กก.สมานฉันท์ศึกษาแก้ไข รธน.มีมติสรุปข้อเสนอ เปลี่ยนที่มา ส.ส.กลับไปใช้สภา 500 เขตเดียวเบอร์เดียว-ปาร์ตี้ลิสต์ ตามม รธน.ปี 40 เมินเสียงครหาเอื้อประโยชน์กลุ่มนายทุนครอบงำพรรค ฝ่ายบริหารกำกับฝ่ายนิติบัญญัติ
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาประเด็นที่มาของ ส.ส.โดยที่ประชุมมีความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย โดยกรรมการฯซีกรัฐบาลต้องการให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบรวมเขตเรียงเบอร์และระบบสัดส่วน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2550 ขณะที่กรรมการฯ ฝั่งพรรคเพื่อไทยต้องการให้กลับไปใช้แบบระบบเขตเดียวเบอร์เดียวและระบบบัญชีรายชื่อซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2540
โดย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องที่มา ส.ส.ไม่มีทางตกผลึก เพราะระบบบัญชีรายชื่อและสัดส่วนยังไม่ได้เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองของไทยเท่าใดนัก ทั้งนี้ เชื่อว่าระบบรวมเขตเรียงเบอร์ไม่มีเจตนาต้องการให้รัฐบาลอ่อนแอแน่นอน เพราะการร่างรัฐธรรมนูญไม่มีใครต้องการให้เกิดรัฐบาลผสมเพื่อให้มีรัฐบาลอ่อนแอ แต่ระบบเขตเดียวเบอร์ทำให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรง เพราะเป็นระบบการเลือกตั้งที่ทำให้มีการเลือกตั้งเกิดการแข่งขันรุนแรง
“ถ้าเราต้องการความสมานฉันท์ต้องไม่เอาระบบเขตเดียวเบอร์เดียว เพราะจะเป็นการสร้างการเผชิญหน้า และไม่มีวันที่จะสร้างความสมานฉันท์ แต่ถ้าเป็นระบบรวมเขตเรียงเบอร์จะสร้างความประนีประนอมมากกว่า โดยที่ประชาชนในเขตนั้นอาจจะเลือก ส.ส.ต่างพรรคผสมกันก็ได้ แบบนี้จะสร้างความสมานฉันท์และลดการเผชิญหน้ามากกว่า” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายไพจิต ศรีวรขนาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ระบบเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาประชาธิปไตยด้วย เพราะถ้าพรรคการเมืองอ่อนแอเท่ากับว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ระบบอื่นเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้ ขณะเดียวกัน ไม่เห็นด้วยกับระบบบัญชีรายชื่อแบบรัฐธรรมนูญ2540เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้นายทุนเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง แต่ควรให้ภายในพรรคมีการแบ่งกลุ่มอาชีพให้ชัดเจนภายในพรรคว่า ควรมีสัดส่วนเท่าไหร่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิเลือก
ด้าน นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ตัวแทนจากภาควิชาการกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพมาก รัฐสภาจะอ่อนแอ เพราะฝ่ายบริหารจะควบคุมการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้เหมือนระบบการเมืองในประเทศสิงค์โปร์ และมาเลเซีย ตอนนี้คิดแต่ว่าให้รัฐบาลมีเสถียรภาพเท่านั้น แต่ควรต้องมีระบบเพื่อให้รัฐสภามีความเข้มแข็งด้วย สำหรับการแก้ไขปัญหาซื้อเสียงไม่ว่าจะเป็นเขตเล็กหรือเขตใหญ่ต่างก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกันทั้งนั้น เพราะมีแรงจูงใจในความต้องการที่จะเข้าสู่อำนาจเป็นสำคัญที่ต้องมี ส.ส.เป็นฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เปิดโอกาสให้กรรมการฯ ได้แสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวกว่า 2 ชั่วโมง นายดิเรกได้สรุปความเห็นว่า กรรมการฯส่วนใหญ่ให้น้ำหนัก ในเรื่องที่มาของ ส.ส.ว่าควรที่จะเปลี่ยนไปใช้แบบรัฐธรรมนูญปี 2540 คือระบบเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และระบบบัญชีรายชื่อ