“โฆษกมาร์ค” ไม่บ้าจี้ตามข้อเสนอ “นช.แม้ว” เปิดเจรจานายกฯ กวักมือเรียกกลับมาติดคุกก่อน ปล่อยเกียร์ว่างตรวจสอบซื้อขายเก้าอี้พ่อเมือง ชี้เป็นหน้าที่ มท. “บุรณัชย์” อ้อน พธม.อย่าเคลื่อนทัพ ยัน รบ.ได้ยินเสียงเรียกร้องทุกอย่าง
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จัดการรายวิทยุโจมตีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในหลายประเด็นว่า รัฐบาลไม่เคยหนีความจริง โดยไม่ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อรัฐบาลพร้อมเผชิญความจริงตลอด แต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองกลับตีกรรเชียงอยู่ต่างประเทศ และไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนักโทษที่ใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสาร สร้างความเสียหายให้แก่รัฐบาลและประเทศ ซึ่งมีความก้าวหน้ากว่ากฎหมายไทย จึงไม่สามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ แต่ในอนาคตคงต้องสะสางกฎหมายให้เอาผิดกับผู้ไม่หวังดีใช้เทคโนโลยีสื่อสารสร้างความเสียหายให้แก่ชาติ รวมถึงการสร้างภาพว่าพยายามจะสร้างสมานฉันท์อ้อนว่าอยากคุยกับนายกฯ นั้น ยืนยันว่านายกฯ พร้อมจะไปคุยกับผู้ต้องหาที่กลับมารับผลตามคำพิพากษาเข้าไปอยู่ในคุก หากไปคุยตอนนี้นายกฯอาจทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินคดีกับนักโทษ
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ที่บอกว่ารู้สึกเห็นใจกับสภาวการณ์ของนายกฯ ที่ไม่สามารถบริหารประเทศได้นั้น อยากถามว่าเป็นการนำมาตรฐานไหนมาวัด ถ้าเอาเรื่องขีดความรู้ความสามารถตนเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์สามารถบริหารประเทศได้ แต่ถ้าเอาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันมาจับนายกฯ ไม่มีเกณฑ์มาตรฐานในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการโยกย้ายข้ารากชารนั้น รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวกเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มีธรรมาภิบาลเพียงพอ
เมื่อถามว่ามีข่าวการซื้อขายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด พรรคประชาธิปัตย์จะตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่หรือเห็นว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจึงปล่อยไป นายเทพไทกล่าวว่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงชัดเจนแล้ว เรื่องนี้ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ผู้รับผิดชอบในกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงตัวนายกฯ เมื่อถามย้ำว่า นายอภิสิทธิ์มีภาพลักษณ์ที่สะอาด แต่กลับเกิดเรื่องนี้ขึ้น จะกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานชัดเจนก็ยื่นข้อมูลมาได้ แต่เบื้องต้นต้องให้ความเป็นธรรมกับกระทรวงมหาดไทยก่อน
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคทราบถึงความคาดหวังของประชาชนต่อการใช้เวทีรัฐสภาแก้ปัญหาวิกฤต และแก้รัฐธรรมนูญ แต่ทางพรรคเห็นอุปสรรคต่อแนวทางที่จะเป็นทางออกของประเทศใน 3 ส่วน คือ 1.กรณีที่พรรคฝ่ายค้านเพิ่มเติมประเด็นที่นอกเหนือจากข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ โดยเสนอมาตรา 278 เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมาตรา 309 ที่อยู่ในบทเฉพาะกาล ซึ่งจะมีผลย้อนหลังไปถึงคดีอาญาที่ดำเนินการมาตามรัฐธรรมนูญปี 40 ให้มีผลเป็นโมฆะ อันจะทำให้เกิดข้อขัดแย้งกว่าการแก้ไขมาตรา 237 ที่ขัดแย้งกันมากอยู่ในขณะนี้ 2.การเคลื่อนไหวนอกสภาเป็นเกมการเมืองที่พยายามปลุกขึ้นมา โดยเฉพาะการพูดยุยงปลุกเร้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนก็อยากจะรู้ถึงความจริงใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคิดอย่างไร และ 3.หลายฝ่ายเป็นห่วงถึงบรรยากาศการเคลื่อนของกลุ่มการเมืองอื่น โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยันไว้ตรงนี้ว่ารัฐบาลรับทราบถึงข้อห่วงใยของกลุ่มพันธมิตรฯ เราได้ยินเสียงของท่าน และพึงตระหนักอยู่ตลอดว่าการกระทำใดๆ ต้องมีคำตอบให้กับสังคมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตรงนี้เป็นจุดยืนของพรรคอยู่แล้ว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงของนายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตนักแสดงดาวร้าย ที่ใช้กำลังและความรุนแรงต่อ ผอ.ศูนย์เลือกตั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคเพื่อไทยนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะต้องไปจัดการกันเอง และต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้แทนที่พรรคเพื่อไทยจะควบคุม แต่โฆษกพรรคเพื่อไทยกลับให้ท้ายชื่นชม คนที่กระทำรุนแรง ซึ่งจะเป็นผลเสียแก่สังคมที่จะเกิดการเลียนแบบในหมู่เยาวชนได้ และบุคคลที่ก่อเหตุก็เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง แสดงให้เห็นว่ายังมีการนิยมใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แม้แต่คนกันเองยังแก้ด้วยความรุนแรงเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นพื้นฐานจิตใจที่จะทำให้เกิดลักษณะที่จะก่อให้ความรุนแรงแก่บ้านเมือง จึงขอให้พรรคเพื่อไทยรีบจัดการ