"ผ่าประเด็นร้อน"
แน่นอนว่า ข่าวที่ระบุชื่อลูกสาวสองคนของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในวัยประมาณยี่สิบกว่าปี หรือไม่เกินสามสิบปี เป็นเจ้าของธุรกิจรีสอร์ตหรูหรา ย่านบางพลี สมุทรปราการ มูลค่านับร้อยล้านบาท ย่อมต้องเป็นที่สนใจ และเกิดคำถามและข้อสงสัยตามมามากมาย
คำถามแรกก็คือลูกสาวทั้งสองคนของ พล.ต.อ.พัชรวาท อายุยังน้อยและยังรับราชการไม่มีประวัติเคยถูกหวย หรือรวยหุ้น อีกทั้งบิดาคือ พล.ต.อ.พัชรวาท หรือแม้กระทั่งมารดาคือ นางสมถวิล วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นภรรยาของ พล.ต.อ.พัชรวาท ตามประวัติ ก็ไม่เคยทำธุรกิจอะไร สังคมไม่เคยรู้จัก
แต่ที่เคยได้ยินข่าวก็คือ กรณีของ ส.ต.ต.(หญิง) นวพร สังกัดฝ่ายการต่างประเทศ 3 กองการต่างประเทศ ที่มีชื่อเป็นหนึ่งในเจ้าของรีสอร์ตดังกล่าว เคยถูกตำรวจชั้นประทวนร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบ และไม่เป็นธรรมของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
กรณีแต่งตั้งให้บุตรสาวคนดังกล่าว ขึ้นมาเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศร้อยตำรวจตรี ซึ่งยังมีเงื่อนงำ และไม่ชัดเจน หรือยังมีการชี้แจงที่ไม่ตรงประเด็นจนถึงบัดนี้
สำหรับข้อสงสัยในประเด็นต่อมาก็คือ กรณีการก่อสร้างรีสอร์ตในยุคนี้ด้วย “ไม้สักทอง” ถือว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะในเรื่องของการครอบครองไม้ และขนย้ายไม้ข้ามจังหวัด เพราะตามหลักภูมิศาสตร์ รับรองว่าแถวบางพลีไม่มีป่าไม้สัก หรือไม่เคยมีประวัติ มีการนำไม้สักทองมาฝังดินไว้ตั้งแต่ยุคโบราณแน่นอน
ดังนั้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า น่าจะมาจากภาคเหนือ แต่ปัญหาก็คือมีวิธีการขนย้ายและครอบครองถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงทำได้หรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของประชาชนทั่วไปที่มีเงิน แต่ไม่มีอำนาจ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าข่าวที่ปรากฏ ในเบื้องต้นย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และครอบครัวรวมไปถึง คนในตระกูลเดียวกัน หรืออาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นพี่ชาย ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาตั้งคำถามในเชิงข่มขู่ว่า “น้องผมผิดอะไร” เมื่อครั้งที่มีข่าวอาจถูกโยกย้ายพ้นจากเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทั้งๆ ที่มีข้อครหามากมายในยุคของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถ้าหากไม่นับเรื่องรีสอร์ตหรู ก็จะมีเรื่องการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายตำรวจชุด “152 นายพล” ที่มีการกล่าวหาในเรื่องการ “วิ่งเต้น -ซื้อขายตำแหน่ง” ผ่านทางคนใกล้ชิดของระดับบิ๊กในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการระบุถึงตัวเลขจำนวนเงินสะพัดนับพันล้านบาท
การบกพร่องต่อหน้าที่ กรณีที่ไม่สามารถควบคุมและรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่พัทยา ต่อเนื่องมาจนถึงเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีเกือบเอาชีวิตไม่รอด
หรือเหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เข้าสลายการชุมนุมของประชาชนอย่างป่าเถื่อน ตั้งแต่เช้ายันดึก ทำให้มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บและพิการจำนวนมาก และล่าสุดทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เพิ่มข้อหากระทำความผิดวินัยร้ายแรง และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกำลังจะชี้มูลความผิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นอกจากนี้ยังไม่นับเรื่องที่ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบสวน กรณีทำผิดระเบียบสำนักนายกฯ และกฎหมายที่เกี่ยวกับการประมูลงานของทางราชการหรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “กฎหมายฮั้ว” กรณีจัดซื้อจัดจ้างงานประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานในงบประมาณกว่า 18 ล้านบาท และเบื้องต้นพบว่ามีความผิด จนทำให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ใช้เป็นเหตุผลในการโยกย้ายมาช่วยราชการที่ทำสำนักนายกรัฐมนตรี และกำลังจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ สมชาย พ้นจากตำแหน่งเสียก่อน
จนกระทั่งในช่วงรอยต่อรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็มีคำสั่งย้ายกลับมานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดังเดิม แบบพิลึกพิลั่น เพราะมีการลงนามคำสั่งในวันอาทิตย์ และก่อนหน้าที่นายกฯอภิสิทธิ์จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
หรือแม้กระทั่งใช้ฐานะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) โหวตสวนนายกรัฐมนตรี กรณีที่เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
หลายกรณีที่กล่าวมาทั้งหมด ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้วสำหรับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่กำลังลุ้นอยู่ว่า จะสามารถอยู่รอดไปจนถึงวันเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้หรือไม่
แต่กรณี “รีสอร์ตหรู” ย่านบางพลี สมุทรปราการ ที่จ่อคอหอยมาล่าสุด พล.ต.อ.พัชรวาท ยิ่งต้องออกมาตอบคำถาม และชี้แจงข้อสงสัยให้เคลียร์ เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้ามาตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้เป็นอันขาด !!