ที่ประชุม กกต.ยังไม่วินิจฉัยสอบเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้าน สั่งอนุฯสอบพยานเพิ่มเติม ทั้ง “ประชัย-อภิสิทธิ์” ขีดเส้น 30 วัน ปัดยื้อเวลาหรือมีวาระซ่อนเร้นยันต้องรอบคอบนัดวินิจฉัยคำร้อง “ถาวร-พรทิวา” ถือหุ้นสัมปทานรัฐ 2 ก.ย.นี้ “สุทธิพล” เผย กกต.มีมติจัดเลือกตั้งใหม่นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่
วันนี้ (25 ส.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติให้คณะกรรมการไต่สวนกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์และ เงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ไปสอบสวนพยานเอกสารและพยานบุคคลเพิ่มเติม โดยให้เวลา 30 วัน เนื่องจากในการรายงานของเลขานุการกรรมการไต่สวนฯ ที่เสนอต่อที่ประชุม กกต.เห็นว่า ยังมีพยานบุคคลและพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากที่คณะกรรมการไต่สวนยังไม่ได้เรียกมาสอบ อาทิ นายทะเบียนพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัททีพีไอโพลีนจำกัด (มหาชน) ที่ถูกระบุว่า เป็นผู้บริจาคเงิน ผู้จัดทำบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและเป็นผู้เซ็นรับรองงบดุลที่ยื่นต่อ กกต.รวมถึงเอกสารรายการเสียภาษีเงินได้ จากกรมสรรพากร ที่ทาง กกต.พร้อมจะออกเป็นหนังสือขอไปยังหน่วยงานโดยตรง และกฎหมายได้บังคับเอาไว้ว่าต้องให้ความร่วมมือกับ กกต.อย่างไรก็ตาม ขอที่จะไม่เปิดเผยรายชื่อพยานบางคนที่ต้องสอบเพิ่ม เพราะจะกระทบต่อคดี
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า พยานที่ทาง กกต.อยากให้สอบเพิ่มล้วนแต่เป็นพยานที่คณะกรรมการไต่สวนยังไม่เคยเรียกมาสอบ โดยขณะนี้ กกต.ยังไม่มีมติยกคำร้องในประเด็นใดตามที่มีข่าว และการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ที่ผ่านมา ก็เป็นการสอบตามประเด็นที่มีการร้องครบถ้วน เพียงแต่ กกต.ต้องการให้สอบให้สุดทาง เพื่อให้ได้พยานทั้งเอกสารและบุคคลครบถ้วน เพื่อที่เมื่อถึงเวลาวินิจฉัย ไม่ว่าจะออกไปในทางใดก็จะไม่ถูกครหา วิพากษ์วิจารณ์
ทั้งนี้ นายสุทธิพล ยืนยันว่า การขยายเวลาดังกล่าวไม่ได้เป็นการซื้อเวลา หรือมีวาระซ่อนเร้น อีกทั้ง กรรมการไต่สวนก็ทำตามดุลพินิจของตัวเองและกรอบระยะเวลาที่ กกต.มอบหมาย โดยเห็นว่าหลักฐานเท่าที่เสนอนั้น ก็น่าจะเพียงพอต่อการวินิจฉัย แต่เมื่อ กกต.ดูแล้วเห็นว่ายังไม่เพียงพอก็ให้ไปสอบเพิ่มได้ ซึ่งกรรมการไต่สวนก็มีอิสระในการทำงาน
นอกจากนี้ ในที่ประชุม กกต.ประธาน กกต.ยังได้แจ้งว่า ได้รับผลการสอบสวนจากคณะกรรมการไต่สวนกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ร้องขอให้ตรวจสอบ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กรณีกระทำการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 และ 269 ถือหุ้นบริษัทที่เป็นสัมปทานรัฐ โดยได้ถ่ายสำเนาเอกสารผลการสอบสวนแจกให้กับกกต.ทุกคนไปศึกษาพร้อมนัดพิจารณาลงมติในวันที่ 2 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ส่วนการพิจารณาคำร้องการถือครองหุ้นของ 44 ส.ส.นั้น ในวันนี้ (26 ส.ค.) ประธาน กกต.จะให้เลขานุการคณะกรรมการไต่สวนฯเข้าชี้แจงสรุปสำนวนต่อ กกต.เพื่อที่ในวันที่ 2 ก.ย.จะได้ลงมติได้ตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นายสุทธิพล กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติให้จัดการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ แทน ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ โดยให้มีการเปิดรับสมัครใหม่และจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 25 พ.ค.
