคนเหล่านี้จะขับเคลื่อนในช่วงนี้ให้สอดรับกับเดือนตุลาคม ที่มีคนประกาศว่าเดือนตุลาคมจะเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น จึงอยากเตือน ส.ว.ที่ไปลงเซ็นชื่อด้วย ลองคิดดูว่าส.ว. ที่นำร่างมาให้เซ็นนั้นมีเจตนาดีหรือไม่
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้ในช่วงที่บ้านเมืองสงบ เรียบร้อยดี เพราะตนเชื่อว่าพอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภา ก็จะเข้าไปกระกบกับร่างของ นพ. เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ที่มีเนื้อหาให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เพราะจะมีประชาชนอีกกลุ่มอออกมาเคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าหลังจากที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นทวงถามถึงการแก้ปัญหาบ้านเมืองของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯกับรัฐบาลนั้น ล่าสุดได้มีความพยายามเดินเกมของทั้ง 2 สภา ทั้งสภาบน หรือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสภาล่าง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อให้ส.ส.และส.ว.เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตัวแทนของ ส.ส.ที่ทำการล่ารายชื่อคือนายสมเกียติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มพล.ต.อ.ประชา พรมนอก พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นผู้ประสาน ส.ส.เพื่อให้เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าหากแก้ ส.ส.จะได้ประโยชน์ในมาตรา 265 ส.ส.สามารถเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี และเลขานุการรัฐมนตรีได้
ส่วนสภาบน นายประสิทธิ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี เป็นประสานงานล่ารายชื่อ และวิ่งล๊อบบี้ ส.ว.สรรหาโดยระบุว่าหากเห็นด้วยก็จะได้ประโยชน์ในการแก้รัฐธรรมนูญ ในมาตราที่มาของ ส.ว.สรรหาจะได้อยู่ครบ 6 ปีและกับการแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ กลุ่ม 40 ส.ว.ว่า กลุ่ม 40 ส.ว.หารือกันในเรื่องที่มี ส.ว.บางคนเดินสายล่ารายชื่อเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 297 ที่ให้ ส.ว.สรรหามีอายุครบ 6 ปี ซึ่งขณะนี้นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ที่ร่วมเซ็นรายชื่อด้วยพบว่ามี 20 คนแล้ว แต่เท่าที่คุยกันในกลุ่มยังไม่เห็นร่างที่นำมาให้ ส.ว. เซ็น ทั้งนี้กลุ่ม 40 ส.ว.ยืนยันจุดยืนยังชัดเจนและเหมือนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่าถาหากจะแก้ต้องแก้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักเท่านั้น
นายสมชาย กล่าวว่า การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำของส.ว. บางคนเท่านั้น ยังมีกลุ่ม ส.ส.บางกลุ่มโดยให้นายสมเกีรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มนาย ประชา พรมนอก พรรคเพื่อไทย ออกมาล่ารายชื่อ ส.ส.ให้เห็นด้วยกับการแก้รับธรรมนูญเช่นกัน ซึ่งทำให้สอดรับกับการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมาทวงถามการแก้ปัญหาบ้านเมืองของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการสมานฉันท์คืบหน้าไปอย่างไร ซึ่งการกระทำครั้งนี้เป็นเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพื่อจะให้กระแสการแก้รัฐธรรมนูญร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
การทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการสมานฉันท์แต่อย่างใด แต่จะเป็นเพียงการแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2552 ผ่าน กลุ่มคนเหล่านี้จะขับเคลื่อนในช่วงนี้ให้สอดรับกับเดือนตุลาคม ที่มีคนประกาศว่าเดือนตุลาคมจะเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น จึงอยากเตือน ส.ว.ที่ไปลงเซ็นชื่อด้วย ลองคิดดูว่าส.ว. ที่นำร่างมาให้เซ็นนั้นมีเจตนาดีหรือไม่
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้ในช่วงที่บ้านเมืองสงบ เรียบร้อยดี เพราะตนเชื่อว่าพอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภา ก็จะเข้าไปกระกบกับร่างของ นพ. เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ที่มีเนื้อหาให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เพราะจะมีประชาชนอีกกลุ่มอออกมาเคลื่อนไหว
