xs
xsm
sm
md
lg

“สาทิตย์” บี้ อสมท หาทางออก ปล่อย “ทักษิณ” จ้อป่วน แฉมีผู้หญิงหนุนหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ
“สาทิตย์” ปฏิเสธแทรกแซงอสมท. แบน "นช.แม้ว”อ้างเป็น “นักโทษการเมือง” ปล่อยให้พล่ามให้ร้ายประเทศไม่ได้ ลั่นต้องไม่เกิดขึ้นอีก โยนผู้บริหารตัดสินใจเอง จะให้ “จอม เพชรประดับ” อยู่หรือไป แฉมี “ผู้หญิงจากดูไบ” โทรมาบอกก่อนให้ “ทักษิณ”โฟนอิน



วันนี้ (7 ก.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลไม่พอใจกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามายังรายการวิทยุ คลื่น100.5 อสมท.เมื่อวันที่ 6 ก. ย.ที่ผ่านมาว่า ข่าวที่ออกมาผิดพลาดเยอะที่บอกว่ามีหน้าห้องของตนไปขอไฟล์เสียง หรือตนหงุดหงิดถึงขั้นโทรศัพท์ไปสอบถามนั้นยืนยันว่าไม่มี เพราะเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ตนอยู่ที่ จ.ตรังก็มีประชาชนโทรศัพท์มาบอก หลังจากนั้นตนก็ได้ติดตามเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร เรื่องนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก อสมท.แล้วว่าเมื่อวานนี้มีการประชุมผู้บริหาร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และก็มีการรายงานให้ตนทราบในฐานะที่กำกับดูแล อสมท. เบื้องต้นต้องบอกว่าตนเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนและไม่เคยเข้าไปแทรกแซง การทำงาน แต่กรณีดังกล่าวนี้แตกต่างจากกรณีทั่วไป

นาย สาทิตย์ กล่าวว่า การที่นายจอม เพชรประดับ ผู้จัดรายการให้สัมภาษณ์ว่า ทำหน้าที่สื่อ และสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นฝ่ายค้านก็เคยสัมภาษณ์เช่นกัน ตนก็ต้องบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายอภิสิทธิ์นั้นต่างกัน ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีอาญาแผ่นดิน และมีหมายจับรวมถึงหมายจับที่ผ่านตำรวจสากลทั่วโลกด้วย และเป็นบุคคลที่ต้องการตัวของทางการไทยเพื่อให้กลับมารับโทษตามกระบวนการ ยุติธรรม ดังนั้นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เวลาให้สัมภาษณ์จึงไม่ใช่นักการเมืองปกติ แต่เป็นการให้สัมภาษณ์โดยเป็นปฏิปักษ์ต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยโดยตรงเป็น การประณามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการให้ร้ายประเทศไทย และเป็นการให้ร้ายกับสถาบันองคมนตรีด้วย ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ก็เป็นเรื่องที่แม้ว่าตนจะเคารพการทำหน้าที่ของสื่อแต่ก็ต้องคำนึงถึงผล กระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศด้วย

นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้แยกออกเป็นสองประเด็น โดยตนพูดคุยกับทาง อสมท.ว่า 1.กรณี รายการที่เกิดขึ้นแล้ว มีการให้สัมภาษณ์ไปแล้ว นายจอมก็ไม่ใช่พนักงานของ อสมท. แต่เป็นรายการของ อสมท. ดังนั้นก็ขอให้ อสมท.ไปดำเนินการภายใน ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะตนก็เคารพการเป็นมืออาชีพของ อสมท. เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งต้องดำเนินการโดยรับผิดชอบต่อการบริหารองค์กรตนเอง แต่ประเด็นที่ตนได้ย้ำคือ กรณีที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า อสมท.ก็ควรจะมีมาตรการในการกำกับดูแลไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง เหตุการณ์เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็จะรอผลการดำเนินการของอสมท. และ2.เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้อีก เพราะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นกรณีมีผลต่อสถานการณ์ของประเทศโดยตรง และเป็นเรื่องที่อาจทำให้สถานการณ์ซึ่งสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เกิดลุกลามบานปลายได้

เมื่อถามว่า การห้ามบุคคลที่ถูกคำตัดสินของศาลให้สัมภาษณ์สื่อนี้ใช้กฎหมายข้อใด นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้สื่อก็ทราบดีอยู่แล้ว เช่น กรณีนักโทษประหารก่อนเข้าหลักประหาร ก็จะไม่มีการสัมภาษณ์เพราะการสัมภาษณ์นักโทษก็ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม การสัมภาษณ์นักโทษประหารก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน จึงสามารถถือปฏิบัติได้ และทุกฝ่ายก็รับทราบกรณีนี้อยู่แล้ว ต่อข้อถามว่าจะถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแบนไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนใช้คำว่าต้องป้องกันและใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้กรณีนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะอย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีใครรู้ที่อยู่แน่นอน การติดต่อเข้ามา การรู้ที่อยู่นั้น จะมีคำถามต่อมาอีกเยอะในทางกฎหมายว่ารู้และติดต่อกันได้อย่างไร และการมาพูดให้ร้ายประเทศไทย และกระบวนการยุติธรรม สถาบันองคมนตรี โดยผ่านคลื่นความถี่ของรัฐไทย ตนคิดว่าทุกฝ่ายทราบดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถทำได้

เมื่อ ถามว่ามีการกำหนดเงื่อนไขและระยะเวลาให้ผู้บริหารอสมท.พิจารณาตัดสินใจหรือ ไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขให้เป็นเรื่องภายใน เพราะ อสมท.ต้องรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ในฐานะเป็นสื่อมวลชน ที่เป็นองค์กรที่ใช้คลื่นความถี่ของรัฐในการดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังการแสดงความรับผิดชอบของผู้บริหาร อสมท.มากน้อยแค่ไหน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าสื่อก็ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ดำเนินการไป ดังนั้นตนถือว่าเป็นเรื่องภายในเพราะว่า เพราะก็มีระยะห่างระหว่างรัฐมนตรีที่กำกับดูแล อสมท.กับการบริหารงานของ อสมท.อยู่ แต่อย่างไรก็ตามคลื่นความถี่ทั้งหมดที่ใช้นั้นเป็นคลื่นสาธารณะก็ต้องมีความ รับผิดชอบ ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่การเข้าไป แทรกแซงสื่อแต่อย่างใด แต่เราจะปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณแทรกแซงความสงบสุขของประเทศไทยโดยใช้สื่อของรัฐมาเป็นเครื่อง มือทางการเมือง คงปล่อยอย่างนั้นไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่าต้องไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ถือเป็นคำขาดจากรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น หรือกรณีที่มีผลกระทบต่อการสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับสถาบันในประเทศไทย เพราะถ้าเราไปดูรายละเอียดถ้อยคำ ก็เป็นถ้อยคำที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้อยคำเหล่านี้ควรจะใช้ในศาล ควรมาพิสูจน์ความจริงกันในศาล ไม่ใช่กล่าวหากระบวนการศาลของไทยและองคมนตรี หรือแม้แต่กระทั่งรัฐบาลไทย ประเทศไทยผ่านทางสื่อของรัฐ ดังนั้นตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบเบื้องต้นของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้า เบื้องหลังหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นเรื่องภายในของ อสมท. ตนก็เคารพในความเป็นมืออาชีพของ อสมท. แต่ตนอยากบอกไปถึงประชาชนว่ารัฐบาลก็กังวลเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตการณ์ช่วง เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา การที่ พ.ต.ท.ทักษิณวีดีโอลิงค์และโฟนอินเข้ามานั้น ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงบานปลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งราจะปล่อยให้สถานการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นไม่ได้อีก เพราะเรื่องนี้ก็ใกล้เคียงกับที่มีการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจอมออกมาระบุว่าจะขอรับผิดชอบเองไม่อยากให้ อสมท.ได้รับผลกระทบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะนายจอมจะได้เข้าใจว่า การทำหน้าที่ของตัวเองมีผลกระทบอย่างไร ซึ่งตนก็คิดว่าสามารถใช้หลักความรับผิดชอบทั่วไปได้ ความจริงนายจอมกับตนก็รู้จักกัน เคยคุยกัน แต่กรณีนี้มีผลกระทบจริง ๆ เมื่อถามว่า มองว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณในลักษณะนี้สวนทางกับการที่ระบุว่า พร้อมเจรจากับรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ข้อนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนอยู่แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความประสงค์ที่จะเคลื่อนไหวต่อไป เพราะถ้อยคำที่ให้สัมภาษณ์ก็เป็นปฏิปักษ์กับรัฐ กระบวนการยุติธรรม สถาบันองคมนตรีอย่างชัดเจน รัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เรื่องเสรีภาพของสื่อนั้นเราเคารพ แต่เราจะปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณที่อยู่ในสถานะนักโทษหนีคดีมาใช้สื่อของรัฐ เป็นเครื่องมือแทรกแซงความสงบสุขของประเทศไม่ได้

เมื่อถามว่า โอกาสในการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายสุเทพ เทือกสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนแล้ว เมื่อถามว่า แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดประตูให้อย่างนี้แล้วรัฐบาลจะติดต่อเพื่อเจรจาหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า คงต้องถามนายสุเทพ เพราะดูแลด้านความมั่นคง แต่รัฐบาลนั้นมองเป้าหมายความสงบสุขของประเทศเป็นหลัก อะไรที่เราสามารถทำได้เราก็พร้อมทำ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เพราะปาก พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าอยากเจรจาแต่การดำเนินการนั้นไม่ใช่ ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งห้ามไม่ให้มีการชุมนุมได้แต่ก็ไม่ทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้กับนักจัดรายการอื่น ๆ หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประเด็นข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่าที่ทราบก็มีข้อสังเกตเยอะ เช่นที่ระบุว่ามีการติดต่อกันมาก่อนหลายเดือนแล้ว ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบน่าจะอยู่ช่วงเดือน เม.ย.

“จากการสืบทราบข้อเท็จจริงภายในทราบว่ามีผู้หญิงโทรมาจากประเทศดูไบบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าสาย ซึ่งเรื่องนี้ผู้จัดสามารถใช้ดุลพินิจได้อยู่แล้วในเรื่องของความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาได้ เพราะหากโดนคดีหมิ่นศาลจะไม่ใช่แค่ผู้จัดรายการเท่านั้น แต่จะขยายวงไปไกลกว่านั้นและจะมีผลกระทบทางกฎหมายใหญ่มาก ซึ่งตนคิดว่าสื่อรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ต่อข้อถามว่าจะเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บริหาร อสมท.เหมือนกับกรณีสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน เพราะของช่อง 11 เป็นเรื่องความบกพร่อง ที่เกิดจากการทำหน้าที่หลายครั้งติดต่อกัน แต่กรณี อสมท.นี้ ผู้บริหารใหม่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ไม่ครบอาทิตย์ด้วยซ้ำ ส่วนจะมีการถอดรายการของนายจอมออกจากผังรายการหรือไม่แล้วแต่ อสมท.
กำลังโหลดความคิดเห็น