นักโทษหนีคุกได้ประเด็นด่า “มาร์ค” ยกเหตุสอบ “จอม เพชรประดับ” เหน็บแนมไหนว่าสื่อมีเสรีภาพ อ้างคำ “มหาตมะคานธี” ให้สู้ด้วยความจริงและความรัก สวนทางกับพฤติกรรมตัวเองที่ชอบสั่งปิดสื่อ ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหามาตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยและนักโทษคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างการหลับหนี ได้โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ Thaksinlive ล่าสุดถึงกรณีให้สัมภาษณ์ นายจอม เพชรประดับ ผู้ดำเนินรายการเอกซ์คลูซีฟ ทางเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมาว่า “ผมให้สัมภาษณ์คุณ จอมไปเมื่อเช้านี้ได้ข่าวว่าตอนนี้รัฐบาลสั่งสอบกันให้วุ่น สั่งเก็บเทปไม่ให้เผยแพร่ ไหนว่าสื่อมีเสรีภาพ รัฐบาลอย่ากลัวความจริง”
ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้โพสต์ชื่มชมการสัมภาษณ์สดทางวิทยุของนายจอม เพชรประดับว่า “คำถามแรงดีมาก แต่ก็สบายใจที่มีโอกาสได้อธิบายเรื่องทีถูกปล่อยข่าวผิดๆ ด้านเดียวมาตลอด”
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความอีกว่า “มหาตมะคานธีพูดว่า ทุกครั้งที่สิ้นหวังก็จะหวนนึกถึงประวัติศาสตร์ พบว่าชัยชนะที่ได้มาจากการใช้ความรุนแรง ไม่ยั่งยืน ต้องสู้ด้วยความจริงและความรัก” และได้โพสต์ต่อว่า “ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งและขอแนะนำผู้ที่หวังอยากให้บ้านเมืองสงบ คนไทยเป็นหนึ่งเดียวต้องกล้าเผชิญความจริงหันหน้าเข้าหากันเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน”
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความล่าสุดด้วยว่า “การพูดข้างเดียวรังแกกันข้างเดียว คือ การปฏิเสธหลักแห่งความจริง และความรัก ย่อมไม่สามารถนำมาซึ่งความสันติสุขได้ แต่กลับเพิ่มความเจ็บแค้นชิงชังขึ้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์ไว้ในทวิตเตอร์นั้น ล้วนแต่ตรงกันข้ามกับการกระทำของเขาเองที่ผ่านมาทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่อ้างคำพูดของมหาตมะคานธีที่ว่าให้สู้ด้วยความจริงและความรักนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำตรงกันข้ามมาตลอด เพราะในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจนั้นได้ปิดบังความจริงด้วยการแทรกแซงสื่อ สั่งปิดรายการที่แสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามรัฐบาล ใช้ ปปง.เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งสื่อมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล สั่งห้ามสื่อของรัฐเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์นักการเมืองฝ่ายค้าน รวมทั้งให้คนใกล้ชิดทำการข่มขู่สื่อมวลชนที่เสนอข่าวไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เป็นต้น มิหนำซ้ำ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่กล้าสู้ความจริงด้วยการหนีคดีทุจริตที่ถูกกล่าวหา และมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว 1 คดีเป็นเวลา 2 ปี โดยอ้างว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม แต่ขณะเดียวกันกลับมอบหมายให้ทนายความใช้กระบวนการทางศาลฟ้องร้องเอาผิดฝ่ายตรงข้ามตัวเอง
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังนิยมใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัดตอนผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อนับพันคน การอุ้มฆ่าในพื้นที่ภาคใต้ การสังหารหมู่ที่มัสยิดกรือเซะ และที่ อ.ตากใบ เป็นเหตุให้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้บานปลาย การรู้เห็นเป็นใจให้พนักงานป่าไม้ใช้ความรุนแรงก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สวนลุมพินี การให้เจ้าหน้าที่และนักโทษคดียาเสพติดทำร้ายประชาชนที่หน้าห้างเวิลด์เทรด การจัดตั้งม็อบชาวบ้านจากต่างจังหวัดเพื่อเตรียมทำร้ายพันธมิตรฯ ในวันที่ 20 ก.ย.49 เป็นต้น