“เพื่อไทย” เสี่ยงถูกยื่นยุบพรรค “วรวัจน์” อ้างคลิปเสียง “มาร์ค” มีตัดต่อแค่ 3 จุด เนื้อความสำคัญไม่ถูกตัดต่อ เตรียมนำเป็นหลักฐานยื่นถอดถอนนายกฯ อ้างเลื่อนลอย เสียงนายกฯ ในคลิปกับในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ไม่ตรงกัน
วันที่ 5 ก.ย.ที่พรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง แถลงว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้เชิญ พ.ต.ท.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช จากกองพิสูจน์หลักฐานมา โดยได้นำหลักฐานเอกสารมาให้ให้คณะกรรมการตรวจสอบฯ พบว่าเอกสารรายงานการตรวจพิสูจน์คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการสร้างสถานการณ์ เพื่อสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน มีการตัดต่อคลิปเสียงน้อยมากเพียง 3 จุด แต่เนื้อหาสาระการพูดก็อยู่ครบถ้วน แสดงให้เห็นว่าคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีแทบไม่มีการตัดต่อ หรืออาจไม่มีการตัดต่อ แต่มีเสียงตกร่องจากการไอ จึงทำให้เส้นเสียงเหมือนผิดปกติ
นายวรวัจน์อ้างอีกว่า การที่นายกฯ ชี้แจงว่าเป็นการตัดต่อนั้น ตนได้นำคำที่อ้างนั้นมาตรวจสอบเช่น คำว่า “การปฏิบัติการที่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ” โดยเอาคำว่า “ปฏิบัติการ” และคำว่า “รุนแรง” มาต่อกัน ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับเสียงคลิปที่บอกว่าตัดต่อกับต้นฉบับจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พบว่าจะคนละเรื่อง ดังนั้น นายกฯ โกหกกลางสภาไม่ใช่เรื่องจริง นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า การวิเคราะห์คลื่นเสียงพบว่าเครื่องอัดเสียงที่ใช้เป็นเครื่องเก่า และเป็นไปได้ว่าหลุดน่ามาจากฝ่ายยุทธการของกองทัพ
นายวรวัจน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเอกสารหลักฐานถ้อยคำต่างๆ ของนายกฯ ที่เป็นเสียงนายกรัฐมนตรีที่สั่งการสลายการชุมนุมจริง ซึ่งพรรคได้รวบรวมจะนำไปการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 270 แห่งรัฐธรรมนูญโดยจะให้วุฒิสภาตรวจสอบภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งคิดว่าหลักฐานจะเพียงพอแล้วต่อการถอดถอน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายกฯจะพูดอย่างไรคงจะโกหกสภาอีกไม่ได้ จึงขอให้นายกฯ ออกมาชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวว่าจะดำเนินการอย่างไร
นายวรวัจน์กล่าวว่า หน่วยงานที่นายกฯ อ้างมาว่าให้พรรคเพื่อไทยไปตรวจสอบ เราได้ตรวจสอบหมดแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้หน่วยงานอื่นมาประกอบ ซึ่งจะทำให้นายกฯ ไม่เชื่อถือ พรรคจึงนำหลักฐานในหน่วยงานที่นายกฯ ขอให้ตรวจสอบมายืนยัน จึงไม่น่าจะมีหน่วยงานใดที่นายกฯจะอ้างให้ตรวจสอบอีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับคลิปเสียงดังกล่าวได้มีการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ว่าเป็นคลิปเสียงที่ผ่านการตัดต่อโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่ซับซ้อนนัก และมีการตัดต่อประมาณ 50 กว่าจุด โดยนำเสียงจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ วันที่ 19 และ 26 เมษายน 2552 เป็นหลัก เพื่อใช้ในการตัดต่อ โดยตัดบางข้อความออกไปและนำมาเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดในตัวนายกรัฐมนตรี และในการตอบกระทู้ถามในสภาเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้นำหลักฐานการพิสูจน์คลื่นเสียงจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ มาเปรียบเทียบกับเสียงในคลิปเพื่อยื่นยันว่ามีคลื่นเสียงตรงกันด้วย
ทั้งนี้ เมื่อมีหลักฐานยืนยันว่าคลิปเสียงดังกล่าวมีการตัดต่อแล้ว การที่พรรคเพื่อไทยจะนำเอาคลิปเสียงเดียวกันนี้ไปเป็นหลักฐานยื่นถอดถอนนายกฯ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคเนื่องจากมีการนำหลักฐานที่เป็นเท็จไปใช้กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษ และจงใจเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
