xs
xsm
sm
md
lg

อนุฯ ปฏิรูปการเมือง กร่างหนักเล็งเสนอตัดอำนาจ กกต.-ศาล โวยอำนาจล้นฟ้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุฯปฏิรูปการเมือง เสนอตัดอำนาจ กกต.-ศาลการเมือง โวยอำนาจล้นฟ้าอันตราย “อนุสรณ์” เสนอบรรจุหลักสูตรการเมืองสอน นร.นายร้อย ลั่นดาลปฏิวัติ ถกยังไม่จบเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง จากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว “นิพิฏฐ์” แทงกั๊กนิรโทษ 109 ได้แต่ห้ามคืนชีพ 111

วันนี้ (14 พ.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการปฏิรูปการเมือง มี นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา เป็นประธาน เพื่อพิจารณากรอบโครงสร้างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเมือง รวมทั้งบทบาทหน้าที่และที่มาขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดย นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร อนุกรรมการ กล่าวว่า อำนาจหน้าที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ กกต.เหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้า และผลการดำเนินการน่ากลัว องค์กรเหล่านี้จำเป็นต้องปรับปรุงหรือไม่ อยากเสนอให้มีศาลเลือกตั้งเพื่อถ่วงดุลอำนาจ กกต.เพื่อตัดสิทธิ์ทางการเมองของนักการเมือง ขณะที่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อนุกรรมการ จากพรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนว่า เห็นด้วยที่จะให้มีศาลเลือกตั้ง เพื่อถ่วงดุลอำนาจ กกต.และที่มาขององค์กรอิสระต้องมาพูดกันใหม่ว่าควรมีที่มาอย่างไร และอยากเสนอให้รัฐสภาจัดหลักสูตรประชาธิปไตยให้กับโรงเรียนนายร้อยประจุลจอมเกล้าฯ เพื่อฝึกทหารให้เป็นทหารอาชีพ เพื่อปิดประตูตายการทำรัฐประหารอีก

เช่นเดียวกัน นายสุเทพ เจตนาการณ์กุล อดีตประธานศาลอุทธรณ์ อนุกรรมการจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็เห็นด้วยว่าองค์กรอิสระมีอำนาจมากเกินไป เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินเพียงศาลเดียว ขณะที่ที่มาของตัวบุคคลได้คิดรอบด้านแล้วหรือยัง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังการถกเถียงถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เกี่ยวกับบทลงโทษให้ยุบพรรค โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรลงโทษเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิด ไม่ควรยุบพรรคเพราะถือว่าพรรคเป็นของประชาชน โดย นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีนิด้า อนุกรรมการจากพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า หากจะให้ลงโทษเฉพาะกรรมการที่กระทำผิดก็ทำได้ แต่ควรกำหนดบทลงโทษให้หนักขึ้น โดยจากตัดสิทธิ์ 5 ปี เป็น 15 ปี เพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงการกำหนดที่มาของ ส.ส.ในระบบเขตที่รัฐธรรมนูญ 50 กำหนดให้เป็นแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ โดยกรรมการยังเห็นแตกต่างกันว่า ควรจะมีการแก้ไขให้เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ โดย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง อนุกรรมการจากพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นว่า การกลับไปเลือกแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชน ส่วนประเด็นมาตรา 237 เรื่องยุบพรรค และการนิรโทษกรรมนั้น เห็นด้วยหากจะนิรโทษกรรมเฉพาะบุคคลใน 109 เพราะกติกาเพิ่งออกมาเมื่อปี 2550 ขณะที่บุคคลใน 111 เป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อน 19 กันยาฯ และบุคลเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่ากติกาเป็นอย่างไรแต่ก็ยังทำผิด จึงไม่ควรนิรโทษกรรมให้ ขณะที่นาย เจริญ จรรย์โกมล อนุกรรมการจากพรรคเพื่อไทย เห็นแย้งว่าควรแก้ไขกลับไปใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียวเหมือนปี 2540
กำลังโหลดความคิดเห็น