3 เกลอหัวขวด “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลื่อนการชุมนุมป่วนเมืองจากวันที่ 5 ก.ย.ไปเป็นวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร เหิมหนัก! เตรียมปลุกระดมคนเสื้อบุกบ้าน “ป๋าเปรม”
วันนี้ (4 ก.ย.) นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่แกนนำ นปช.มีมติเลื่อนการชุมนุมออกไปอีกครั้งหนึ่ง โดยนายวีระกล่าวว่า หลังจากกลุ่ม นปช.เลื่อนการชุมนุมจากเดิมในวันที่ 30 สิงหาคม มาเป็นวันที่ 5 กันยายน เนื่องจากวันที่ 30 สิงหาคม อยู่ในช่วงที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่เขตดุสิต ที่ประชุมแกนนำ นปช.จึงมีมติให้เลื่อนการชุมนุมในวันที่ 5 กันยายน ออกไปอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรอวันที่ 19 กันยายน ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร ดังนั้น ในวันเสาร์ที่ 5 และ 12 กันยายนนี้ ไม่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวันที่ 19 กันยายน กลุ่ม นปช.จะชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าอย่างแน่นอน ก่อนเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยังหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ต่อไป
“วรวัจน์”แถได้อีก อ้างคลิป"มาร์ค"พิรุธสั่งปราบแดงจริง
เมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการตรวจสอบการสลายการชุมนุมบริเวณดินแดง แถลงภายหลังประชุมพิจารณาเกี่ยวกับคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีว่าที่ประชุมได้เชิญ พ.ต.ท.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช จากกองพิสูจน์หลักฐาน สตช.และ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนนท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าชี้แจงให้ข้อมูลในเรื่องนี้ ที่ประชุมได้รับทราบในส่วนของ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ได้สรุปการตรวจสอบด้วยระบบเครื่องออร่าซิตี้ พบว่ามีการตัดต่อ 62 จุดกลุ่มเสียง
ขณะที่ในส่วนเอกสารของ กองพิสูจน์หลักฐานได้นำข้อมูลการตรวจสอบเพิ่มเติมในรายละเอียด จากรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ซึ่งที่ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรีและในสภารับทราบโดยให้ความเห็นว่ามีร่องรอยของการตัดต่อเสียงเท่านั้น ยังไม่มีรายละเอียด ทั้งนี้ โดยเอกสารนี้กองพิสูจน์หลักฐาน เพิ่งตรวจสอบเสร็จสิ้น ได้จัดพิมพ์เป็นเอกสาร พร้อมเซ็นชื่อกำกับถูกต้อง สรุปว่ามีร่องรอบการตัดต่อไม่เกิน 10 จุด โดยมีตัดต่อชัดเจน 3 จุดและอาจมีตัดต่ออีก 7 จุด โดยสิ่งสำคัญประโยคถ้อยคำยาว และสาระสำคัญ ไม่ถูกตัดหายไป
“ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่ได้ตรวจสอบและทำเอกสาร ลำดับเหตุการณ์ ระบุว่าในลำดับที่ 2 ,10 และ 22 ที่เป็นเนื้อหาสาระที่ถ้อยคำพูดของนายกฯที่พูดต่อเนื่อง เกี่ยวกับการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้ประกาศภาวะฉุกเฉินรวมไปถึงกรณีพาดพิงอดีตนายกฯ ที่มีพฤติกรรมจาบจ้วง หรือกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประเด็นที่นายกฯ ไม่ได้ชี้แจงในสภา เพราะหลักฐานที่กองพิสูจน์หลักฐานให้อนุกรรมการฯ นั้นเพิ่งเสร็จวันนี้และให้อนุกรรมการฯ ดูเป็นที่แรก ดังนั้น เรื่องนี้เป็นประเด็นที่นายกฯจะต้องชี้แจงมากกว่านี้”นายวรวัจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่าในวันที่ 10 ก.ย.นี้ คณะกรรมการตรวจสอบการข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานฯ จะประชุมเพื่อขอความเห็นว่าจะเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่เพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ต้องมีการชี้แจง ถือว่าตอนนี้นายกฯ งานเข้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการตอบกระทู้ถามของ ร.ต.อ.เฉลิม ิอยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย วานนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงพร้อมนำเส้นกราฟแสดงคลื่นเสียงประกอบ โดยระบุว่า คลิปเสียงดังกล่าวนำเสียงจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ วันที่ 19 และ 26 เม.ย.2552 เป็นหลัก โดยมีการตัดต่อเสียงเพื่อใส่ร้ายว่านายอภิสิทธิ์สั่งให้มีการสร้างสถานการณ์เพื่อปราบปรามการชุมนุมของคนเสื้อแดง เช่น นายอภิสิทธิ์พูดว่า "ให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ" ก็ตัดต่อใหม่เป็น"ให้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ" โดยตัดคำว่า"หลีกเลี่ยงการใช้"ออกไป แต่เมื่อเอาข้อความว่า"ความรุนแรงทุกรูปแบบ" ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ มาเปรียบเทียบกับข้อความเดียวกันในคลิปเสียง ปรากฏว่ามีคลื่นเสียงเหมือนกันทุกประการ แสดงว่าเป็นข้อความในคลิปเสียงนำมาจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย
นอกจากนี้ เนื้อหาในคลิปเสียงยังมีความขัดแย้งกันเอง เพราะในช่วงแรกได้พูดถึงเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายอภสิทธิ์บอกว่าตนเองอยู่ในรถ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว แต่ในเนื้อความต่อๆ มา กลับบอกว่าให้มีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้มีความชอบธรรมในการที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงมีการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณว่าไม่จงรักภักดีนั้น นายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงว่า เป็นเจตนาของผู้ตัดต่อคลิปเสียงที่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับนายอภิสิทธิ์จึงตัดต่อเสียงให้คนฟังเข้าใจว่า ตนได้ใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณว่าไม่จงรักภักดี